Train

Train

ถ้าหากความโหดร้ายบนโลกไม่ได้มีอยู่แค่ใบเดียว… “Train” เป็นซีรีส์ลึกลับแฟนตาซีแนวโลกคู่ขนานเรื่องใหม่จากทางช่อง OCN ที่มีพร้อมกับปริศนาในคดีฆาตกรรมลึกลับที่ได้พาคนดูดำดิ่งไปแกะรอยค้นหาตัวฆาตกรและโลกลึกลับอีกใบที่ยังแอบซ่อนอยู่ ด้วยเนื้อหาของซีรีส์ที่ค่อนข้างหนักพอสมควร ค่อยๆ เพิ่มดีกรีความดิบเถื่อนและโหดผสมกลิ่นคาวเลือด ใครที่ชอบซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนต้องไม่พลาด

ซีรีส์เรื่องนี้โฟกัสที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ที่เข้ามาไขคดีปริศนาที่พบศพผู้เสียชีวิตอำพรางอยู่บริเวณสถานีรถไฟร้างที่ปิดตายไปแล้วมา 5 เต็ม แต่แนวการการสืบสวนของพวกเขาช่างเต็มไปด้วยอุปสรรค เพราะพยานหลักฐานที่ไม่เพียงพอ ซ้ำยังพบว่าคนที่น่าจะตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ดื้อๆ เสียอย่างนั้น ผนวกกับปมในอดีตของตัวละครหลักที่ยังฝังใจ กับคดีฆาตกรรมที่ทำให้คนที่เขารักต้องจากไป และยังตามหาคนลงมือทำยังไม่ได้

➡ อ่านเรื่องย่อซีรีส์เกาหลี Train

และหลังจากที่ซีรีส์ออกอากาศผ่านไปแล้ว 2 ตอนแรก ที่เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆ ที่ยัดใส่เข้ามามากมาย หากใครไม่ค่อยชอบที่จะดูซีรีส์สืบสวนแนววิเคราะห์หลักฐานเครียดๆ ไม่น่าจะเหมาะกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่โดยรวมแล้วจะเป็นอย่างไรนั้น เราจะมาขยี้ความรู้สึกแรกที่ต่อซีรีส์เรื่องนี้กัน

ภาพรวมของซีรีส์
เพียงแค่เห็นแนวคิดของซีรีส์เรื่องนี้ที่แบ่งออกมาเป็นโลกคู่ขนาน 2 ใบ ก็ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะนึกถึงซีรีส์โลกคู่ขนานเรื่องก่อนหน้านี้อย่าง The King: Eternal Monarch และเมื่อได้ลองดูผ่านไป 2 ตอนก็ได้พบว่า…ซีรีส์ทั้ง 2 เรื่องน่าจะได้แนวคิดคล้ายๆ กันมาอยู่ไม่น้อย เพียงแต่เลือกนำเสนอกันคนละด้าน ในซีรีส์เรื่องนี้เลือกด้านที่ดิบเถื่อนมากกว่า เป็นด้านมืดของโลกคู่ขนานทั้ง 2 ใบ ที่ฆาตกรเลือกสังหารเหยื่อและนำมาโยนทิ้งที่โลกคู่ขนานอีกใบเพื่อเป็นการอำพราง โดยใช้รถไฟเป็นการเดินทางเพื่อเคลื่อนย้ายศพ

หากจะถามว่าเนื้อหาซีรีส์เรื่องนี้เครียดระดับไหน? คงต้องบอกว่า ถ้าคะแนนเต็ม 10 ก็น่าจะให้คะแนนสัก 7 พอได้ เพราะเปิดเรื่องมา 2 ตอนเป็นซีรีส์ที่ไม่มีเสียงหัวเราะใดๆ เลย เต็มไปด้วยบรรยากาศอีมครึมของสถานที่เกิดเหตุและสถานการณ์ แต่ในภาพรวมแม้ว่าที่เพิ่งออนแอร์ไปจะเป็นเพียงแค่การปูทางเรื่องราวเอาไว้เท่านั้น ทำให้เรารู้ว่ายังมีโลกอีกใบที่ยังเดินไปไม่ถึง และเฝ้ารอการค้นหาอยู่ เพียงแต่ความเครียดกับแนวทางสอบสวนของซีรีส์ก็ทำให้เราคิ้วขมวดตาม แทบรอไม่ไหวแล้วที่โลกคู่ขนานทั้ง 2 ใบจะจับมือกันร่วมไขคดีนี้

แคสติ้งนักแสดง
นับว่าเป็นซีรีส์ที่ใช้แคสติ้งนักแสดงได้อย่างประหยัดคุ้มค่าจริงๆ เพราะทั้งเรื่องน่าจะมีนักแสดงอยู่เพียงแค่หยิบมือเดียว แม้จะเป็นซีรีส์โลกคู่ขนาน แต่โลกอีกใบก็ดันเป็นโลกในเชิงก็อปปี้ที่มีตัวละครเหมือนกัน ชื่อเหมือนกันด้วย เพียงแต่รูปแบบและการดำเนินการชีวิตต่างกัน ยุนชียุน เป็นนักแสดงที่เล่นได้หลากหลายบทบาท ให้เล่นตลกก็ได้ ให้เล่นบ้าก็ดี เป็นองค์ชายก็เพลิน เมื่อมาจับทางตำรวจขรึมๆ ก็ยังทำได้เงียบ เช่นเดียวกับ คยองซูจิน เป็นนางเอกที่เล่นซีรีส์มาหลากหลายแนว ครั้งนี้ต้องปรับมาเล่นคาแรกเตอร์ที่แตกต่างจากทุกครั้งของเธอ คงต้องตามดูต่อไปอีกบทบาทหนึ่งในโลกคู่ขนานของเธอจะออกมาเป็นยังไง

เนื้อหาและบทละคร
ว่ากันว่าซีรีส์เรื่องนี้น่าจะมีความกระชับพอสมควร เพราะน่าจะเป็นซีรีส์ 12 ตอนจบ แต่เห็นจาก 2 ตอนแรกที่ออนแอร์ไปก็คิดว่ายังมีส่วนที่ให้ความรู้สึกย้วยๆ อยู่หลายจุดอยู่ แต่ก็ถือว่ามีการขมวดปมของเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ ทั้งปมของตัวละครในอดีต ปมในตัวผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม รวมทั้งปมการข้ามไประหว่างโลกคู่ขนานทั้ง 2 ใบ เพียงแต่หลังจากที่ได้ดูในเบื้องต้น คงจะยังบอกอะไรได้ไม่มาก เพราะเรื่องยังไม่ได้ดำเนินไปถึงจุดนั้น เรายังไม่ได้รู้สึกโลกอีกใบเหมือนกับตัวละครที่ยังไม่รู้เช่นกันว่ามันมีอยู่จริง ทำให้ในส่วนบทละครนั้น…คงจะยังกล่าวถึงได้ยังไม่มาก เพราะเนื้อเรื่องก็ดูจะยังไม่เคลื่อนที่ไปถึงจุดนั้น

องค์ประกอบการแสดง
ด้วยความที่เป็นซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนที่แน่นอนว่าไม่ต้องทำอะไรมาก เพราะบทก็ส่งไปถึงนักแสดงอยู่แล้ว เพียงแค่จะเข้าถึงฉากระทึกขวัญและแอคชั่นได้มากแค่ไหน แน่นอนว่า ยุนชียุน คือสอบผ่านง่ายๆ เพราะเขาเป็นดาราเจ้าบทบาท สั่งให้เล่นดราม่าก็ได้ตามสั่ง สั่งให้มาดขรึมก็ทำได้ เพียงแต่ตอนนี้เรายังคงเห็นเพียงด้านเดียวของการแสดงของนักแสดง เพราะเนื้อหายังไปไม่ถึงทางฝั่งโลกคู่ขนาน ซึ่งเชื่อว่าหากได้เข้าไปสำรวจโลกอีกใบ น่าจะทำให้เกิดการเปรียบเทียบได้ชัดเจนกว่านี้ เพราะนักแสดงแต่ละคนจะต้องแสดงเป็น 2 คาแรกเตอร์เท่าๆ กันหมดทั้งเรื่อง

โดยสรุปแล้ว Train ก็เป็นซีรีส์แนวสืบสวนที่น่าสนใจ เพียงแต่การนำเสนอออกในช่วง 2 ตอนแรกนั้น อาจจะยังไม่ถึงใจถึงอารมณ์มากเท่าไหร่นัก เป็นการเกริ่นและปูทางเนื้อหาที่ค่อนข้างยืดยาวไปสักหน่อย เพราะจุดเด่นของเรื่องก็คือการไปสำรวจโลกคู่ขนาน แต่ในสัปดาห์แรกคนดูยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงบรรยากาศของโลกอีกใบเลย แต่เชื่อซีรีส์ก็น่าจะเหตุผลและจุดเชื่อมที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นหลังจากนี้เป็นต้นไป นับว่าเป็นยังซีรีส์ทางเลือกที่ติดตามดูก็ได้ หรือจะปล่อยผ่านไปก็ได้ ขึ้นอยู่กับรสนิยมและทางเลือกของคนดู

—————————————————-