HEARTSTOPPER

รีวิว ซีรีส์ HEARTSTOPPER

รีวิว ซีรีส์ HEARTSTOPPER ซีรีส์แนวรักวัยรุ่นที่เล่าถึงเรื่องราวความหลากหลายทางเพศได้อย่างน่ารักสดใส

เมื่อพูดถึงซีรีส์แนวรักวัยรุ่นที่เล่าเกี่ยวกับเรื่องราวความหลากหลายทางเพศหรือชายรักชายคนส่วนใหญ่ก็คาดหวังว่ามันจะมีฉากเซอร์วิสแบบโรแมนติกเย้ายวนใจให้เราได้รับชม ซึ่งมีความเป็นจริงแล้วฉากเหล่านั้นในซีรีส์หลายเรื่องสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความเป็นจริงวิถีชีวิตของชาว LGBT มันเหมือนกับเป็นการเปิดกว้างแต่ไม่ได้ยอมรับแต่อย่างใดว่าความจริงแล้ววิถีชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง มันทำให้หลายคนไม่ได้ชอบการรับชมซีรีส์แนวนี้สักเท่าไหร่ 

แต่ในวันนี้เราอยากจะให้คุณลองเปิดใจรับเชิญซีรีส์บน NETFLIX เรื่องหนึ่งที่เล่าถึงเรื่องราวความหลากหลายทางเพศและความรักระหว่างชายรักชายออกมาได้อย่างน่ารักสดใสนั่นก็คือซีรีส์เรื่อง HEARTSTOPPER เป็นเรื่องราวความรักระหว่างเพศเดียวกันของชาว LGBT ที่สร้างมาจากการ์ตูนชื่อดังบนเว็บไซต์และได้รับการตีพิมพ์ในหลายภาษาด้วยกันไม่เว้นแม้แต่ภาษาไทยที่มีหนังสือชื่อว่าหยุดหัวใจไว้ที่นาย ทาง NETFLIX ได้ซื้อลิขสิทธิ์ของนวนิยายดังกล่าวมาสร้างเป็นซีรีส์ 8 ตอนจบ และมันก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนทำให้ตอนนี้ติดเทรนทวิตเตอร์ในต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถทำคะแนนบนเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง IMDB ได้ถึง 9.1 ได้คะแนนบนเว็บไซต์ ROTTEN TOMATO ถึง 99 เปอร์เซ็น 

เนื้อเรื่องอาจจะไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปมากกว่าซีรีส์แนวรักวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป แต่ความแตกต่างคือการเล่าถึงเรื่องราวความรักวัยรุ่นของเด็กหนุ่ม LGBT ออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาและสมจริงเป็นอย่างมาก เป็นความลับวัยรุ่นแบบใสๆ ที่ใส่ใจในรายละเอียดได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้นนอกจากมันจะสร้างความฝันให้กับเราได้แล้วมันยังสร้างความตระหนักและการยอมรับความหลากหลายทางเพศมากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย

ซีรี่ย์ netflix แนะนํา 2022

เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง HEARTSTOPPER

HEARTSTOPPER เป็นซีรีส์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าชาลี เขาเป็นเด็กเนิร์ดที่หาดูภายนอกแล้วก็เหมือนกับเด็กเรียนเก่งธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้แตกต่างอะไร แต่เขาดันมีความกล้าที่จะเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์เพียงแค่คนเดียวในโรงเรียน แทนที่เขาจะได้รับการยอมรับกับกลายเป็นว่าเพื่อนร่วมโรงเรียนกลับรุมแกล้งเขาอยู่เป็นประจำ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป

จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้พบเจอเข้ากับนิค เด็กหนุ่มนักรักบี้ดาวเด่นที่ทั้งหล่อเหลาและรูปร่างดี เขารู้สึกตกหลุมรักอีกฝ่ายในทันที แถมยังได้มีโอกาสบังเอิญมานั่งเรียนอยู่ข้างกันในวิชาเรียนหนึ่งอีกด้วย มันเลยทำให้ทั้งสองได้มีโอกาสในการทำความรู้จักกัน และหลังจากนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ได้เริ่มต้นขึ้น

นิกได้ทำการชวนชาลีให้เข้ามาอยู่ในทีมรักบี้ด้วยกัน แม้ว่าชาลีจะเป็นเด็กเรียนแต่เพราะว่าแอบชอบเพื่อนเขาจึงไม่ปฏิเสธในการเข้าร่วมทีมแต่อย่างใดแม้ว่าจะมีเพื่อนคอยเตือนเขาอยู่ว่าไม่ควรทำแบบนั้นก็ตาม สุดท้ายแล้วความรักของทั้งคู่จะลงเอยอย่างไร พวกเขาจะได้สานความสัมพันธ์กันต่อหรือไม่ต้องติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์ 

ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง HEARTSTOPPER

HEARTSTOPPER เป็นซีรีส์แนวรักวัยรุ่น LGBT ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หากเปรียบเทียบกับซีรีส์แนวรักวัยรุ่นทั่วไปที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความรักระหว่างชายหญิง แต่ในแง่ของการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ LGBT ถือว่าสามารถทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมาก มีทั้งความตรงไปตรงมาและความสมจริงที่เล่าออกมาได้อย่างตรงประเด็น เป็นความรักแบบใสๆ ที่สามารถเล่าลงลึกถึงรายละเอียดได้อย่างไม่ขัดหูขัดตา สามารถเล่ารายละเอียดลงไปถึงวิถีชีวิตของเกย์วัยรุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม 

เป็นเรื่องราวความรักที่ทั้งสนุกสนานและสดใสน่ารักจนทำให้ผู้รับชมอย่างเราลุ้นตามไปด้วยว่าชาลีจะสมหวังในความรักของเขาหรือไม่ ที่น่าสนใจก็คือซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้พยายามยัดเยียดให้มันดูออกมาเป็นซีรีส์เกย์แบบขายความเป็นชายรักชายจ๋าแต่อย่างใด การถ่ายทอดความรู้สึกการตกหลุมรักของแต่ละคู่สามารถทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าชังและน่าจะทำให้หลายคนรู้สึกคิดถึงความรักในวัยเรียนของตัวเองในอดีตไม่น้อยเลยทีเดียว

อีกหนึ่งความดีงามก็คือตัวละครแต่ละตัวในซีรีส์เรื่องนี้มีเสน่ห์เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นบทบาทหรือการแสดงออกของพวกเขาซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงที่สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะตัวละครชาลีที่แม้ว่าจะเป็นเด็กเนิร์ดแต่ก็น่ารักสดใสเป็นอย่างมาก เป็นคนที่แสนดี แม้ว่าเขาจะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้ล่วงล้ำความเป็นมิตรภาพระหว่างเขากับนิคแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันยิ่งรู้จักมันยิ่งทำให้นิกรู้สึกหวั่นไหวกับชาลีด้วย 

ด้วยเหตุนี้ซีรีส์เรื่องนี้จึงมีการผสมผสานความเป็น COMING-OF-AGE เข้ามาเล็กน้อย เพราะการที่นิกเป็นเด็กหนุ่มนักกีฬาที่มาดแมนมาโดยตลอดและเข้าใจว่าตัวเองชอบผู้หญิงกลับหวั่นไหวกับเพื่อนของตัวเองมันทำให้เขารู้สึกสับสนในตัวเองและต้องพยายามค้นหาคำตอบว่าความจริงแล้วเขาเป็นเพศไหนกันแน่

โดยรวมแล้วซีรีส์เรื่องนี้ถือว่าเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยข้อดีมากมายที่เราอยากจะแนะนำให้คุณได้ลองรับชมไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวความรักวัยรุ่น LGBT ออกมาได้อย่างน่ารักสดใส ตัวละครที่มีเสน่ห์และเคมีเข้ากันได้เป็นอย่างดี ความฟินจิกหมอนที่ใส่เข้ามาแบบกำลังพอดีไม่ยัดเยียดจนเกินไป การใส่ประเด็นตรงความรู้สึกของคนที่เป็นเกย์แต่คนอื่นออกมาได้อย่างละเอียดอ่อน มีการให้ความสำคัญกับความรักและความหลากหลายทางเพศได้อย่างลงตัว มีการใช้ฟิลเตอร์การ์ตูนเข้ามาถ่ายทอดอารมณ์เพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์เรื่องนี้ยังมีข้อสังเกตเล็กน้อยนั่นก็คือเนื้อเรื่องอาจเบาจนเกินไปเพราะไม่ได้มีอะไรมากมายให้เราได้รู้สึกเครียดหรือกดดัน บทของเพื่อนชาลีอย่างไอแซกมีน้อยจนหายไปจากเนื้อเรื่องหลักอย่างน่าเสียดาย 

ตัวอย่างซีรีส์ HEARTSTOPPER

รีวิวซีรีส์ HEARTSTOPPER บางส่วนจาก playinone

ซีรีส์วัยรุ่น LGBTQ ที่เป็นแนวรักสดใสเบาๆ แต่แฝงด้วยเนื้อหาสาระความเป็นจริงที่ละเอียดอ่อนทางความรู้สึกของความเป็นเพศทางเลือกใหม่ของสังคมในปัจจุบัน ตัวละครมีเสน่ห์สดใสชวนให้น่าหลงไหลติดตามมาก แม้จะไม่ใช่คนดูแนวนี้เองก็ตาม ถ้าได้ทดลองเปิดดูก็จะรู้สึกถึงเสน่ห์ของเรื่องนี้ในทันที เป็นซีรีส์น้ำดีที่มีองค์ประกอบทุกอย่างครบโดนใจพร้อมให้ผู้ชมหลงรักได้ง่ายๆ

Heartstopper เธอทำให้ใจฉันหยุดเต้น ซีรีส์ความรัก LGTBQ วัยรุ่น ที่สร้างมาจากการ์ตูนดังบนเว็บของนักเขียนชาวอังกฤษ Alice Oseman เรื่องนี้มีฉบับแปลตีพิมพ์ในไทยชื่อ หยุดหัวใจไว้ที่นาย ซึ่ง Netflix ก็ซื้อสิทธิมาสร้างเป็นซีรีส์ 8 ตอนจบซีซั่นแรก ที่ตอนนี้กระแสความนิยมในต่างประเทศกับคะแนนรีวิวที่ออกมาทั้งสื่อกับยูสเซอร์แฟนๆ ต้นฉบับนี่ดีมากๆ

พล็อตเรื่องคือ ชาร์ลี (รับบทโดย Joe Locke) หนุ่มน้อยเนิร์ดที่เป็นเกย์ได้มาพบกับนิค (รับบทโดย Kit Connor) หนุ่มนักกีฬาชมรมรักบี้ ทั้งคู่ได้สานมิตรภาพระหว่างเพื่อนจนมีความรู้สึกลึกซึ้งเกินอธิบาย ขณะที่ต่างคนต่างรับมือกับชีวิตและปัญหาหัวใจที่แตกต่างกัน จะเห็นว่าเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ ค่อนข้างตรงไปตรงมากับแนวทางความรักของเกย์มาก แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้มันโดดเด่นเป็นที่ชื่นชอบมากก็เพราะมันเป็นเรื่องราวความรักวัยรุ่น LGTBQ ใสๆ แต่ละเอียดอ่อนในรายละเอียด ลงลึกไปถึงเรื่องเล็กน้อยของชีวิตเกย์วัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่ใช่แค่กลุ่มผู้ชมที่ชื่นชอบแนวนี้จะต้องชอบมากแน่ๆ แต่สำหรับผู้ชมทั่วไปนี่ก็ยังเป็นซีรีส์ความรักวัยรุ่นที่ดูสนุกสดใสน่ารักมาก แบบท้าให้ลองเปิดดูแค่ช่วงแรกของตอนที่ 1 ก็จะรู้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้ไม่ธรรมดาในการนำเสนอเรื่องราวกับองค์ประกอบต่างๆ ออกมาได้สดใสไม่มีความรู้ว่าถูกยัดเยียดให้ดูแนวเกย์แต่อย่างใด

สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีสุดคือเสน่ห์เหลือล้นของตัวละคร กับการถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สึกของการตกหลุมรักป๊อบปี้เลิฟในแต่ละคู่ ที่ทุกคนเริ่มจากมิตรภาพแบบเพื่อน ก่อนพัฒนาไปสู่ความรักในแบบที่เป็นธรรมชาติของวัยรุ่นเอง ซึ่งความใสของตัวเอกชาร์ลีที่เป็นเกย์แบบปิดเผยแสนดีกับคนที่เขารู้สึกรัก ถูกแสดงออกด้วยภาษากาย ความคิด การกระทำที่ไม่ล่วงล้ำมิตรภาพของความเป็นกับนิค จนทำให้นิคเองกลับหวั่นไหวในตัวตนความดีของชาร์ลี ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านตัวตนของนิค (Coming of Age) จากหนุ่มนักกีฬาชายที่เริ่มสับสนในตัวเอง และก็พยายามค้นหาคำตอบว่าเขาเป็นเกย์หรืออะไรกันแน่ ซึ่งเรื่องราวถูกถ่ายทอดออกมาแบบค่อยเป็นค่อยไปผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่มีชาร์ลีมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเขามากขึ้นเรื่อยๆ และก็ไม่เคยรุกล้ำเร่งเร้าความรู้สึกอะไรกับนิคเลย

นอกจากในมุมของนิคที่เป็นพระเอกของเรื่องนี้แล้ว ตัวนางหรือนายเอกแสนดีชาร์ลีก็มีมุมเรื่องราวที่แอบกดดันลึกๆ ในใจอยู่ตลอดเวลา ทั้งปมจากคนรักเก่าที่อยู่ในโรงเรียนด้วยกัน ความรู้สึกผิดที่ตัวตนเกย์ทำให้คนที่เขารักอาจจะต้องอึดอัดและเสียสังคมเพื่อนกับความเป็นตัวเองไปจากการที่มาสนิทสนมกับเกย์ ซึ่งตัวเรื่องถ่ายทอดปมความรู้สึกเหล่านี้ออกมาได้อย่างกินใจ ให้ผู้ชมได้รับรู้เข้าใจปมเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง ซึ่งนอกจากผู้ชมจะเห็นใจแล้วก็จะรู้สึกชื่นชมในตัวละครเกย์แบบชาร์ลีมาก ซึ่งเชื่อว่าเกย์ส่วนใหญ่ก็น่าจะมีปมความรู้สึกนึกคิดแบบในเรื่องนี้ แต่ไม่เคยมีเรื่องไหนพยายามถ่ายทอดออกมาละเมียดละไมแบบเรื่องนี้ (จากประสบการณ์ที่ดูหนังเกย์มาพอสมควร) เพราะมักจะข้ามไปให้ความสำคัญกับเรื่องอื่นมากกว่าปมด้อยตัวตนความเป็นเกย์ที่ส่งผลต่อคนที่เขารัก

ในขณะที่คู่อื่นๆ แม้เป็นคู่รองแต่เรื่องราวก็น่าติดตามไม่แพ้กัน ซีรีส์เรื่องนี้พาผู้ชมไปสำรวจความหลากหลายทางเพศของวัยรุ่นในปัจจุบันได้อย่างน่าสนใจ โดยเรื่องแอบซับซ้อนนิดๆ เมื่อวัยเด็กของนิคชอบสาวน้อยผิวดำคนหนึ่ง มีจูบแรกด้วยกัน แต่เธอเติบโตมาเป็นเลสเบี้ยนในภายหลัง ซึ่งเรื่องราวถูกนำมาเกี่ยวกับนิคในแง่ของความรู้สึกปัจจุบันว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ในเมื่อเริ่มชอบชาร์ลีก็จริง แต่อดีตก็ชอบเธอจริงๆ หรือเขาจะเป็นไบเซ็กชวล ซึ่งสาวน้อยคนนี้ก็จะกลายมาเป็นคนให้คำปรึกษาเรื่องราวการรู้สึกถึงตัวตนกับการเปิดเผยตัวต่อสังคม ที่ส่งผลกระทบหลายอย่างกลับมาหาเธอเช่นกัน ตัวเรื่องนำเสนอความรู้สึกนึกคิดของเลสเบี้ยนวัยรุ่นได้ดีพอๆ กับเรื่องราวเกย์ของชาร์ลีกับนิค และทั้งสองคู่นี้ก็ยังสอดประสานเรื่องราวไปด้วยกันได้อย่างดี

นอกจากนี้แล้วในมุมของมิตรภาพระหว่างเพื่อนในแก๊งค์ของชาร์ลีเองที่มีกัน 4 คนก็ถูกนำเสนอออกมาแบบให้ความสำคัญกับเรื่องราวหลักมาก โดยเฉพาะ เทา (รับบทโดย William Gao) ที่เป็นกระเทยสาวจ๋านิสัยแรงๆ (ไม่แน่ใจว่าผู้เขียนใช้คำผิดไหมเพราะในเรื่องก็ไม่ได้บอกว่าเป็นเพศไหนตรงๆ) ที่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างเพื่อนมากที่สุด คาดหวังไม่ให้ชาร์ลีต้องเจ็บปวดกับการไปรักนิค แต่ตัวเทาเองกลับได้รับผลกระทบจากความหวังดีแบบเกินไป จนกลายมาเป็นปมดราม่าระหว่างเพื่อนที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครมาคบเท่าไหร่ เพราะเป็นตัวแปลกแยกถูกกลั่นแกล้งบูลลี่ในโรงเรียนอยู่แล้ว