The Theory of Everything – ทฤษฎีรักนิรันดร

 ไม่เพียงแต่หนังเรื่องนี้คือการนำเสนอชีวิตที่ไม่ธรรมดาของ Stephen Hawking ในแง่ของความเป็นพิเศษทั้งความอัจฉริยะภาพและอาการป่วยที่สาหัสของเขาเท่านั้น แต่เรื่องราวของคนเคียงข้างเขาเสมออย่าง Jane Hawking ภรรยาผู้ธรรมดาสามัญแต่มีหัวใจที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ก็เป็นการจับคู่ความสัมพันธ์ที่มีเรื่องราวเปี่ยมไปด้วยความน่าประทับใจ โดยที่มันมีพื้นฐานมาจากชีวิตจริงของทั้งสองคนอีกด้วย      เรื่องราวชีวิตของ Stephen Hawking ในก่อนวันที่เขาจะได้ก้าวมาเป็นยอดอัจฉริยะนักฟิสิกส์ทฤษฎีและนักจักรวาลวิทยา ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์  ผู้เป็นเจ้าของผลงานทรงอิทธิพลระดับโลกแห่งยุคอย่าง A Brief History of Time,The Universe in a Nutshell ในตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาหนุ่มอนาคตไกลและถูกเล่นงานด้วยโรคเซลล์ประสาทสั่งการที่ส่งผลให้เขาค่อยๆ สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อและเป็นอัมพาตนั่งรถเข็นไปชั่วชีวิตในที่สุด แต่กระนั้นสมองอันปราดเปรื่องเป็นเลิศของเขายังคงสามารถทำงานได้ดีเช่นเดิม และด้วยอุปกรณ์ช่วยการพูดการเขียนทำให้เขายังคงสามารถทำหน้าที่ศาสตราจารย์ และเขียนหนังสือเผยแพร่ทฤษฎีที่เขาค้นพบออกมาสั่นสะเทือนวงการฟิสิกส์และจักรวาลวิทยาได้อย่างน่าทึ่งเมื่อเราเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ภายนอกที่แสนจะร่อแร่อ่อนกำลังของเขา      คำกล่าวที่ว่า “เบื้องหลังทุกความสำเร็จของบุรุษ คือสตรีของพวกเขา” จะเป็นความจริงอยู่บ้างก็นับได้ว่ามันจริงไม่น้อยทีเดียวสำหรับ     Stephen เมื่อ Jane ที่ตกลงแต่งงานกับเขาแม้เธอได้รับรู้ถึงผลกระทบอันร้ายแรงที่มาจากโรคของ Stephen และที่เธอทำไม่ใช่เป็นเพียงคู่ชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นแม่ของลูกอีกสามคน เป็นผู้จัดการ  เป็นพยาบาล เป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เติมเต็มและผลักดันให้ Stephen มาไกลจนทุกวันนี้ แต่หนังก็ไปไกลกว่าแค่เรื่องของหญิงใจบุญรักสามีแม้ร่างพิการปัญหาเยอะโดยไม่มีข้อแม้ เป็นชีวิตที่ดีงามลงตัวเรียบง่ายน่าเบื่ออะไรแบบนั้น แต่เข้มข้นไปด้วยรายละเอียดของชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดบกพร่อง มีวันที่ชนะ วันที่แพ้ มีพบ มีรัก มีจากลาอย่างสามัญธรรมดาที่หนังบรรจงปั้นซีนจบเป็นซีนสรุปเส้นเวลาการเดินทางของตัวละครที่ตัดทับกันทั้งเรื่องได้อย่างน่าประทับใจมาก      หนังยังได้ฟีดแบ็กค่อนข้างดีจากคนดูหลายๆ คน และถือเป็นหนึ่งหนังคุณภาพย่อยง่ายที่สามารถเข้าถึงคนดูได้ทุกกลุ่ม ลำพังชื่อชั้นของ Stephen Hawking ก็ทำให้หนังน่าสนใจมากพออยู่แล้ว และหนังก็เล่าชีวิตของเขาอันน่าทึ่งได้ดีจนน่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนที่ต่อสู้เพื่อ passion อันทะเยอทะยานของตัวเอง แต่โปรดอย่าลืมสตรีที่อยู่ข้างหลังอย่าง Jane Hawking หญิงสาวธรรมดาสามัญผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่ากันเลย แม้ทั้งคู่จะเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง เต็มไปด้วยด้านอ่อนแอของมนุษย์ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวันเวลาที่พวกเขาได้สรรค์สร้างร่วมกันช่างปรากฏผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ น่าจดจำและควรค่าแก่การถูกกล่าวขานจริงๆ