Pet Sematary (2019) กลับจากป่าช้า

Untitled03612

ข้อดีประการสำคัญของการดูฉบับรีเมคนี่ก็คือ มันทำให้ผมรู้สึกชอบภาคต้นฉบับมากยิ่งกว่าเก่า

จริงๆ แต่เดิมผมก็ชอบภาคต้นฉบับอยู่แล้วน่ะนะครับ จำได้ว่าดูรอบแรกทาง ITV สมัยที่เขายังมีหนังฉายตอนดึกของคืนวันอาทิตย์ ตัวหนังมีกลิ่นอายสไตล์ยุค 90 ที่สยองแบบกินบรรยากาศ ตอนแรกอะไรๆ จะดูปกติธรรมดา แต่สักพักก็จะเริ่มมีเรื่องมาให้ขนลุกแบบค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ค่อยๆ ไต่ระดับความสะพรึงไปทีละขั้นๆ ซึ่งมันอาจจะไม่ได้สุดยอดน่ะนะครับ แต่ก็ถือว่าทำออกมาน่าติดตามและเป็นหนังที่ดัดแปลงจากงานของ Stephen King ได้ดีอีกเรื่องหนึ่ง

มาในฉบับนี้ ผมรู้สึกว่าหนังพยายามทำบรรยากาศให้มันอึมครึมมืดทึมตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะมืดด้วยภาพ มืดด้วยบรรยากาศ มืดด้วยปมของตัวละคร (ที่แต่ละคนจะมีแผลในใจไม่มากก็น้อย) คืออารมณ์มันดูหม่นตลอดไปจนจบ ซึ่งสำหรับบางคนก็อาจจะชอบสไตล์นี้น่ะนะครับ แต่สำหรับผมแล้วมันทำให้รู้สึกว่าหนังมีโทนเดียว คือ “ทึม อึม ครึม” ไม่ได้มีการไต่ระดับทางความน่ากลัวสักเท่าไร

มันไม่เหมือนภาคต้นฉบับที่เวลาเล่าถึงเรื่องตัวละคร (ตอนยังไม่สยอง) ภาพก็จะมาพร้อมบรรยากาศปกติเหมือนหนังชีวิตทั่วๆ ไปที่มีอารมณ์ขัน อารมณ์เดินดิน ซึ่งนั่นทำให้พอถึงฉากสยองหรือฉากกระตุกจิตมันก็จะทำให้เราสะดุ้งขึ้นมาได้ เปรียบเหมือนเรานั่งดูภาพพื้นที่มีสีขาวไปสักพักหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็มีสีแดงโผล่ขึ้นมาน่ะครับ มันจะกระตุกจิตเราได้ เพราะมันมีความต่างระดับทางอารมณ์เกิดขึ้น มันค่อยๆ พาเราไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ

ในขณะที่ภาคนี้มันเหมือนเราจ้องภาพทึมๆ มาตลอด ทึมแล้วทึมอีกแทบไม่มีอะไรคลายอารมณ์เลย ทีนี้ต่อให้มีฉากน่ากลัวมา อารมณ์มันก็ไม่พุ่ง จิตมันก็ไม่พล่าน เพราะมันไม่มีความต่างระดับ มันก็เหมือนแค่มองภาพทึมแล้วก็เจอภาพทึมขึ้น (แต่ก็ยังอยู่ในโทนทึมเหมือนกัน ไม่ได้แหวกไปโทนอื่น) ทำให้แม้มันจะสยองแค่ไหน แต่มันก็จะไม่กระตุกจิตเราสักเท่าไร

ในแง่งานสร้างหรือฉากต่างๆ ถือว่าโอเคครับ ถือว่าเวิร์กมากแล้วสำหรับหนังทุน $20 ล้าน ดาราจริงๆ ก็แสดงกันดีครับ โดยเฉพาะ Jeté Laurence ในบทเอลลี่นี่เล่นดีจริงๆ ดูน่าเชื่อมากๆ ต้องบอกว่าดารานี่เล่นดียันแมวเลยครับ เจ้าแมวที่ฟื้นมาจากความตายนี่มันดูชวนขวัญผวาจริงๆ

คือผมว่าจริงๆ หนังมันโอเคแหละครับ เพียงแต่สไตล์และทิศทางการเล่าเรื่องมันไม่มีลูกเล่นมากพอที่จะทำให้เกิดความสยองหรือขนลุก อย่างที่บอกน่ะครับว่าหนังนำเสนอแบบโมโนโทนมากจนขาดความหวือหวา ขาดจังหวะที่จะทำให้เลือดเราสูบฉีดหรือทำให้เราผวาจนตัวชา

Untitled03613

สรุปแล้วในแง่งานสร้างถือว่าโอเคครับ และจริงๆ บทสรุปก็ถือว่าโอเคตามสไตล์หนังของ King เพียงแต่การเล่าเรื่องระหว่างทางค่อนข้างธรรมดา และที่สำคัญอีกอย่างคือธีมหลักมันม่ชัดแบบเต็มๆ อย่างภาคเก่านี่มันทำให้เราเห็นเลยว่าตัวเอกของเราค่อยๆ จมลึกไปสู่ทางสายสยองมากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้คนดูรู้สึกถึงความสยองและความบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญคือธีมหลักในประเด็นความสยองมันชัด มันมีปมสยองเด่นๆ ชัดๆ ให้เราติดตาม นั่นคือปมสยองที่สุสานสัตว์เลี้ยง ในขณะที่ปมอื่นๆ ถืิอว่าเป็นปมเสริม

แต่สำหรับภาคนี้เหมือนหนังพยายามจับปมหลายปมใส่ลงไป ไม่ว่าจะปมภายในครอบครัว, ปมของแม่, ปมของพ่อ ฯลฯ ซึ่งถ้าคิดแบบง่ายๆ ปมอึดอัดน่ากลัวมีเยอะมันน่าจะดีใช่ไหมครับ แต่ไปๆ มาๆ ปมทั้งหลายมันดันกวนกันเอง แย่งความเด่นกันเอง นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ความสยองในเรื่องมันถูกกลืนถูกทอนลงไป ไม่พีคอย่างที่ควรจะเป็น

การที่มีปมเยอะ แต่ผสมเข้ากันได้ไม่พอดีก็กลายเป็นตัวบั่นทอนความกลมกล่อมได้เหมือนกัน – มากใช่ว่าจะดีครับ – อีกอย่าง จริงๆ แต่ละปมจะเย็บรวมกันก็ได้ครับ แต่หนังกลับทำจุดนี้ไม่สำเร็จ มันเลยตกค้างกลายเป็นความไม่กลมกล่อมไปในที่สุด

เอาเป็นว่าผมชอบภาคต้นฉบับมากขึ้นกว่าเดิมครับ ^_^

สองดาวครับ

Star21

(6/10)