Johnny English Strikes Again (2018) จอห์นนี่ อิงลิช พยัคฆ์ร้าย ศูนย์ ศูนย์ ก๊าก รีเทิร์น

Untitled07135

ยอมรับว่าตอนแรกผมดู Johnny English Strikes Again ด้วยความคาดหวังว่าหนังมันจะฮาน่ะนะครับ แต่พอดูๆ ไปห้วงอารมณ์มันเกิดเปลี่ยนเป็นว่า “แวะมาเยี่ยมเพื่อนเก่า” ซะยังงั้น

ถ้าถามว่าหนังฮาไหม ตามความรู้สึกผมก็ตอบได้ว่ามันไม่ได้ฮาตรึมอะไรมากครับ คือหนังออกมาเป็นแนวเบาสมอง ดูได้แบบเรื่อยๆ มุกตลกก็กลางๆ ไม่ได้ฮาแตกอะไร บางมุกก็เป็นมุกเดิมๆ ที่หากใครเคยดู Mr. Bean หรือ Johnny English ภาคก่อนๆ มาก็น่าจะคุ้นเคยและเดาทางได้

อย่างพล็อตนี่ก็มาทางเดิมเลยครับ เกิดเรื่องใหญ่ระดับประเทศขึ้นจนส่งผลให้สายลับมือดีไม่สามารถออกปฏิบัติภารกิจได้ ทางการเลยต้องไปตามสายลับที่ปลดระวางไปแล้วอย่างจอห์นนี่ อิงลิช (Rowan Atkinson) ให้กลับมาสืบ พร้อมทั้งได้ลูกมือหน้าซื่ออย่างบัฟ (Ben Miller) ตามมาประกบคอยช่วยเหลือ แล้วระหว่างทางการสืบพี่จอห์นนี่ของเราก็ฝากความป่วนหายนะเอาไว้ตลอดทางครับ จนพูดได้ว่ากว่าภารกิจจะสำเร็จเนี่ย ชาวบ้านร้านช่องก็ลำบากไปหลายเจ้าเหมือนกัน 5555

อย่างที่บอกครับว่าตอนแรกผมก็คาดหวังความฮาอยู่เหมือนกัน แต่พอดูไปก็ตระหนักน่ะครับว่าหนังมันไม่ได้ฮาแบบสมัยที่ Atkinson แกแสดง Mr.Bean แล้ว คือดูแล้วพอยิ้มๆ พอสัมผัสได้ว่าหนังทำออกมาเพื่อคลายเครียด เพื่อทำให้สมองเบาแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก พอถึงจุดนั้นผมก็เริ่มหยุดมองหาความฮา แล้วอีกความรู้สึกหนึ่งก็ผุดขึ้นมาแทน นั่นคือรู้สึกสนุกครับ สนุกไปกับการได้เห็น Atkinson ทำอะไรน่ารักๆ ทำอะไรเฟอะๆ เบ้อะๆ ที่แม้มันจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรก็ตาม แต่มันก็ทำให้เรายิ้มได้ อารมณ์เหมือนเราแวะมาหาเพื่อนเก่าแก่ที่รู้จักกันมานาน มาเจอกันเพื่อรู้ว่าเพื่อนยังสบายดีนะ ยังเต้นแร้งเต้นกา ทำท่าฮาๆ เหมือนวันวานได้อยู่… แล้วผมก็อยู่ในห้วงอารมณ์ที่ว่าไปจน End Credits ขึ้นครับ

นับนิ้วไปมาก็น่าใจหายเหมือนกันนะครับ Johnny English ภาคแรกนั้นถือกำเนิดในปี 2003 ซึ่งห่างจากภาคนี้ (ที่ฉายในปี 2018) ถึง 15 ปีครับ ในใจก็นึกนะว่า “โอ้ หนังชุดนี้อายุ 15 ปีแล้วหรือนี่” ผมยังจำรอบแรกที่ดูหนังภาคแรกได้เลยครับ ตอนนั้นดูในโรงที่เมเจอร์ รัชโยธิน ดูกับเพื่อนๆ นั่งขำนั่งสนุกกัน จำได้ว่าเพื่อนทุกคนที่ไปดูกันรอบนั้นต่างก็สนุกกับ Johnny English ด้วยกันทั้งหมด

หรือถ้านึกย้อนไปถึงคราวแรกที่รู้จักกับพี่ Rowan Atkinson ใน Mr. Bean เนี่ย ตอนนั้นก็ปี 1990 นับไปนับมาก็ 30 ปีเข้าไปแล้ว… พอนึกถึงตรงนี้ก็เลยทำให้ได้คำตอบน่ะครับว่าห้วงอารมณ์แบบ แวะมาเจอเพื่อนเก่า” นั้นมันผุดขึ้นมาได้ยังไง

ก็รู้จักกับพี่ Rowan แกมากว่า 30 ปีแล้วนี่ครับ

ถ้าพูดถึงตัวหนังแล้ว หนังอาจไม่ได้สนุกอะไรมากครับ เป็นหนังสายลับสายรั่วที่ดูได้เรื่อยๆ จุดที่ทำให้หนังพอจะน่าติดตามอยู่บ้างก็คือลีลาของ Atkinson แล้วก็บทสมทบของ Miller ขณะเดียวกันดาราเจ้าอื่นก็แสดงกันได้ดีครับ ไม่ว่าจะ Emma Thompson ในบทท่านนายกฯ ที่โวยได้ตลอดๆ, Olga Kurylenko สาวบอนด์ตอน Quantum of Solace ก็มาเป็นสาวอิงลิชในภาคนี้ บทเธออาจไม่เด่นแต่ก็พอเหมาะน่ะครับ ส่วน Jake Lacy ที่มาเล่นเป็น เจสัน โวลต้า ตัวร้ายประจำภาคก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีครับ เขาดูฉลาดและมาดดูดี (แต่บทจะพ่ายก็พ่ายเอาง่ายๆ ตามสูตรน่ะแหละ)

จุดที่ผมชอบมากในหนังคือดนตรีครับ ผลงานของ Howard Goodall คอมโพเซอร์ที่ทำดนตรีให้ Mr. Bean, The Black Adder แต่ไม่เคยทำดนตรีให้หนังชุด Johnny มาก่อน และพอเขาเข้ามาทำก็บอกได้เลยครับว่าดนตรีฟังดูมีพลัง เขาสามารถเอาธีมของภาคก่อนๆ มาเสริมเพิ่มลูกเล่น เพิ่มรสชาติให้กับหนังได้มากพอสมควร และที่สำคัญคือในบางเพลงนั้นแฝงไว้ด้วยความละมุนแบบพอเหมาะ สื่อถึงตัวตนของ จอห์นนี่ อิงลิชที่แม้จะป้ำๆ เป๋อๆ เฟอะๆ ฟะๆ แต่ก็มีมุมน่ารักกับเขาอยู่เหมือนกัน

ดังนั้นหากถามว่าหนังน่าดูไหม ก็ต้องลองถามตัวเองก่อนน่ะครับว่าเราสนุกกับหนังชุดนี้ไหม หากภาคก่อนๆ ดูแล้วเฉยๆ มาภาคนี้ก็อาจเฉยเหมือนเดิม หรือถ้าคาดหวังว่ามันจะฮากลิ้งก็อยากให้เผื่อใจครับ

จริงๆ ผมอยากให้ท่านดูภาคนี้แล้วได้ห้วงอารมณ์เหมือนผมนะ คือเข้าไปดูเพราะพี่ Rowan Atkinson ดูดาราตลกที่เราคุ้นเคยมาทำท่ายึกยัก ป่วนปังพังข้าวของแบบขำๆ

มีอย่างหนึ่งที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้นะครับ คือชอบที่หนังหาทางลงให้จอห์นนี่ อิงลิช คือเราจะรู้แต่ต้นแล้วใช่ไหมครับว่าจอห์นนี่ถูกปลดระวางจากตำแหน่งสายลับแล้ว และเขาก็ไปทำหน้าที่ครูครับ คอยสอนเด็กๆ ซึ่งผมชอบที่หนังเสนอให้เราเห็นว่าจอห์นนี่ก็มีความสุขกับการเป็นครูนะ เขาเข้ากับเด็กๆ ได้ และที่สำคัญคือเขารักลูกศิษย์ทุกคน ดูเป็นครูที่น่ารักดีน่ะครับ ซึ่งพอถึงตอนท้าย พอเสร็จภารกิจ จอห์นนี่ก็ได้กลับไปสอนเด็กๆ เหมือนเดิม เหมือนหนังจะบอกเราน่ะครับว่าในที่สุดแล้วสายลับจอมป่วน จอห์นนี่ อิงลิช ก็หาที่ทางของตัวเองเจอ… ดูจากตัวหนังรวมถึงข่าวต่างๆ แล้ว ก็เป็นไปได้สูงครับว่านี่จะเป็น Johnny English ภาคสุดท้าย ซึ่งอย่างน้อยการที่เราเห็นว่าบทสรุปของชีวิตจอห์นนี่คือได้เป็นครูที่รักเด็กและเด็กๆ รักนั้น มันก็ถือเป็นบทสรุปที่ดีเหมือนกันนะครับ

อ้อ อีกอย่างที่ควรบันทึกไว้ก็คือ Johnny English เป็นผลงานไตรภาคเรื่องแรกของ Rowan Atkinson ครับ ฮ่า เล่นหนังมาตั้งนาน ก็ได้มีไตรภาคเป็นของตัวเองสักทีน่ะนะครับ

ผมรู้สึกเลยครับว่าผมเขียนถึงหนังเรื่องนี้ในเชิงรำลึกความหลัง ในเชิงบอกเล่าอารมณ์หลังแวะไปหาเพื่อนเก่า ซึ่งมันก็ได้อารมณ์แบบนั้นจริงๆ น่ะนะครับ ซึ่งผมชอบห้วงอารมณ์นี้นะ มันเป็นชูรสชั้นดีที่ทำให้เรารู้สึกดีกับหนังมากขึ้น

ขอบคุณครับ Johnny English ที่ทำให้ผมมีความสุข มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะมาตั้งหลายปี

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)