Shaft in Africa (1973) แชฟท์บุกอัฟริกา

MV5BMjFiYjY3ZDUtNjEyZS00ZGJjLTliYTMtZDAwMjgwMDA2NTQyL2ltYWdlL2ltYWdlXkEyXkFqcGdeQXVyNzc5MjA3OA@@._V1_

ภาคที่ 3 ของหนังชุด Shaft ครับ โดยหนนี้ยอดนักสืบจอห์น แชฟท์ (Richard Roundtree) ถูกว่าจ้างให้ตามรอยขบวนการค้าทาสผิวดำที่กำลังก่อการฮึกเหิม นอกจากพวกมันจะค้าทาสแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายแล้ว มันยังฆ่าปิดปากทุกคนที่เข้าไปสืบหาหลักฐานในการเอาผิดพวกมัน

ภาคนี้หนังออกแนวเจมส์ บอนด์เลยครับ เปิดเรื่องมาก็แนะนำตัวร้าย ให้เราเห็นความโหด ก่อนจะเล่าให้เราเห็นแชฟท์กำลังปฏิบัติงานอยู่ จากนั้นก็มีคนมาตามเขาไปให้รับงานนี้ ซึ่งตอนแรกแชฟท์ก็ไม่ยอมครับ ต้องเกลี้ยกล่อม (ผสมใช้กำลัง) อยู่นานกว่าที่แชฟท์จะยอมรับงาน

แล้วเขาก็ต้องปลอมตัวเพื่อแทรกซึมไปเป็นทาสครับ ค่อยๆ ตามรอย ค่อยๆ สืบ ได้เจอสาวสวยระหว่างทาง ก่อนจะประมือกับพวกผู้ร้ายระดับลูกน้อง แล้วอะไรต่อมิอะไรก็จะนำพาเขาไปเผชิญกับหัวหน้าใหญ่ในตอนท้ายของเรื่อง

มันคือบอนด์จริงๆ ครับ มีอุปกรณ์พิเศษไว้ใช้งานด้วยนะ และในหนังเองก็ยังแซวจุดนี้อยู่เลย ซึ่งก็พอเข้าใจครับว่าหนังคงพยายามฉีกแนวไปจาก 2 ภาคแรก และทำให้สเกลหนังใหญ่ขึ้น ทุนสร้างก็มากขึ้น นั่นคือ $2.1ล้าน แต่ผลลัพธ์ที่ได้ หากว่ากันในแง่รายได้แล้วก็ไปไม่ถึงดวงดาวครับ ทำเงินได้แค่ $1.4 ล้านเท่านั้นเอง

จริงๆ ตัวหนังก็ดูได้เรื่อยๆ ครับ แต่เสน่ห์แบบ Shaft มันหายไป โดยส่วนตัวผมมองว่าแชฟท์มีทีเด็ดคือมีไหวพริบที่เหลือร้าย และมีความสามารถในการวางแผนล่อคนให้มาติดกับ ซึ่งความสามารถพวกนี้เราจะได้เห็นชัดๆ หากแชฟท์ทำหน้าที่เป็นนักสืบไขคดีครับ แต่กับภาคนี้แชฟท์ดันกลายเป็นเจมส์ บอนด์แทน เราก็เลยไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นเขาใช้ไหวพริบหรือทักษะในการวางแผนสักเท่าไร เหมือนลุยด่านไปเรื่อยๆ จนหนังจบน่ะครับ

โอเค รสชาติแบบแชฟท์เดิมๆ อาจไม่ค่อยมี แล้วรสชาติแบบบอนด์ล่ะเป็นยังไง? ก็ถือว่าพอดูได้เพลินๆ ครับ อย่างน้อย Roundtree ก็เป็นแชฟท์ได้เท่ห์อยู่ (แต่เราจะไม่ค่อยได้เห็นชุดเท่ห์ๆ เพราะเขาต้องปลอมเป็นทาสนะครับ ชุดเลยไม่ได้หล่อแจ๋วแบบภาคแรก) เพียงแต่การลงสนามลุยรอบนี้ของแชฟท์มันตื่นเต้นเร้าใจยังไม่เยอะ ไม่ค่อยมีสถานการณ์ให้แชฟท์ได้ใช้สมองสักเท่าไร อย่างที่บอกน่ะครับว่าเหมือนให้แชฟท์ลุยไปเรื่อยๆ จนจบเท่านั้นเอง

แต่ยอมรับว่าสาวๆ ในเรื่องนี้สวยจริงครับ ไม่ว่าจะ Vonetta McGee ที่จัดว่าเป็นนางเอกของเรื่อง แต่คนที่สวยและเซ็กซี่จนน่าจดจำสุดๆ ต้องยกให้ Neda Arneric ในบท จาซาร์ ครับ (เชื่อว่าหนุ่มๆ หากได้เห็นย่อมเข้าใจที่ผมพูดแน่นอน) ในขณะที่บอสใหญ่อย่าง อมาฟี่ (Frank Finlay) ก็ไม่ได้เด็ดขาดดังที่คาด

เพลง Soundtrack หลักของภาคนี้ก็คือ Are You Man Enough  ร้องโดย The Four Tops ครับ ก็เป็นเพลงที่เท่ห์ดี เข้าท่ากว่าดนตรีในภาค 2 แต่ก็ยังไม่ขลังเท่าของดั้งเดิมในภาคแรก

และอย่างน้อยหนังก็มีประเด็นน่าสนใจอย่างเรื่องค้าทาสครับ เพราะจริงๆ แล้วมันมีการค้าทาสอยู่เรื่อยๆ ถ้าจะสืบจริงๆ น่ะมันไม่ยากเกินมือหรอกครับ แต่ทางการกลับสืบแบบไม่เต็มกำลัง หรือบางทีก็หลับหูหลับตา (อารมณ์เหมือนแผ่นผีในบ้านเราน่ะครับ ก็เห็นๆ กันอยู่ แต่ก็ยังขายกันได้) แล้วพอมีทาสต้องตายไป แชฟท์ก็เลยด่าประชดแบบตรงๆ เลยว่า การที่มันยังมีทาสผิวดำอยู่ ทั้งที่คนผิวดำก็ไม่ได้ตัวเล็กๆ และไม่ได้โดนจับมาแค่ 2 – 3 คน แต่กลับไม่มีใครพบเบาะแสอะไร มันเพราะไม่เจอเบาะแสจริงๆ หรือเจ้าหน้าที่ขาดความจริงจัง

“ย่านคนดำมันอยู่ห่างจากย่านฌองเอลิเซ่อย่างนั้นใช่ไหมล่ะ?” ด่าแสบจริงครับ

ครับ สรุปแล้ว ภาคนี้ก็ถือว่ากลางๆ ครับ ไม่ได้แย่มากๆ แต่ก็ไม่สนุกเท่าภาคแรก หากลองเอามาชั่งตวงวัด ผมว่าก็พอๆ กับภาค 2 นะ โดยภาค 2 นั้นมันอ่อนลงเพราะแชฟท์บทน้อย แต่ในแง่ความเข้มก็ยังถือว่ามีมากกว่าภาค 3 แต่สำหรับภาค 3 นี่ ความเข้มมีไม่เยอะ เสน่ห์แบบแชฟท์ก็มีไม่เยอะ แต่ได้การแสดงของ Roundtree มาเป็นตัวชู และได้สาวๆ มาช่วยทำให้หนังดูน่าสนใจ พร้อมด้วยสูตรหนังบอนด์ที่แม้จะเอามาใช้แบบไม่ลงตัวเต็มที่ก็ตาม แต่อย่างน้อยสูตรแบบนี้มันก็ยังดูได้เพลินๆ ครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)

A1RGNfeeuEL._RI_