Hitman’s Wife’s Bodyguard (2021) แสบ ซ่าส์ แบบว่าบอดี้การ์ด 2

Untitled07817

Hitman’s Wife’s Bodyguard ถือเป็นภาคต่อภาคบังคับอีกเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นครับ หลังจากภาคแรกฮิตเกินคาด โกยทั่วโลกไป $176 ล้าน (จากทุนเพียง $30 ล้าน)

ครั้นพอดูจบแล้วก็สรุปได้แบบไม่ยากเย็นครับว่าชอบภาคแรกมากกว่า มันฮาพอเหมาะและบ้าได้ลงตัวกว่า พลังสำคัญเลยต้องยกให้กับการจับคู่โคตรเหมาะระหว่าง Ryan Reynolds และ Samuel L. Jackson บวกด้วยแอ็กชันโชว์สตันท์ดีๆ ผลที่ได้เลยสนุกเพลิน

ส่วนภาคนี้ส่วนผสมมีการเปลี่ยนแปลงครับ นั่นคือเพิ่มพื้นที่ให้กับตัวละครของ Salma Hayek จากเดิมเป็นบทสมทบในภาคแรก ก็กลายมาเป็นหนึ่งในตัวหลักประจำภาค ซึ่งก็ถือว่าส่งผลต่อตัวหนังพอสมควรครับ แต่ผลที่ว่านั้นกลายเป็นการลดทอนความลื่นไหลที่เคยมีในภาคแรกลงไป

ภาคแรกมันลงตัวเพราะการจับคู่กับระหว่าง Reynolds กับ Jackson ครับ รายแรกมาแนวฮาหน้าตาย นิ่งๆ เนิ่บๆ ชอบทำอะไรตามตำราและตามแผน ส่วนรายหลังออกแนวบ้าผ่าซาก ชอบแหกทุกกฎและบดทุกแผนให้แบนแต๊ดแต๋ อันก่อให้เกิดแอ็กชันมันส์ๆ และการต่อปากต่อคำฮาๆ อะไรเหล่านี้ถือเป็นของดีที่ทำให้ภาคแรกออกมาสนุกทุกครั้งที่ดู

ในขณะที่ภาคนี้ การเพิ่มพื้นที่ให้กับ Hayek มันทำให้ความกลมกล่อมลดลงครับ ไม่ใช่ Hayek แสดงไม่ดีนะครับ ผมว่าเธอยังแสดงได้ลื่นตามสไตล์ของเธอนั่นแหละ แต่คาแรคเตอร์ของเธอออกแนวแหกปากโวยวายเป็นหลัก จนบางครั้งก็รู้สึกรำคาญนิดๆ และที่สำคัญคือเธอไม่ค่อยได้ต่อปากต่อคำกับ Reynolds ด้วย ซึ่งจริงๆ เป็นที่เข้าใจได้ เพราะตัวละครของ Reynolds นั้นเป็นชายสายนุ่ม ค่อนข้างแสนดี ดังนั้นการที่เขาไม่ค่อยจะต่อปากต่อคำกับผู้หญิงนั้นถือว่าเข้าใจได้ ไม่เหมือนกับตอนคู่กับ Jackson ที่แมนกับแมนมาชนกัน ซ้ำยังมีความเป็นคู่แข่งอยู่ในที การกวนกันไปกันมาเลยเกิดขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ทีนี้พอ Reynolds กับ Hayek ไม่ค่อยได้กวนกัน ความอร่อยก็ลดลงไปพอสมควร และกลายเป็นว่าคนดูจะโดน Hayek กวนเสียมากด้วย

Untitled07818

หรือพอตัวละคร Jackson ถูกใส่กลับเข้ามาในสมการ ความฮาไหลลื่นก็ยังไม่เท่าภาคแรกครับ เพราะท่าทีของ Jackson ในภาคนี้ก็เปลี่ยนไป ส่วนสำคัญเพราะการมาของ Hayek ประมาณว่า Jackson กวนน้อยลงครับ แต่จะเอาเวลาไปหงุงหงิงหนุงหนิงกับ Hayek เสียมาก และผมเชื่อว่าบุรุษทั้งหลายน่าจะตระหนักถึงความจริงข้อหนึ่งได้ นั่นคือชายใดที่อยู่ใกล้ภรรยา ดีกรีความแสบความกวนที่เคยมีจะลดลงไปหลายสิบเปอร์เซ็นต์เสมอ

ทีนี้พอสัดส่วนของอะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนไป ความกลมกล่อมอร่อยเหมาะแบบภาคแรกเลยลดปริมาณลงครับ แม้จะได้ Patrick Hughes กลับมากำกับเหมือนเดิมก็ตาม แต่ก็ยังดีที่ฉากแอ็กชันยังถือว่าได้อยู่ครับ หลายฉากดูลงทุนขึ้นโดยเฉพาะตอนไปไล่ล่ากันบนสะพาน และโลเกชั่นยังหลากหลายขึ้น บางซีนก็สวยเอาเรื่อง

ตัวร้ายประจำภาคนี้ก็คือ Antonio Banderas ครับ มาดพี่แกถือว่าร้ายดี และดูมีเสน่ห์ด้วย แม้บทอาจไม่ถึงกับเจ๋งเป้งอะไรมาก แต่ก็โอเคกว่าบทของพี่เขาใน Uncharted ครับ และยังมี Frank Grillo ในบทบ็อบบี้ โอนีล รายนี้บทมาๆ ไปๆ คาดว่าคงเพราะเรื่องมันเยอะ และตัวละครก็มากขึ้น บทเลยไม่มากเท่าไร และอีกหนึ่งดารามารับบทพ่อของไมเคิล (Reynolds) รายนี้ก็ไม่เลวครับ แต่ก็ยังไม่สุดเหมือนกัน

ภาคนึ้ผมดูเพลินแบบเถิดเทิงครับ ดูเอามันส์เอาฮาไปเรื่อยๆ แต่ความครบเครื่องกลมกล่อมไม่เท่าภาคแรก ส่วนสำคัญก็เพราะสมการเปลี่ยนครับ หลายๆ อย่างเลยเปลี่ยนไป แม้อะไรๆ จะพยายามใช้สูตรเดิมก็ตาม

ในแง่รายได้ก็ไม่สวยนักครับ คราวนี้ลงทุนมากขึ้นเป็น $70 ล้าน แต่ทำเงินไปราว $65.9 ล้านจากทั่วโลก ส่วนหนึ่งก็เพราะช่วงโควิดด้วย ก็คงต้องเอารายได้จากทางอื่นโปะเอาครับ แต่ก็น่าจะยังติดตัวแดงอยู่พอสมควร

สรุปว่าดูเพื่อเสพความเพลินครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)