Fear Street: Part Three – 1666 (2021) ถนนอาถรรพ์ ภาค 3: 1666

Untitled06812

แล้วก็มาถึงบทสรุปแห่งไตรภาค Fear Street ครับ หนนี้หนังจะพาเราไปพบกับบทเริ่มต้นแห่งคำสาปที่สร้างความสยองให้กับเมืองเชดดี้ไซด์มานานหลายร้อยปี และเรื่องราวของซาร่าห์ เฟียร์ที่เปิดปมไว้ตั้งแต่ภาคแรก ก็จะมากระจ่างเอาภาคนี้ครับ

หนังย้อนไปเล่าเรื่องในปี 1666 ที่จุดกำเนิดของทุกสิ่ง แล้วก็จะมีการขมวดปมจบเรื่องราวทั้งหมดด้วย ซึ่งบทสรุปจะเป็นอย่างไรก็อยากให้ลองชมกันครับ แล้วก็บอกได้เลยว่าภาคนี้ทำได้สนุกและน่าติดตามไม่น้อยทีเดียว

ถ้าว่ากันในแง่ความโหดแล้ว หนังอาจไม่โหดเท่าภาค 2 เพราะจะว่าไปแล้วเรื่องหลักๆ ที่หนังเล่าก็คือเรื่องชีวิตของซาร่าห์ เฟียร์และสิ่งที่เธอต้องเจอซึ่งมันจะเทน้ำหนักไปในเชิงดราม่ามากกว่าจะเน้นความน่ากลัว ซึ่งถือเป็นอะไรที่เหมาะครับเพราะหนังก็เน้นความสยองมา 2 ภาคแล้ว พอมาภาคนี้ก็ถือว่าแหวกแนวไปทางอื่น ซึ่งการเล่าแบบเน้นตัวละครและเน้นไปในทางดราม่านี้ก็เข้ากับเรื่องราวของตำนานซาร่าห์ เฟียร์ได้อย่างพอเหมาะครับ ดูแล้วทำให้เข้าใจอะไรๆ มากขึ้น ช่วยให้เห็นภาพรวมของเรื่องราวทั้งหมดได้

ในภาคนี้นอกจากเราจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของตัวละครแล้ว หนังก็ยังสะท้อนเรื่อง “ความกลัว ความงมงาย ความโลภ และความไม่รู้ของคน” ได้อย่างดีครับ มันอาจไม่ใช่อะไรที่ใหม่น่ะนะครับ เพราะหนังที่ว่าด้วยการล่าแม่มดก็จะนำเสนอแง่คิดแบบนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่การได้มาเห็นประเด็นเหล่านี้อีกครั้งก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าตำนานมากมายที่เราเคยได้ยินมานั้น แท้จริงแล้วมันซ่อนอะไรไว้เบื้องหลังบ้าง และจริงๆ ก็ไม่ต้องมองย้อนไปไกลหรอกครับ เอาแค่โลกเราในปัจจุบันทุกวันนี้ก็ตาม เรื่องราวมากมายที่เราได้รับรู้ มันคือความจริงทั้งหมดไหม เราได้รู้ครบทุกมุมจริงไหม

เจอแง่คิดแบบนี้ทีไรก็เหมือนเป็นการเตือนสติตัวเองครับ เตือนตัวเราให้อย่าด่วนเชื่อหรือด่วนสรุปอะไรโดยง่าย แต่เราควรจะหาข้อมูลและความจริงให้รอบด้านให้มากที่สุดเสียก่อน – ข้อเตือนสตินี้นำมาใช้ได้กับทุกเรื่อง ทุกยุค และทุกสมัยครับ

Untitled06813

แม้ภาคนี้ฉากโหดจะไม่เยอะ แต่บางฉากก็ทำให้เราหดหู่ไปเลยครับ โดยเฉพาะฉากสยองในโบสถ์ซึ่งเราจะเคยได้ยินตำนานเรื่องนี้กันมาบ้างจากภาคก่อนๆ ครั้นพอได้มาเห็นจริงๆ มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสลดครับ เพราะมันเป็นอะไรที่น่ากลัวและหม่นหมองมากจริงๆ

ดาราในเรื่องส่วนใหญ่ก็จะเป้นการรีไซเคิลเอาดาราจาก 2 ภาคแรกมารับบทเป็นตัวละครใหม่ในยุค 1666 แต่ก็ถือว่าเป็นอะไรที่เข้าท่าครับ เพราะมองในแง่ที่ว่าแต่ละคนพอเจอเรื่องในปี 1666 แล้ววิญญาณก็อาจจะไม่ไปไหนเลยมาวนเวียนเกิดซ้ำในเมืองเดิมๆ เจอเรื่องสยองเดิมๆ ต่อไป อันนี้จะมองในแง่คำสาปก็คงได้เหมือนกันครับ

เนื้อเรื่องในส่วนปี 1666 เล่าได้น่าติดตามดีครับ แม้จะไม่ได้ลึกลับหรือซ่อนปมมากเท่าภาคก่อนๆ แต่ก็ยังน่าติดตาม ในขณะที่เรื่องราวสรุปในยุคปัจจุบันก็มีอะไรมาให้เราลุ้นพอสมควร ซึ่งช่วงไคลแม็กซ์ก็ตื่นเต้นดีครับ แต่ก็ไม่รู้ผมคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า แต่รู้สึกว่าแม้มันจะตื่นเต้นชวนลุ้น แต่มันไม่ลุ้นจัดๆ เท่า 2 ภาคแรก ดีกรีบางอย่างในไคลแม็กซ์ภาคนี้มันดูเบาลงกว่าภาคก่อนๆ น่ะครับ – แต่ถึงกระนั้นก็ถือว่าสรุปเรื่องได้น่าพอใจครับ

จัดว่าเป็นไตรภาคแนวสยองขวัญซ่อนปมที่ทำออกมาได้น่าพอใจครับ สนุกดี ดูเพลินดี ก็ต้องขอชมผู้กำกับ Leigh Janiak ที่คุมงานได้ดีทั้ง 3 ภาค โดยหากให้เรียงลำดับความชอบแล้ว ผมชอบภาค 2 ที่สุดครับ รองลงมาก็คือภาคนี้ ในขณะที่ภาคแรกก็ถือว่าทำได้ดี แต่กลิ่นอายความเด่นจะยังไม่มากเท่า 2 ภาคหลัง ทว่าหากเอามาดู 3 ภาคต่อกันก็จัดได้ว่าเ้ป็นไตรภาคที่ดูสนุกครับ และว่างๆ ผมกะจะเอามาดูซ้ำด้วย

ถือว่าคุ้มค่าน่าดูครับ ใครเป็นคอหนังแนวสยองไล่เชือด หรืออยากดูหนังอารมณ์ Retro หน่อยๆ ก็จัดได้เลยครับ ผมว่าท่านจะสนุกเพลินกับมันไม่มากก็น้อย แต่ต้องขอว่าอย่าคาดหวังนะครับ อย่างผมนี่ก็ดูแบบไม่คาดหวังมากนัก แล้วก็พยายามไม่คิดมากในบางประเด็น ผลที่ได้ก็คือความเพลิดเพลินไปกับหนังทั้ง 3 ตอน

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

***ถัดจากนี้มีสปอยล์นะครับ ไม่อยากให้ทราบไม่ควรอ่าน***

แต่ถ้าจะมีอะไรที่ผมติดใจหรือแอบไม่ชอบนิดๆ ก็คงเป็น “การทิ้งเชื้อ” น่ะครับ ประมาณว่าจบแบบปลายเปิดไปสู่ภาคต่อๆ ไป ซึ่งจริงๆ ผมก็ได้ยินข่าวน่ะนะครับว่าเขาอาจจะมีการแตกไลน์ขยายจักรวาลของ Fear Street ให้มีเรื่องราวอื่นๆ ตามออกมา ซึ่งก็ไม่แปลกใจครับ ลองว่าชุดแรกทำออกมาแล้วเวิร์ก มันก็เหมาะแล้วที่จะมีเรื่องราวต่อ ซึ่งผมก็พร้อมดูต่ออยู่แล้วครับ

แต่ที่บอกว่าไม่ชอบนิดๆ ก็เพราะฉากทิ้งเชื้อมันดูง่ายเกินไป ดูไม่มีลูกเล่นอะไรเท่าไร และยังแอบเกิดคำถามเลยว่าทำไมไม่มีตัวละครตัวไหนคิดจะทำลาย “วัตถุทิ้งเชื้อ” นี้สักหน่อยเรอะ เพราะรู้ก็รู้อยู่ว่ามันอันตรายและสร้างความเดือดร้อนระดับโลกได้มากแค่ไหน คือมันควรจะเผา จะฝัง หรือทำอะไรสักอย่างไม่ใช่เดินผ่านไปดื้อๆ เหมือนมันไม่ใช่ของสำคัญ – แต่กระนั้นผมก็พยายามคิดน่ะครับว่ามันอาจเป็นปมสำหรับเรื่องราวต่อไปก็ได้ – ก็หวังว่าจะมีการเขียนบทมาอุดรูอันนี้น่ะนะครับ

Untitled06814