Ratter (2015) แอบดูมรณะ

R021-353x500

ทุกวันนี้เทคโนโลยีไปไกลมากครับ และมันสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เรารู้ซะอีก ซึ่งก็แน่นอนว่ามันมีทั้งมุมที่ดี และมุมที่อันตราย ว่าง่ายๆ คือจะใช้ช่วยคนก็ได้ หรือจะใช้มันกระทำอาชญากรรมก็ยังได้

Ratter จับประเด็นง่ายๆ เมื่อสาวน้อย เอ็มม่า (Ashley Benson) ย้ายมาอยู่นิวยอร์กเพียงลำพัง ซึ่งตอนแรกชีวิตก็อิสระดีล่ะครับ เธอมีเพื่อน มีแฟน มีชีวิตง่ายๆ แบบที่วัยรุ่นชอบ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีแฮคเกอร์ลึกลับกำลังแฮคเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างโทรศัพท์, แลปท็อป ฯลฯ เพื่อให้ในการแอบดูเธออยู่

และเมื่อเวลาผ่านไปเธอก็เริ่มสงสัยครับ เพราะมันชักจะมีเรื่องแปลกๆ ชวนให้เธอรู้สึกผวามากขึ้นๆ ก่อนที่การคุกคามจะหนักข้อขึ้น จนถึงขั้นที่อาจจะอันตรายต่อชีวิตเธอเลยก็ได้

ถ้าพูดในแง่หนัง หนังก็ออกแนวเรียบเรียงคลิปผ่านกล้องจากแลปท็อป, มือถือ อะไรประมาณนี้น่ะครับ สไตล์ก็ประมาณ Found Footage นั่นแหละครับ มีกล้องเหวี่ยง ภาพค้างอะไรบ้างนิดหน่อยตามสูตร แต่ก็ไม่ถึงกับมึนหัวหนักหนาอะไร

การเดินเรื่อง ถ้าให้ว่าตามจริงก็จัดว่าอืดอยู่ครับ เพราะหนังไม่ได้เน้นความระทึกหรือลึกลับ แต่ถ่ายทอดออกมาประหนึ่งว่าเราคือแฮคเกอร์ที่แอบดูนางเอก นั่งดูเธอไปผ่านกล้องต่างๆ ดังนั้นส่วนใหญ่ในเรื่องเราก็จะเห็นนางเอกทำกิจวัตรต่างๆ เป็นหลัก

อันว่าความตื่นเต้นระทึกนั้น เอาเข้าจริงกว่าจะมาก็ครึ่งหลังค่อนไปทางท้ายๆ น่ะครับ เมื่อนางเอกเริ่มผวาและระแคะระคาย ความกลัวเริ่มก่อตัว ความลุ้นก็ค่อยโผล่มาอีกทีในตอนท้าย

พูดแบบไม่อ้อมค้อมก็คือ มีแอบเบื่อบ้างครับ เพราะมันไม่ใช่หนังสืบสวน ไม่ได้มีอะไรให้ระทึก ยกเว้นตอนท้ายที่เรื่องราวขมวดจบลง แต่นอกนั้นก็คือเราดูนางเอกนั่งๆ นอนๆ กินๆ เดินๆ ออกกำลังๆ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น

จริงๆ ก็คิดเหมือนกันว่า ถ้าหนังใส่บทสนทนาที่น่าสนใจ หรือเจาะลึกเรื่องเกี่ยวกับพวกแฮคเกอร์แบบนี้ให้มากขึ้น หรือใส่เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการระวังป้องกันภัยทางโซเชียลหรืออินเตอร์เน็ตให้มากขึ้น หนังก็อาจน่าสนใจกว่าที่เป็นครับ แต่ผลที่ได้คือ หนังค่อนข้างจะเรื่อยๆ จะมีประเด็นสาระบ้าง แต่ก็ไม่มากจนถึงระดับที่กระตุ้นให้เกิดความสนใจต่อคนดูได้

Benson สวยครับ เธอคนนี้หลายคนคงจำได้ เพราะเพิ่งเล่นเป็นสาวสวยจากเกมใน Pixel ส่วนคอซีรี่ส์ก็คงจำได้จาก Pretty Little Liars เธอคนนี้แสดงได้ดีครับ น่ารักและมีเสน่ห์ดี ในเรื่องเธอก็แสดงอารมณ์กลัวได้ไม่เลว แต่ปัญหามันอยู่ตรงบทนี่แหละครับที่ไม่ทำให้บทของเอ็มม่าได้ทำอะไรสักเท่าไร คือแทนที่จะให้เธอลุกขึ้นหาคำตอบหรือสู้กับภัยที่เกิดขึ้น แต่บทของเธอกลับเน้นที่ความกลัวแทน

ซึ่งก็เข้าใจครับว่าคนที่เจอเรื่องแบบนี้ย่อมกลัว แต่ก็อดคำถามไม่ได้ (แบบที่หลายๆ คนมี) ก็คือ ถ้าช่วงหลังๆ กลัวมากก็น่าจะทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยเหลือตนเอง ไม่ว่าจะไปอยู่กับเพื่อนแทน หรือกลับบ้านไปเลยก็ได้ หรือเพิ่มระบบป้องกันห้องให้ดีขึ้น ฯลฯ

ครับ สรุปว่าหนังก็ออกมาเรื่อยๆ ครับ ตัวหนังไม่มีอะไรนัก แต่ประเด็นที่หนังชี้ชวนให้คิดก็น่าสนใจดีครับ เรื่องภัยจากเทคโนโลยีที่เอื้อให้คนที่คิดไม่ดีได้ใช้ในทางที่ผิด แต่คงจะดีและเด็ดกว่านี้ครับ หากหนังนำเสนอในมุมที่ว่า “แล้วเราจะรับมือกับมันได้อย่างไรบ้าง”

ใกล้ๆ สองดาวครับ

Star12

(5.5/10)