Space Sweepers (2021) ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล

Untitled06329

จัดเป็นหนังแอ็กชัน ผจญภัย บวกไซไฟที่ทำออกมาได้โอเคเลยครับ แม้ตัวหนังอาจจะไม่ถึงกับสุดยอดไปเสียทั้งหมด แต่ถ้าว่ากันโดยรวมล่ะก็ หนังจัดว่าตอบโจทย์ได้ทั้งความบันเทิงและยังมีพล็อตเชิงดราม่าผสมลงมาในระดับที่น่าพอใจทีเดียว

ถ้าให้นิยาม นี่ก็คือการเอา Guardians of the Galaxy มาเจอกับ Rogue One แล้วบวกด้วย Elysium เข้าไป เรื่องราวเล่าถึงอนาคตที่โลกของเราสภาวะอากาศไม่เหมาะแก่การอยู่อาศัย คนที่มีเงินก็อพยพไปอยู่ในเมืองกลางอวกาศที่ดีทั้งอากาศและสภาพแวดล้อม ส่วนคนที่ไม่มีเงินก็ต้องกระเสือกกระสนทนอยู่กันไป ตัวเอกของเราก็คือกลุ่มคนไร้สังกัดที่ต้องคอยเก็บเศษขยะเลี้ยงชีพ แต่ทีนี้อยู่มาวันหนึ่งพวกเขาเจอแจ็คพ็อตคือไปเจอตัวหุ่นยนต์เด็กที่คนทั้งโลกกำลังตามหากัน และถ้าเอาหุ่นเด็กคนนี้ไปแลกรางวัลนำจับล่ะก็จะได้เงินอย่างมหาศาลเลยล่ะ

แต่ก็ตามสูตรน่ะครับ การจะเอาตัวเด็กไปแลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อุปสรรคน่ะมีเพียบ แล้วมิหนำซ้ำเด็กยังน่ารักน่าหยิกเหลือขนาดจนพวกเขาเองก็เริ่มจะลังเลใจว่าจะเอาเด็กไปแลกเงินรางวัลดีไหม นี่ยังไม่รวมเรื่องน่าสงสัยเกี่ยวกับเด็กคนนี้อีกนะ ทีนี้เรื่องจะไปลงเอยอย่างไร คำตอบก็รออยู่ในหนังครับ

อย่างแรกที่ถือว่าน่าประทับใจเลยคืองานเทคนิคพิเศษครับ CG จัดว่าเนียน ส่วนฉากในยานต่างๆ ก็ถือว่าได้อารมณ์หนังไซไฟตะลุยอวกาศแบบกำลังเหมาะ ซึ่งหากพิจารณาจากทุนสร้างประมาณ 22 ล้านเหรียญสหรัฐแล้วต้องถือว่าน่าปรบมือเลยล่ะครับ ส่วนในแง่การเดินเรื่องนั้นว่าตามจริงก็มีช่วงเรื่อยๆ ช้าๆ อยู่บ้างในครึ่งแรก ซึ่งก็คือในช่วงปูพื้นและแนะนำตัวละครนั่นแหละครับ

จริงๆ เหล่าตัวเอกนี่มาพร้อมคาแรคเตอร์นะ แทโฮ (Song Joong-Ki) ก็เป็นพระเอกมาดกวน, กัปตันชาง (Kim Tae-ri) ก็มาดแกร่งๆ นิ่งๆ ส่วนไทเกอร์ (Seon-kyu Jin) ก็ดูถึกๆ เหี้ยมๆ และเจ้าหุ่นก็ออกแนวพูดเยอะเรื่องแยะ แต่ละคนมีคาแรคเตอร์ชัดเจนลงสูตรสำเร็จ แต่ช่วงต้นๆ เหมือนอะไรๆ ยังไม่เข้าที่ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวละครยังไม่เข้าทางนัก เลยทำให้รู้สึกเรื่อยๆ ช้าๆ ในบางวาระ ทีนี้หนังจะมาเริ่มดูมีอะไรก็ตอนที่เจ้าหนูน้อยโดโรธี (Ye-Rin Park) โผล่เข้ามานั่นแหละครับ ช่วงนี้พวกแทโฮถึงจะเริ่มดูมีอะไรมากขึ้น โดยเฉพาะไทเกอร์นี่อารมณ์ชัดกว่าใครเพื่อนว่าเขาเกิดเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหนูน้อยนี่ขึ้นมาจริงๆ ซะแล้ว

แล้วก็ต้องยอมรับว่าทีมงานเลือกหนูน้อย Ye-Rin Park มาเล่นได้เหมาะครับ เธอน่ารักจริงๆ และเป็นความน่ารักแบบน่ารักเพียวๆ ไม่มีความทะเล้นทะโมนแทรกเข้ามาเลย คือใครคลุกคลีกับหนูน้อยคนนี้ผมก็เชื่อว่าคุณจะต้องรักเธอน่ะครับ อันนี้ให้ใจเลยว่าหนังทำสำเร็จให้เรารู้สึกรักหนูน้อยคนนี้ขึ้นมาพร้อมๆ กับพวกแทโฮ

Untitled06328

อีกคนที่ถือว่าเล่นดีตามที่บทเปิดโอกาส คือ Richard Armitage (แห่งไตรภาค The Hobbit) ที่มารับบทร้ายเป็นนายซัลลิแวนที่ฉากหน้าดูเป็นคนดี แต่เบื้องหลังร้ายกาจยิ่งนัก นายคนนี้ก็ร้ายได้ระดับ ดูร้ายแบบน่าเชื่อ (รู้สึกว่า Armitage จะเล่นบททำนองนี้ขึ้นครับ พวกบทแบบเห็นแก่ตัวจัดๆ หรือคิดถึงแต่ตัวเองเป็นหลักอะไรทำนองนี้)

ถ้าถามว่าหนังสนุกไหม ผมว่าก็โอเคนะครับ ถือว่าดูได้เพลินๆ สำหรับหนังผจญภัยกลางอวกาศแบบนี้ งานเทคนิคเวิร์ก ปมในเรื่องแม้จะพอเดาได้แต่ก็อย่างที่ผมชอบพูดประจำน่ะครับ ว่าต่อให้มาตามสูตรแต่หากคนทำปรุงรสออกมาดีมันก็จะอร่อยได้ และผลที่ได้สำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าอร่อยพอเพลิน มีช่วงให้ลุ้น มีช่วงให้ประทับใจ แม้จะมีช่วงเรื่อยๆ บ้าง แต่อย่างน้อยก็ได้ความน่ารักของเจ้าหนู Ye-Rin Park มาโปะพอจะให้ลืมๆ ไปได้บ้าง และช่วงท้ายก็ถือว่าทำได้สนุกไม่เลว แต่ละคนมีโมเมนต์ของตัวเอง และยังจบลงแบบแทรกความประทับใจลงไปแบบกำลังดีด้วย

ในฐานะคนชอบหนังตะลุยอวกาศอย่างผมแล้ว เรื่องนี้ถือว่าน่าพอใจครับ ในแง่ความตื่นเต้นเร้าระทึกก็อาจจะไม่ได้มากขนาดนั้น แต่หนังเอาความน่ารักของเด็กกับพล็อตเรื่องแบบเรียกความประทับใจมาใส่ลงไปเพื่อเรียกคะแนน (ซึ่งก็ถือว่าเรียกคะแนนความพอใจได้ในระดับหนึ่งครับ) แต่ใจลึกๆ ก็คิดอยู่ครับว่าถ้าหนังสั้นลงกว่านี้สักนิดก็น่าจะดี – หนังยาว 2 ช่วโมง สิบนาทีกว่าๆ ครับ – ถ้าลดทอนช่วงเรื่อยๆ ในตอนต้นๆ ไปบ้างก็น่าจะโอเคขึ้น

ดูได้แบบเพลินๆ สำหรับคนชอบหนังอวกาศครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)