Office (2015) พนักงานดีเดือด

14333053_1325183644179100_8766717942208791398_n

โดยหน้าหนังถือว่าน่าสนใจนะครับ เอาเรื่องของพนักงานเงินเดือนมาผสมกับหนังฆาตกรรม ลึกลับ ระทึกขวัญ ถ้าทำออกมาเหมาะๆ นี่ก็น่าจะเป็นหนังระทึกผสมแง่คิดได้ไม่น้อยเลย

เรื่องเริ่มเมื่อหัวหน้าเซลส์คนหนึ่งเกิดความกดดันและความเครียดสะสมจากการทำงานครับ อยู่มาคืนหนึ่งเขาก็ลงมือฆ่าคนในครอบครัว ก่อนจะหายตัวไปอย่างลึกลับ เบาแสะสุดท้ายคือดูเหมือนว่าเขาจะกลับมาที่ออฟฟิศก่อนจะหายไป

หลังเกิดคดีฆาตกรรมคนในครอบครัวของหัวหน้าเซลส์ขึ้น ตำรวจก็ตามสืบครับ แล้วปรากฏว่าในออฟฟิศแห่งนั้นเริ่มมีพนักงานหายไป บางคนก็เสียชีวิตอย่างน่ากลัว… หรือจะเป็นฝีมือของหัวหน้าคนนั้น?

จุดเข้าท่าของหนังคือบรรยากาศเงียบๆ มืดๆ ลึกลับๆ ในออฟฟิศน่ะครับ หนังทำได้ไม่เลวสำหรับำฉากออฟฟิศยามค่ำที่ดูน่ากลัวไม่น้อย ทั้งๆ ที่องค์ประกอบของฉากมันก็ดูเป็นออฟฟิศธรรมดาแบบที่เราเจอกันได้ทุกที่นั่นแหละ แต่มันดูน่ากลัวขึ้นมาพอตัว

ทีนี้ในแง่เนื้อเรื่อง ก็ไม่มีอะไรมากครับ หนังมีความลึกลับอยู่บ้าง เช่นว่าตกลงหัวหน้าหายไปไหน ตกลงเกิดอะไรกับพนักงานที่ทยอยตายกันไป แต่พอถึงจุดหนึ่งก็เริ่มเดาได้แล้วล่ะว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น

ฉากการฆาตกรรมอาจจะดูน่ากลัวสำหรับหลายๆ คนครับ แต่ถ้าเป็นคอหนังแนวเชือดก็อาจจะรู้สึกธรรมดากับเหตุการณ์ที่เกิด เพราะมันไม่ได้แปลกใหม่หรือหลอนอะไรมากมาย

ระหว่างดูผมนึกถึงเรื่อง Tell Me Something หนังฆาตกรรมของเกาหลีเรื่องแรกๆ ที่ผมได้ดู ยอมรับว่าผมแอบคาดหวังว่าอารมณ์หรือความน่ากลัวมันจะเป็นในระดับนั้น เรื่องนั้นมันดูหลอนและลึกลับได้ที่จริงๆ แต่ผลที่ได้ก็คงต้องบอกว่า Office ยังทำได้ไม่ถึงระดับนั้นครับ

ส่วนประเด็นการสะท้อนความกดดันของชีวิตมนุษย์เงินเดือน ก็ถือว่าสะท้อนได้บ้างครับ แต่ไม่ได้สดใหม่อะไร เป็นเรื่องที่หนังหลายเรื่องนำมาบอกเล่าอยู่บ่อยๆ ทั้งในแบบตลกขบขันและแบบกดดัน (หนังว่าด้วยมนุษย์เงินเดือนในความทรงจำคงต้องยกให้ Office Space ครับ แดกดันได้ใจมากๆ)

แต่ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวครับ ที่เอาเรื่องความกดดันของพนักงานมาผูกกับเรื่องฆาตกรรม เพียงแต่มันอาจจะไม่โดดเด่นเต็มที่ และสองประเด็นนี้ก็ไม่ถึงกับ “เข้ากันเป็นเนื้อเดียว” แบบเต็มร้อย

คือดูแล้วเข้าใจว่าหนังสื่อประเด็นความกดดันของพนักงาน และการแสดงออกถึงความรุนแรงอันเนื่องจากการทำงาน แต่ก็รู้สึกว่าสองประเด็นนี้ยังไม่ได้รับการปรุงให้เข้าเนื้อแบบเต็มที่ ไม่เหมือนอย่าง Battle Royale ที่เอาเรื่องการศึกษามาตีแผ่ผ่านเกมการฆ่าได้อย่างชวนอึ้งและชวนจุก

สำหรับผมนั้น สารภาพว่าดูแล้วไม่ถึงกับชอบอะไรมากครับ คือหนังโอเค แต่ยังโอเคได้อีกเยอะ เพราะตัวหนังเกาหลีเองจริงๆ ก็มีอีกหลายเรื่องที่ถ่ายทอดเรื่องการฆาตกรรมแบบสะท้อนสังคมได้เข้าท่ากว่านี้ และอารมณ์ออกมาอึดอัดกว่านี้

เอาเป็นว่าหากอยากลองลิ้มก็ลองได้ครับ อาจไม่ถึงขั้นต้องดูแบบสุดๆ นะ แต่ก็ไม่เลวครับ ^_^

สองดาวครับ

Star21

(6/10)