Maze Runner: The Scorch Trials (2015) เมซ รันเนอร์ สมรภูมิมอดไหม้

Untitled06858

สิ่งแรกที่ผมคิดหลังดู Maze Runner: The Scorch Trials จบคือ “รีบสร้างภาคต่อเลยสิครับ จะรออะไรกันอีกล่ะ” (5555)

เอาล่ะ เพื่อไม่ให้ทุกท่านที่อ่านเกิดความคาดหวังอย่างผิดๆ ผมก็ต้องขออธิบายก่อนครับว่า หนังอาจจะไม่ได้สุดยอดถึงขั้นไร้ที่ติ แต่สำหรับผมแล้ว หนังทำออกมาได้สนุก ดูเพลิน เป็นภาคต่อที่น่าพอใจเลยล่ะครับ คือมีครบทั้งความระทึก ตื่นเต้น แอ็กชัน ลึกลับ ไซไฟ บางช่วงมีอารมณ์สยอง บวกด้วยปมดราม่าเบาๆ และที่สำคัญคือหนังมีฉากไคลแม็กซ์ที่มันได้อารมณ์ “ไคล์แม็กซ์” จริงๆ

และตอนจบ มันก็จบแบบ… “ทำไมภาค 3 ไม่ฉายต่อพรุ่งนี้เลยฟะ!”

ผมนั้นชอบภาคแรกมาก อย่างที่เคยบอกไว้นั่นแหละครับ มันสนุกและน่าติดตามดี ครั้นมาภาค 2 ก็ยังน่าติดตามอยู่ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือภาคนี้ปริศนาอาจไม่ได้เยอะเท่าภาคก่อน หนังมันจะออกแนวเดินทางผจญภัยในที่รกร้างมากกว่าจะเป็นการแก้ปริศนาฝ่าด่านแบบครั้งที่แล้ว

สิ่งหนึ่งที่ผมแอบคิดในใจก่อนดูคือ “หนังภาคนี้จะยังน่าสนใจอยู่ไหม?” เพราะภาคแรกที่ผมชอบก็เพราะมันมีวงกตที่ลึกลับ มีอะไรก็ไม่รู้รอให้เราค้นหา ซึ่งฉากในวงกตมันก็แปลกตาผสมอารมณ์หลอนหน่อยๆ ในขณะที่ภาคนี้ฉากหลังมันจะออกแนวที่รกร้างกลางทะเลทราย หรือไม่ก็เมืองที่เหลือแต่ซาก ซึ่งมันก็อาจไม่ได้อารมณ์ “แปลกๆ หลอนๆ” แบบภาคแรก เพราะหนังไซไฟโลกอนาคตส่วนมากก็ชอบใช้ฉากทะเลทรายหรือไม่ก็ซากเมืองจนคอหนังแนวนี้ (อย่างผม) แทบจะชินตาไปแล้ว

แต่ผลที่ได้คือ มันยังน่าสนใจอยู่ครับ โอเค ฉากอาจไม่แปลกตาหรือไม่ดึงดูดเท่าภาคแรก แต่เนื้อเรื่องยังสนุกอยู่ การผจญภัยมันยังตื่นเต้นและมีลุ้นอยู่ ซึ่งตลอดทั้งภาคนี้เราก็จะได้เห็นโธมัส (Dylan O’Brien) กับผองเพื่อนหนี หนี แล้วก็หนีกันตลอดครับ แต่มันเป็นการหนีที่ได้อารมณ์ตื่นเต้นนะ อาจมีบ้างบางตอนที่ดูเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มากครับ

ถ้าถามว่าผมแอบเบื่อช่วงไหน ก็คงเป็นช่วงที่โธมัสต้องเข้าไปในปาร์ตี้น่ะครับ รู้สึกเรื่องมันไม่ค่อยไปไหนเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นฉากอื่นๆ นอกจากนี้ ผมว่าก็น่าติดตามดีครับ

Untitled06859

ด้านดาราก็ไม่มีปัญหาครับ เล่นได้ลื่นทุกคน O’Brien ในบทโธมัสก็ยังเป็นตัวเด่นเช่นเดิม แต่ภาคนี้เขาอาจไม่ค่อยได้แสดงความเด่นแบบฮีโร่เท่าภาคแรก เช่นเดียวกับตัวละครอื่นๆ ที่อาจไม่มีใครเด่นไปกว่ากันนัก มันเหมือนภาคนี้หนังให้ตัวละครเดินเรื่องแบบ “เป็นกลุ่ม” น่ะครับ คือไม่มีใครเด่น แต่จะไปด้วยกันพร้อมๆ กันหมดทั้งกลุ่ม เห็นหน้าทุกคนพอกัน ไม่ว่าจะ เทเรซ่า (Kaya Scodelario), นิวท์ (Thomas Brodie-Sangster) หรือ มินโฮ (ตู่ ภพธร เอ้ย Ki Hong Lee)

ส่วนดารารุ่นใหญ่ก็คล้ายกันครับ เล่นดีแต่ดีกรีความเด่นไม่มีใครเกินหน้ากัน ไม่ว่าจะ Aidan Gillen, Lili Taylor, Barry Pepper และ Giancarlo Esposito แต่ถ้าจะมีใครเด่นเกินหน้าชาวบ้านล่ะก็ ผมว่าคือ Patricia Clarkson ในบท เอวา เพจ ส่วนหนึ่งอาจเพราะเครื่องแต่งกายที่ดูดีสุด กับท่าทางที่ดูนิ่งสงบมีบารมี และกุมความลับไว้มากมายเหลือเกิน

ขอชม Wes Ball เลยครับ คุมหนังได้ดีมาก แม้ว่ามันอาจจะไม่ถึงขั้นมีสไตล์โดดเด่น แต่ถ้าในแง่หนังบันเทิงแนว Blockbuster ล่ะก็ จัดว่าหนังผ่านเกณฑ์อย่างสวยงาม ดูได้สนุกตั้งแต่ต้นจนจบ และมีไคลแม็กซ์ที่ดึงอารมณ์ได้แบบครบ ทั้งมันส์+ลุ้น+ซึ้ง+กินใจ+ สับสน คือมาเต็มเลยน่ะครับ และเพราะคุณความดีของฉากที่ว่านี่แหละที่ทำให้ผมอยากดูภาคต่อโดยไวเลย

โดยส่วนตัวผมยังแอบชอบภาคแรกมากกว่านิดหนึ่งน่ะครับ อาจเพราะมันมีความลึกลับเป็นตัวดึงความสนใจมากกว่า ในขณะที่ภาคนี้ออกแนวแอ็กชันผจญภัย ซึ่งมันสนุกนั่นแหละครับ เพียงแต่เสน่ห์ความลึกลับแบบภาคแรกอาจไม่มากเท่านั้นเอง

คงขึ้นอยู่กับเราชอบแบบไหนน่ะครับ ถ้าชอบแนวไซไฟลึกลับไขปริศนาก็คงปลื้มภาคแรกมากกว่า แต่ถ้าชอบผจญภัยลุยไปเรื่อยๆ ก็น่าจะถูกเส้นกับภาค 2 มากกว่า

แต่ถ้าให้สรุป ผมก็ชอบมันทั้ง 2 ภาคน่ะครับ และคงตามชอบไปจนถึงภาคจบเลยล่ะ (ถ้ามาตรฐานอยู่ในระดับนี้ต่อไปตลอดน่ะนะครับ)

ผมไม่เคยอ่านนิยายครับ เลยคงไม่เปรียบเทียบอิงอะไรกับฉบับนิยาย ผมบอกได้แค่ว่าหนังสนุกหรือไม่ ซึ่งคำตอบก็คือสนุก ถ้าใครดูภาคแรกแล้วชอบ ก็ขอให้ดูภาค 2 เลยครับ เชื่อว่าไม่น่าจะผิดหวังกัน ส่วนผมนี่ก็รอซื้อเก็บตอนออกแผ่นเรียบร้อย

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

ปล. ถัดไปมีสปอยล์นะครับ ไม่อยากทราบข้ามไปได้ครับ

ตอนไคลแม็กซ์นี่ผมว่าเล่าได้อารมณ์มากนะครับ อย่างการตัดสินใจของโธมัสในช่วงเวลาสำคัญนี่มันโคตรเท่ห์อ้ะ ผมนี่อินเลยนะ ประมาณว่า ลุยเป็นลุยตายเป็นตาย คือถ้าผมอยู่ตรงนั้นก็พร้อมตายเคียงข้างโธมัสกับผองเพื่อนน่ะ ให้มันจบๆ กันซะที

อารมณ์ประมาณว่า “อยากเยอะกันนักใช่ไหม พูดดีๆ แบบมีสติกันไม่ได้แล้วใช่ไหม โอเค ตามใจ ถ้ายังจะตั้งหน้าตั้งตาฆ่ากันต่อไป งั้นก็มาจบมันตรงนี้นี่แหละ ตายกันให้หมด มันสุดๆ แล้วนะเฟ้ย” (อินเนอร์ครับ อินเนอร์ 555)