High Score (2020) ส่องยุคทองวีดีโอเกม

Untitled05839

ถือเป็นซีรีส์สารคดีที่เปิดโอกาสให้อายุ 35 – 40 อัพได้รำลึกความหลังเมื่อวันวานครับ เพราะเนื้อหาหลักว่าด้วยการย้อนไปพูดถึงโลกของวีดีโอเกมที่พวกเราเคยเล่นกันสมัยเด็ก

ผมนั้นไม่ทันเล่น Atari ครับ แต่ทันเครื่อง Famicom (ที่ตอนนั้นจะเรียกกันว่าเครื่อง Family) เกมแรกๆ ที่เล่นน่าจะ Galaga แล้วที่ทำให้ติดหนึบมากก็คือ Super Mario Bros. 3 เพราะเกมมันเต็มไปด้วยรายละเอียดชวนว้าว แต่ละด่านทั้งยากและสนุก และอีกเกมที่ชอบก็คือเต่านินจาครับ เล่นซ้ำได้ไม่รู้เบื่อ ไหนจะ Rockman อีก

ถ้าจำไม่ผิด ผมเริ่มเล่นเกมก็เพราะตอนนั้นในร้านวีดีโอเขามีมุมขายเกมมาตั้งไว้ครับ เราก็เลยเห็นคนเล่นและอดไม่ได้ที่จะอยากได้ด้วยตามประสาเด็ก พอมานั่งนึกๆ แล้วก็พบว่าร้านวีดีโอส่วนใหญ่ในตอนนั้นจะมีเกมขายด้วย (เริ่มตระหนักมากขึ้นทีละนิดแล้วว่าทำไมตอนเด็กๆ ถึงชอบไปร้านวีดีโอเหลือเกิน)

สำหรับซีรี่ส์อันนี้ก็มี 6 ตอนครับ แต่ละตอนก็เล่าให้เรารู้ถึงที่มาของเครื่องเกมแต่ละยุค ไม่ว่าจะ เกมตู้, Atari, Famicom, Super Famicom, Mega Drive (หรือ Genesis) เรื่อยไปจนเกมบนพีซี และบางช่วงก็เจาะลึกที่มาของเกมอย่าง Space Invader, Pacman, Sonic, Doom, Final Fantasy, Street Fighter ฯลฯ ก็เรียกได้ว่าถ้าใครเคยผ่านเกมเหล่านี้มาก็จะเพลินเลยล่ะครับ มันทำให้เรารู้ว่าจุดเริ่มของเกมในความทรงจำของเรานั้น มันเริ่มที่ตรงไหน และที่สำคัญคือมันทำให้เราย้อนนึกไปถึงนาทีที่เราเล่นเกมนั้น เมื่อตอนเรายังเรียนประถมหรือมัธยมอยู่

ผมมองว่าซีรี่ส์นี้จะสนุกสำหรับเราหรือไม่นั้น ส่วนสำคัญเลยก็คือเราเคยผ่านเกมเหล่านี้มาไหม ชีวิตเราเคยมีเกมพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งหรือไม่ หากคำตอบคือเคยล่ะก็ ผมเชื่อว่าซีรี่ส์นี้จะคุ้มค่าแก่การดูครับ เพราะการได้รู้ข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับเกมที่เราเคยเล่นนั้นมันก็สนุกดี แต่ความสนุกจะเยอะขึ้นหากเราเคยเล่น เคยมีประสบการณ์ร่วมกับเกมเหล่านั้น เพราะเราจะได้ความทรงจำของเรามาชงความสนุกของซีรี่ส์ให้เพิ่มมากขึ้น

โดยรวมซีรี่ส์ถือว่าทำได้ดีครับ เพียงแต่พอดูจบเราก็อาจจะคิดว่า อ้าว แล้วเรื่องของ Rockman ล่ะ เรื่องของ Play Station ล่ะ ยังไม่เห็นมีเลยนี่ ซึ่งผมเดาว่าทีมงานคงเก็บเรื่องพวกนี้ไว้เผื่อทำต่อน่ะครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีซีซั่นต่อไปไหม แต่มันยังมีวัตถุให้เอามาทำได้อีกหลายปีล่ะครับ หากอยากจะทำน่ะนะครับ เอาแค่ตำนานการสร้างเกมแต่ละเกมนี่ก็เล่าได้เกินสิบนาทีแล้วล่ะ

Screenshot-6491

ผมชอบที่ซีรี่ส์บอกเล่าอะไรบางอย่างที่สืบเนื่องไปจากเรื่องของเกม อย่างเรื่องในเชิงธุรกิจ เรื่องผลกระทบที่เกมมีต่อสังคม (อย่างกรณีความรุนแรงใน Mortal Kombat) รวมถึงเรื่องที่หลายๆ คนอาจยังไม่เคยรู้อย่างเกมในตำนานสำหรับกลุ่ม LGBT ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ก็สะท้อนโลก สะท้อนผู้คน และสะท้อนสังคมได้อย่างน่าสนใจเหมือนกัน

ถือเป็นซีรี่ส์ประเภทที่ดูแล้วสุขใจครับ ไฮไลท์ของมันนี่จริงๆ ต้องยกให้การที่มันสามารถกระตุ้นให้เรานึกถึงวันวานได้ ผมอาจจะย้ำประเด็นนี้หลายครั้งนะครับ แต่ผมว่ามันคือไฮไลท์สำคัญของซีรี่ส์จริงๆ เพราะต่อให้ซีรี่ส์บอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับโลกของเกมได้มากแค่ไหน แต่หากไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของคอเกมในสมัยนั้นให้รำลึกไปถึงวันเก่าๆ ได้ ความสนุกลื่นไหลของซีรี่ส์ก็คงจะน้อยลงไปตามลำดับ

บอกตรงๆ ว่ารู้สึกดีครับ ที่มีหนังหรือซีรี่ส์ที่ตอบสนองคนรุ่นผมออกมาเรื่อยๆ แบบนี้ ผมว่าส่วนหนึ่งก็คงเพราะคนรุ่นเรานี่ในตอนนี้ก็อายุ 35 อัพ 40 อัพ เราอยู่ในวัยที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้แล้ว และเราก็จะนำเอาสิ่งเดิมๆ สิ่งดีๆ ที่เราชอบเมื่อวัยเด็กเอามาถ่ายทอด เอามาบอกเล่า เพราะเราทำแล้วเรามีความสุข เหมือนเป็นเรื่องที่เราๆ สามารถหยิบยกมาคุยได้อย่างสนุกสนาน คนเล่าก็อยากเล่า คนฟังก็อยากฟัง ความสุขมันเลยเกิดขึ้นแบบครบวงจรครับ

สิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นในหัวผมหลังจากดูซีรี่ส์นี้จบก็คือคำถามครับ ผมถามตัวเองว่า “เอ… แล้วเรากับโลกของเกมเนี่ย มันเริ่มห่างออกจากกันตอนไหนหว่า” ประมาณว่าตอนเด็กนี่ผมชอบเล่นเกมมาก จาก Famicom มา Super Famicom ตอนนั้น Mega Drive ก็เล่น Gameboy, Game Gear ยันเกมกด ผมเหมาหมด แต่ตัวผมกับเกมนั้นมาห่างกันตอนเครื่อง Play ครับ จริงๆ สมัยนั้นอยากเล่นมากนะ จำได้ว่าอ่านและศึกษาเกี่ยวกับเครื่อง Play จนละเอียดยิบ กะว่าต้องเล่นแน่ๆ แต่สุดท้ายผมก็ไม่มีเครื่อง Play เป็นของตัวเอง เหตุผลก็เพราะเงินทองนั้นหายากครับ

จำได้ว่าตอนนั้นครอบครัวผมประสบปัญหาทางการเงิน ในขณะที่เครื่อง Play ขายกันเป็นหลักหมื่น แต่กระนั้นผมก็ยังอยากได้และบอกกับพ่อแม่ ซึ่งท่านก็ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธนะครับ ส่วนผมก็รอคำตอบไป จนวันหนึ่งพวกท่านเดินเข้ามาในห้อง พร้อมยื่นเงินหลักหมื่นให้ และบอกผมว่า “ลูกจะเอาไปซื้อเครื่องเกมที่อยากได้ก็ได้นะ ขอให้ลองคิดดีๆ ก่อนจะซื้อก็พอ”

แล้วผมก็รับเงินมาเก็บไว้ ผมเก็บมันไว้นานมากครับ นานหลายเดือน นานเกือบปีเลยล่ะ จนไม่รู้เหมือนกันว่าความอยากได้เครื่องเกมมันหายไป ณ จุดไหนของกาลเวลา รู้ตัวอีกทีก็ผมตัดสินใจเก็บเงินเข้าธนาคารแทน และนับแต่นั้นผมกับโลกของเกมก็ห่างจากกัน อาจจะดูเพื่อนเล่นบ้างเป็นครั้งคราว อาจจะงัดเอาเครื่อง SFC ขึ้นมาเล่นบ้างนานๆ ที แต่ความอยากเล่นมันลดลงและผมก็หันไปใช้เวลากับเรื่องอื่นๆ แทน

Untitled05840

บอกตรงๆ ว่าจนถึงทุกวันนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับว่าเราเป็นแบบนั้นเพราะอะไร มันเพราะความคิดตกผลึกที่จิตใต้สำนึกส่วนลึกหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ แต่ที่บอกได้อย่างแน่นอนเลยก็คือ มันไม่ใช่ว่าจู่ๆ เราก็สำนึกขึ้นมาแบบฉากในหนัง ประเภทว่าคิดได้แล้วเปลี่ยนไปเป็นคนละคน อันนั้นไม่ใช่เลยครับ ผมไม่ได้พระเอกขนาดนั้น แต่ก็คิดนั่นแหละครับว่าในตัวหรือในหัวเราคงมีอะไรเกิดขึ้น เราถึงตัดสินใจลงไปแบบนั้น

นี่ล่ะครับ สารพัดสิ่งที่ผมนึกถึงหลังดูซีรี่ส์นี้จบ ซึ่งผมก็รู้สึกขอบคุณซีรี่ส์นี้นะ ที่ทำให้ย้อนรำลึกถึงวันวานได้ ตอนนั้นสุขบ้าง หัวร้อนบ้าง (มันต้องมีบ้างล่ะ เล่นเกมไม่ผ่านจนอยากปาจอยทิ้ง) มันเป็นเหมือนห้องเล็กๆ ในความทรงจำที่พอเราย้อนแวะไปก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอะไรบางอย่างกับเหตุการณ์ในวันเหล่านั้น

ก็อยากให้เราๆ (หมายถึงคนรุ่นผมที่เคยเล่นเกมมาก่อน) ได้ลองดูกันครับ มันก็ไม่เลวนะ ใช้เวลานิดๆ หน่อยๆ มารู้เพิ่มเติมว่าเบื้องหลังเกมที่เราเล่นหรือเครื่องเกมที่เราติดนั้นมันถือกำเนิดมายังไง เพราะอะไร มองมันในเชิงธุรกิจและผลที่เกิดต่อสังคม รวมถึงมองมายังปัจจุบันว่ามันส่งต่ออะไรมาถึงยุคนี้บ้าง เราอาจจะเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเห็น หรือที่เคยมองไม่เห็นเมื่อวันวาน แล้วเอาสิ่งเหล่านี้มาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเราเอง… เราอาจจะได้อะไรจากมันมากกว่าแค่ความเพลินก็เป็นได้

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)