รีวิวหนัง “ดอยบอย Doi Boy”

ดอยบอย เป็นเรื่องราวของ ศร เด็กหนุ่มที่หลบหนีเข้าประเทศไทยอย่างผิดกฎหมายและทำงานเป็นโสเภณีในบาร์เกย์แห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ชีวิตของเขาเริ่มไม่มั่นคงเมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แพร่กระจาย บาร์ที่เขาทำงานประจำต้องปิดตัวลง ศรต้องดิ้นรนหารายได้เสริมท่ามกลางอุปสรรคต่างๆ หนึ่งในนั้นคือเขาไม่มีหนังสือเดินทางเพื่อเข้าประเทศอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ศรแทบไม่สามารถหางานทำเพื่อเอาตัวรอดได้ ขณะเดียวกันเงินออมก็เริ่มหมดลงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จุดเปลี่ยนก็มาถึงแล้ว

รีวิวหนัง ดอยบอย Doi Boy
เมื่อจีซึ่งเป็นลูกค้าประจำของศร ขอให้ศรช่วยเขาทำภารกิจที่เกี่ยวข้องกับประกาศนียบัตรนักกิจกรรมที่เจ้าหน้าที่กำลังตามหาอยู่ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศตลอดจนข่าวการหายตัวไปอย่างลึกลับของนักเคลื่อนไหวคนอื่นๆ ชีวิตที่ไม่สามารถเลือกได้ทำให้ศรไม่มีทางเลือกอีกต่อไป และการตัดสินใจครั้งนี้ยังส่งผลให้ชีวิตของทั้งสามคนเปลี่ยนไปตลอดกาล
รีวิวหนัง ดอยบอย Doi Boy
นี่เป็นผลงานล่าสุดของผู้กำกับมากความสามารถในภาพยนตร์สารคดี “เบิ้ล-นนทวัฒน์ นำเบญจพล” ผลงานชื่อดังที่ได้รับรางวัลมากมาย เช่น Low Sky, High Land, Infected Water หรือ Soil หากไม่มีแดนก็ถือว่าคราวนี้เขาได้กลับมากำกับผลงานที่เป็นอีกผลงานหนึ่งแล้วได้ใช้เทคนิคและประสบการณ์จากงานสารคดีในภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างมีคารมคมคายและเต็มไปด้วยกลเม็ดเด็ดพราย
ดอยบอยถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนปัญหาสังคมได้อย่างชัดเจน หยิบยกประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมไทยที่เรามักพบเห็นตามข่าวจนเป็นที่คุ้นเคยแก่คนทั่วไป แม้แต่การเพิกเฉยต่อปัญหาก็ไม่ส่งผลกระทบต่อบุคคลนั้นเลย ภาพยนตร์เรื่องนี้พยายามที่จะแทรกปัญหาที่มีรากฐานมาจากความไม่เท่าเทียมกันเกือบทั้งหมด
รีวิวหนัง ดอยบอย Doi Boy
เป็นหนังไทยที่มีประเด็นค่อนข้างหนักแน่นและมีน้ำหนักมาก โครงเรื่องชัดเจนว่าจะดำเนินไปในทิศทางใด ด้วยจังหวะการเล่าเรื่องที่ดึงดูดผู้ชมให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม น้ำเสียงการเล่าเรื่องของภาพยนตร์อาจมีการตีความและไม่ได้อยู่ในสไตล์ของภาพยนตร์เชิงพาณิชย์ทั่วไป นี่เป็นภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีการกบฏอยู่ข้างใน แต่ก็สามารถสานต่อเรื่องราวที่ซื่อสัตย์และจริงใจต่อตนเองได้

องค์ประกอบงานสร้างของ ดอยบอย ที่ใคร ๆ ดูอาจจะบอกว่าบรรยากาศหนังดูมืดไปสักหน่อย แต่ความมืดต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นนัยยะที่สำคัญที่สะท้อนออกมาคู่กับการเล่าเรื่องได้ดี แน่นอนว่าหนังมีเทคนิคการถ่ายภาพที่ค่อนข้างเฉียบขาด แบบที่ไม่ค่อยจะได้เห็นกันบ่อย ๆ ในหนังไทย ขณะที่จังหวะการจัดมุมภาพและมุมกล้องต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้น่าพอใจดีเลยทีเดียว ด้วยการใช้แสงจากธรรมชาติเข้ามาช่วยส่งเสริมตัวหนัง

รีวิวหนัง ดอยบอย Doi Boy

อีกไฮไลต์ที่โดดเด่นของ ดอยบอย ก็ไม่น่าจะพ้นแคสติ้งนักแสดง ที่ถือว่าพวกเขาสามารถเดินเข้าไปนั่งแถวหน้างานประกาศรางวัลได้ยกชุดเลย “อัด อวัช” ทำการระเบิดพลังทางการแสดงออกมาได้อย่างปลดแอก เขาคือนักแสดงดาวรุ่งที่รอคอยการเปล่งประกายมานานหลายปี และผลงานชิ้นนี้ก็ถือมาสเตอร์พีชของเขา การตีความและสวมบทบาทครั้งนี้เขาทำออกมาได้น่าประทับใจมาก เขาสวมวิญญาณของศรได้ทั้งตัวตนและจิตใจ

แล้วยังมี “เป้ อารักษ์” กับ “เอม ภูมิภัทร” ที่ทั้งสองคนนี้ถือว่าเป็นนักแสดงชายที่ฝีมือจัดจ้านระดับแถวหน้าของวงการหนังไทยอยู่แล้ว พวกเขาก็สามารถใส่เกียร์ไม่ยั้งกับบทบาทที่ตัวเองได้รับ และแน่นอนว่าการแสดงของพวกเขามีลุ้นและมีสิทธิ์ที่จะได้เข้าชิงรางวัลทางการแสดงต่าง ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นนั้น เมื่อทั้ง 3 ตัวละครมาประกอบร่างเข้าด้วยกัน กลายเป็นจังหวะกำไรของคนดูที่ได้เห็นการแสดงที่น่าประทับใจของพวกเขา

รีวิวหนัง ดอยบอย Doi Boy

โดยสรุปแล้ว ดอยบอย จัดได้ว่าเป็นหนังดรามาที่แสนจัดจ้านในด้วยรสมือในการบรรเลงปัญหาสังคมต่าง ๆ ในหนังเรื่องนี้ หนังอาจจะยังไม่เข้าขั้นสมบูรณ์แบบ แต่ด้วยองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างก็ถือว่าดีเด่นในหลายด้านเช่นกัน โดยเฉพาะในแง่การแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกคาแรกเตอร์ รวมทั้งพล็อตเรื่องและโครงสร้างของบทที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์และสะท้อนปมปัญหาสังคมอย่างแยบยล พร้อมกับกลายเป็นหนังไทยที่ช่วยให้คนดูได้ขบคิดอะไรบางอย่างได้ไม่น้อย…เมื่อมันได้ปิดฉากลงไปแล้ว

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง ดอยบอย Doi Boy

  • ประเภท: ดรามา / อาชญากรรม
  • ผู้กำกับ: นนทวัฒน์ นำเบญจพล
  • นำแสดงโดย: อวัช รัตนปิณฑะ, อารักษ์ อมรศุภศิริ, ภูมิภัทร ถาวรศิริ
  • ความยาว: 98 นาที
  • กำหนดฉายในไทย: 24 พฤศจิกายน 2023 (ที่ Netflix)