The Number 23 (2007) 23 รหัสช็อคโลก

Untitled08613

วอลเตอร์ สแปร์โรว์ (Jim Carrey) ได้อ่านนิยายที่ชื่อว่า The Number 23 ซึ่งนิยายเล่มนี้มันมีหลายสิ่งที่พ้องกับชีวิตของเขา และยังทำให้เขาตระหนักว่าเลข 23 มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ ในชีวิตเขาอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาหมกมุ่นในเลข 23 มากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมทั้งพยายามหาคำตอบว่าใครคือคนที่เขียนนิยายเล่มนี้ และมันมีความลับอะไรซ่อนเร้นอยู่กันแน่

The Number 23 เป็นหนังที่ผมสนใจเมื่อตอนมันลงโรงฉาย เหตุผลเพราะได้ Carrey นำแสดง และยังกำกับโดย Joel Schumacher พร้อมทั้งเนื้อหาก็ออกแนวลึกลับชวนค้นหาแบบที่ชอบ แต่กระนั้นผมก็รออยู่นานเป็นสิบปีครับกว่าจะได้ดู ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน จู่ๆ ความอยากดูมันก็ลดลงไปดื้อๆ

ตัวหนังถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ ดาราในเรื่องถือว่าแสดงกันได้ดี พี่ Jim แกแสดงได้ดูหมกมุ่นและดูโทรมสมบทมาก ส่วนในแง่ของเนื้อหาตอนแรกๆ ก็น่าสนใจอยู่ แต่พอผ่านไปสักพักความน่าสนใจก็ลดลง เหมือนหนังยังไม่สามารถทำให้เรารู้สึกฉงนกับเลข 23 ได้อย่างที่ควรจะเป็น คือในเรื่องเราจะเห็นตัวเอกหมกมุ่นกับมันครับ หมกมุ่นแบบจัดๆ เลยล่ะ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้คนดูรู้สึกหมกมุ่นตาม ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลที่เอามาเชื่อมโยงมันยังไม่โดนแบบเต็มๆ หรือดูแล้วมองไม่ค่อยออกสักเท่าไรว่า “เลข 23 มันจะส่งผลอะไรต่อไป” – ไม่รู้ว่าหนังจะพาเราไปไหน

Untitled08614

ผมนึกไปถึงเรื่อง Knowing ครับ หนังมีความคล้ายคลึงกันคือตัวเอกที่ไปค้นพบชุดตัวเลข เพียงแต่กับเรื่องนั้นดูแล้วมันอินเพราะมันเป็นความหมกมุ่นที่มีทิศทาง และตัวเลขใน Knowing มันเชื่อมไปสู่เรื่องภัยพิบัติ ทำให้หนังมีประเด็นให้ติดตาม และทำให้เราตระหนักในความหมายของชุดตัวเลข

แต่กับ The Number 23 นี่ หนังถ่ายทอดให้เราเชื่อได้ว่าตัวเอกหมกมุ่นกับตัวเลขนี้ แต่มันไม่มีพลังมากพอที่จะทำให้คนดูหมกมุ่นในตัวเลข 23 ตาม จึงไม่แปลกหากคนดูบางคนจะรู้สึกเหมือนตัวละครอย่างอกาธา (Virginia Madsen) ภรรยาของวอลเตอร์ หรือไอแซค (Danny Huston) เพื่อนของอกาธา ที่รู้สึกว่าวอลเตอร์กำลังคิดไปเอง

ว่าง่ายๆ คือบทและทิศทางของเรื่องยังไม่ทำให้คนดูจมไปกับเรื่องราวได้ครับ แต่ยังดีที่หนังมีของดีอย่างการถ่ายภาพที่ชวนอึดอัด ได้อารมณ์ลึกลับ ซึ่งก็ต้องขอบคุณผู้กำกับภาพอย่าง Matthew Libatique ที่ทำหน้าที่ได้ดี เขาคนนี้เป็นผู้กำกับภาพสายมิวสิควีดีโอครับ แล้วต่อมาก็เป็นผู้กำกับภาพคู่บุญของ Darren Aronofsky ไม่ว่าจะเรื่อง Pi, Requiem for a Dream, The Fountain, Black Swan, Noah และ Mother! ซึ่งงานกำกับภาพของเขาในเรื่องนี้มันได้บรรยากาศและได้อารมณ์ลึกลับ บิดเบี้ยว กึ่งฝันกึ่งตื่น – บอกได้เลยครับว่าถ้าขาดพลังเรื่องภาพไป หนังจะดูดรอปกว่านี้แน่ๆ

โดยรวมแล้วหนังถือว่าดูได้เรื่อยๆ ครับ ถือว่าไม่เลวสำหรับหนังแนวลึกลับระทึกขวัญผสมจิตวิทยา แม้พลังในเนื้อเรื่องกับการเดินเรื่องจะยังไม่มากนัก แต่อย่างน้อยดาราก็โอเค และงานภาพก็บิ้วอารมณ์ได้ในระดับหนึ่ง

ปล. อันนี้ขอโพสต์เพิ่ม เพราะเพิ่งมาตระหนักได้หลังโพสต์ไปแล้ว – ปกติผมจะเขียนรีวิวเอาไว้ก่อนแล้วก็ทยอยลงตามแต่โอกาส ไม่ได้ลงตามลำดับก่อนหลังครับ อย่างรีวิว The Number 23 นี่ก็เขียนเสร็จมา 2 – 3 วันแล้ว แต่ก็เพิ่งเอามาลงในวันนี้ ลงแบบไม่ได้คำนึงถึงอะไรทั้งนั้น จนพอลงเสร็จแล้วมาดูที่เว็บหน้าแรกแล้วก็ตระหนักว่า วันนี้คือวันที่ 23 นี่… ก็บังเอิญดีเหมือนกันแฮะ

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)