Happy Together

Happy Together Remaster

นับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่คอหนังชาวไทยได้มีโอกาสได้ดูหนังของผู้กำกับระดับตำนานแห่งเอเชีย “หว่อง กา ไว” บนจอใหญ่ๆ ในโรงหนังอีกครั้ง เพราะทางสหมงคลฟิล์มได้จัดหนังคลาสสิกของผู้กำกับผู้นี้ ฉบับรีมาสเตอร์เพิ่มความคมชัด 4K ทั้งหมด 5 เรื่อง มาจัดฉายต่อเนื่องจนถึงช่วงสิ้นปี และล่าสุดเราได้มีโอกาสได้ดูหนังที่จัดได้ว่ายอดเยี่ยมที่สุดของหว่อง นั่นก็คือ “Happy Together” (โลกนี้รักใครไม่นอกจากเขา)

Happy Together เป็นหนังที่เคยออกจากในปี 1997 หรือประมาณ 23 ปีที่แล้ว นับว่าเป็นหนังรักคลาสสิกที่แหวกแนวทุกกระแสหนังในช่วงยุคนั้นแทบทุกเรื่อง โดยเฉพาะการชูประเด็นเล่าเรื่องหลักเป็นความสัมพันธ์และความรักของกลุ่มคน LGBTQ ที่แน่นอนว่าในสมัยนี้ยังไม่ได้เปิดกว้างและเปิดรับได้มากเท่ากับปัจจุบันนี้ และนั่นย่อมเป็นการสร้างเสียงฮือฮาอย่างแน่นอน

ไม่เท่ากัน หว่อง กา ไว ยังคงชิงตัวเอา 2 พระเอกฮ่องกงแถวหน้าในยุคนั้นมาประกบคู่ในฐานะคู่รักชายรักชายได้อย่างน่ามหัศจรรย์ “เลสลี จาง” มาเจอ “เหลียง เฉาเหว่ย” กลายเป็นเคมีนักแสดงที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพล้นจอ ไม่แปลกใจเลยที่สามารถเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ และคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปีนั้นมาครองได้สำเร็จ

คงจะต้องสารภาพเลยว่า…ยังไม่เคยมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์มาก่อน (เพราะตอนหนังออกฉายเราก็ยังเป็นเด็กอยู่เลย) และอาจจะเป็นครั้งแรกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แบบจริงๆ จังๆ หลังจากที่เคยดูผ่านๆ แบบไม่ได้ตั้งใจดู เพราะมีประสบการณ์กับหนังของหว่อง กา ไว ที่สร้างความงงงวยจนเข็ดหลาบ โดยในครั้งนี้ได้ทำการเก็บรายละเอียดและซึมซับเรื่องราว รวมทั้งประเด็นของหนังได้มากขึ้น และยิ่งทำให้หลงรักหนังเรื่องนี้เข้าไปอีก

Happy Together มีเรื่องราวตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นที่บัวโนสไอเรส เมืองหลวงของอาร์เจนตินา แค่เรื่องนี้ก็สร้างความตื่นตาให้กับหนังได้แล้ว เพราะยุคนั้นจะมีหนังเอเชียสักกี่เรื่องที่ยกกองไปถ่ายทำต่างบ้านต่างเมืองทั้งเรื่องเช่นนั้น แม้ว่าจะมีตัวละครหลักๆ เพียงแค่ไม่กี่ตัว แต่ทุกตัวละครมีมิติและความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีและช่วยขับเคลื่อนหนังไปได้ตลอดทั้งเรื่อง

คงจะบอกได้ว่า Happy Together เป็นหนังที่มีเรื่องราวและแก่นเรื่องมากที่สุดแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆ ของหว่อง กา ไว ที่ส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่หนังที่เหมาะกับกลุ่มคนทุกกลุ่ม แต่สำหรับในหนังเรื่องนี้สามารถทัชเข้าถึงความรู้สึกของคนดูได้ เข้าถึงห้วงอารมณ์คนดูได้ และซาบซึ้งกับความสัมพันธ์ในตัวละครได้ แม้ว่าจะยังคงซ่อนสไตล์และลายเส้นเฉพาะตัวของผู้กำกับเอาไว้อยู่ก็ตาม

แน่นอนว่า เหลียง เฉาเหว่ย กับ เลสลี จาง เป็นส่วนดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะสปอตไลท์เฉิดฉายไปที่ เหลียง เฉาเหว่ย ที่ตอนนั้นยังเป็นหนุ่มฮอตออร่าพุ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้เตรียมตัวมารับบทเป็นเกย์หนุ่ม แต่เขาก็มอบการแสดงออกมาได้ถึงใจถึงอารมณ์ แม้ว่าจะถ่ายทอดความรักให้กับตัวละครที่เป็นผู้ชายด้วยกัน และสามารถแบกรับหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ตลอดรอดฝั่ง

ในขณะที่ เลสลี จาง ก็คือหนึ่งในไฮไลท์ของหนัง เขาสามารถถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างดี รับบทบาทได้อย่างเข้าถึงแก่นแท้ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อทั้งคู่โคจรมาขึ้นจอด้วยกัน กลายเป็นเหมือนการจุดระเบิดทางการแสดงที่เป็นกำไรคนดูที่ได้เห็นความพรั่งพรูทางการแสดงของทั้งคู่

ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้มีเพียงขอบเขตประเด็นเพียงแคบๆ เป็นเพียงเรื่องราวความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ แต่ก็แอบแฝงสัญญาณและนัยบางอย่างเข้ามากลายๆ ที่เข้ากับยุคสมัยนั้น ไม่ว่าจะเป็นเปิดรับรสนิยมทางเพศ หรือข้อพิพาททางการเมืองของฮ่องกง-จีน ที่ล้วนแฝงข้อความแทรกเข้ามาในหนังเรื่องนี้ทางอ้อม ผ่านทางความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้ง 2 คน

หนังเรื่องนี้ผ่านมาถึง 23 ปีแล้ว แต่ประเด็นของหนังยังคงไม่ล้าสมัย ยังเป็นหนังที่สามารถหยิบเปิดมาดูซ้ำได้อีกครั้งในยุคนี้ โดยที่แทบจะไม่มีประเด็นไหนในหนังที่ดูเก่าและเชย จะมีแค่เพียงสภาพบ้านเมืองของโลเกชั่นต่างๆ ที่พัฒนาเปลี่ยนไปแล้วเท่านั้น นับว่าเป็นหนังที่มีบทที่ค่อนข้างแข็งแรงและขับเคลื่อนคาแรกเตอร์ด้วยตัวละครได้อย่างเข้มข้น

ในอีกมุมหนึ่ง Happy Together ยังคงเป็นหนังรักที่มองแบบผิวเผินก็คือหนังรักสำหรับคนที่ต้องการมูฟออนออกจากความสัมพันธ์เก่า เป็นความเหงาแต่ไม่โดดเดี่ยว การเดินไปข้างหน้าต่อไปโดยที่ยังมีอะไรเหนี่ยวรั้งเอาไว้เป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเกินตัวไปที่จะทำ เหมือนกับตัวละคร 2 หนุ่มในหนังเรื่องนี้ ที่สะท้อนปัญหาความสัมพันธ์ของคู่รักทุกเพศ และทุกความรักก็คือความหวังใหม่ที่ใครใคร่ถวิลหา

Happy Together ฉบับรีมาสเตอร์ 4K กลับมาให้ประทับใจอีกครั้ง วันที่ 12 พฤศจิกายนี้ ในโรงภาพยนตร์

————————————-