Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves หนังทรง B ที่เซอร์ไพรส์สุด ฮาจัด ทำเอาตกหลุมรักกันไปเลย

Home

beartai BUZZ

รีวิวหนัง-ซีรีส์

Audio Player

00:00

07:50

Use Up/Down Arrow keys to increase or decrease volume.

Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves

RELEASE DATE

29/03/2023

ความยาว

134 นาที

ผลงานก่อนหน้าของผู้สร้าง

‘Horrible Bosses’ (2011), ‘Spider-Man: Homecoming’ (2017), ‘Game Night’ (2018)

เรื่องย่อ: หัวขโมยผู้มากเสน่ห์และกลุ่มนักผจญภัยที่ไม่น่าจะร่วมมือกัน ได้ลงมือปล้นครั้งยิ่งใหญ่เพื่อกอบกู้โบราณวัตถุที่สาบสูญไป แต่สิ่งต่าง ๆ กลับไม่ง่ายดังคาดเมื่อภารกิจนี้ยุ่งเกี่ยวกับจอมอสูรสุดอันตราย

https://youtube.com/watch?v=e3RUvBbAfOE%3Fversion%3D3%26rel%3D1%26showsearch%3D0%26showinfo%3D1%26iv_load_policy%3D1%26fs%3D1%26hl%3Den-US%26autohide%3D2%26wmode%3Dtransparent
สนับสนุนโดย Major Cineplex

โลกรู้จัก ‘Dungeons & Dragons’ ในฐานะเกมกระดานที่ผู้เล่นได้สวมบทบาทตัวละครสมมติมาตั้งแต่ปี 1974 และมันก็สร้างฐานแฟนที่คลั่งไคล้โลกแฟนตาซีในอาณาเขตปริศนาหรือ ดันเจียน จนแทบกลายเป็นวัฒนธรรมหรือกลุ่มลัทธิใหม่ไปเลย ใครนึกภาพไม่ออกว่าเด็กฝรั่งอินกับเกมนี้ขนาดไหนให้นึกภาพเหล่าตัวเอกของซีรีส์ ‘Stranger Things’ ที่เล่นเกมนี้กันได้โต้รุ่งหรือกำเนิดเป็นชมรมหลังเลิกเรียนมาแล้ว ทั้งนี้เมื่อมาถึงยุคของเกมคอมพิวเตอร์ก็มีหลายต่อหลายเกมที่ใช้เกมกระดานดังกล่าวไปต่อยอดออกมา ทั้งเกมชุด ‘Baldur’s Gate’ หรือ ‘Neverwinter Nights’ ซึ่งได้นำชื่อเมืองในเกมกระดานมาใช้เป็นต้น

สำหรับโลกภาพยนตร์ฉบับคนแสดงก็เช่นกัน ด้วยความโด่งดังข้ามปีข้ามยุคของเกม จึงมีการพัฒนาหนังฉบับไตรภาคออกมาในปี 2000 จนถึง 2012 และเป็นจุดเริ่มต้นที่น่าผิดหวังจนแฟนเกมแทบไม่อยากนึกถึง ขนาดว่าภาคแรกได้นักแสดงรางวัลออสการ์อย่าง เจเรมี ไอออนส์ (Jeremy Irons) มาร่วมแสดงแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แน่นอนว่าสินทรัพย์ทรงคุณค่าเช่นนี้หลังดราม่ายื้อแย่งสิทธิ์กันมาหลายมือ ค่ายเจ้าของลิขสิทธิ์ในปัจจุบันจึงไม่มีทางปล่อยให้หนังตายไปโดยง่าย และนำมาซึ่งการรีบูตฉบับหนังในปีนี้เอง

Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves

‘Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves’ ได้ผู้กำกับไม่คุ้นหูแต่ผลงานน่าสนใจอย่างสองคู่หู จอห์น ฟรานซิส ดาลีย์ (John Francis Daley) และ โจนาธาน โกลด์สไตน์ (Jonathan Goldstein) ที่เคยร่วมกันเขียนบท ‘Spider-Man: Homecoming’ (2017) และ ‘Horrible Bosses’ (2011) ส่วนงานกำกับก็มีผลงานมัน ๆ อย่าง ‘Game Night’ (2018) ที่เคยเป็นกระแสปากต่อปากในโซเชียลมีเดียอยู่ช่วงหนึ่งด้วย

หนังยังได้ดาราแม่เหล็กมายกทีมทั้ง คริส ไพน์ (Chris Pine) ในบทสายลับวณิพกมากเสน่ห์ มิเชล โรดริเกซ (Michelle Rodriguez) ในบทคนเถื่อนสุดแกร่ง เรเก-ฌอง เพจ (Regé-Jean Page) ในบทอัศวินเวทผู้เถรตรง จัสติก สมิธ (Justice Smith) ในบทจอมเวทฝึกหัดผู้ขาดความเชื่อ และสาวน้อยหน้าหวานอย่าง โซเฟีย ลิลลิส (Sophia Lillis) ที่สวยน่าจับตามองในบทของปีศาจสาวจำแลงกาย โดยยังได้รุ่นใหญ่ที่ช่วงหลังรับเชิญในหนังดังไปทั่วอย่าง ฮิว แกรนต์ (Hugh Grant) มารับบทจอมโจรอาวุโส และยังมีอีกหนึ่งดารารับเชิญลับที่มาเซอร์ไพรส์เนียน ๆ ด้วย

Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves

ตัวหนังเลือกอาชีพของตัวละครมาได้แบบคลาสสิกมาก คือเอาอาชีพและคลาสตัวละครในเกมกระดานยุคแรกมาใช้ ทั้งนักสู้หรือคนเถื่อน จอมเวทหรือนักบวช พ่วงด้วยจอมโจรและพาราดินหรืออัศวินเวท นอกจากนี้ยังเสริมด้วยดรูอิกหรือเผ่าปีศาจที่มีพลังแปลงกาย นอกจากนั้นหนังยังพาเราไปแวะเวียนเมืองที่มีชื่อเสียงในเกมอีกหลายเมืองผ่านการเดินทางของตัวละครด้วย

มาถึงตรงนี้สำหรับคนที่ไม่ได้เล่นเกมอาจจะเริ่มหวั่นใจว่า อย่างนี้คงไปดูไม่รู้เรื่องแน่ ซึ่งก็จริงเพียงเล็กน้อย หลายครั้งหนังพูดชื่อเฉพาะที่ทำเอาอยากรู้เหมือนกันว่าคืออะไร แต่มันก็ไม่ได้มากขนาดจะดูหนังไม่รู้เรื่อง ต้องบอกว่าผู้สร้างอาจจะเอาใจกลุ่มคนดูหนังมากกว่าคนเล่นเกมเสียด้วยซ้ำ เพราะแม้มันจะไม่ค่อยปูพื้นหลังของโลกนั้นให้เรารู้เท่าไร แต่มันก็ค่อย ๆ เล่าให้เราเข้าใจไปเองจากการเดินหน้าแบบไม่หยุดยั้งของเรื่องราว

ความต้องการเล่าเรื่องให้เข้าใจง่ายเพื่อชดเชยกับชุดข้อมูลที่ผู้เล่นเกมแนวนี้ถึงจะเข้าใจ มันก็เป็นดาบสองคมเพราะโครงเรื่องเล่าง่ายเสียจนต้องบอกว่าหนังแทบจะเป็นสูตรสำเร็จที่เราเดาก้าวต่อไปไม่ยากเลยตลอดเรื่อง และแม้เสน่ห์จากความบันเทิงมันจะหล่อเลี้ยงให้เราสนุกจนหลงลืมความธรรมดาไปได้พักใหญ่ แต่พอหนังยาว 2 ชั่วโมงกว่า ช่วงหลังของหนังที่ควรจะเพิ่มดีกรีความสนุกให้สุดขีดเรากลับรู้สึกว่าหนังมันแผ่วความสนุกลงมาพอควร

Dungeons & Dragons: Honor Among Thieves

แต่หนังก็มีสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจำนวนมากให้เราหลงลืมความเชยของมัน มีสถานที่ มีผู้คนและเหตุการณ์จุดพลิกผันให้ใส่ฉากแอ็กชันอันหลากหลาย ตั้งแต่คุกอันหนาวเหน็บ สมรภูมิร้างที่มีแต่ภูติผี มหานครแห่งเกมเอาชีวิตรอด ดันเจียนลับใต้ภิภพที่มีมังกรยักษ์ ไปจนถึงลานประลองมรณะ คือพูดแค่นี้ก็คงพอนึกออกว่านี่มันคือหนังแอ็กชันแฟนตาซีแบบที่เด็กโปรดปรานเลย มีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจเยอะมาก หัวใจพองโตกับมันมาก

และอีกสิ่งที่ทำให้หนังที่ทรงมาแฟนตาซีเกรดบีเรื่องนี้มีเสน่ห์จัด ๆ เลยก็คือ บทหนังที่ปั้นแต่งตัวละครแต่ละตัวได้โคตรน่าสนใจ ยิงมุกกันรัว ๆ หลายมุกก็ต้องยอมรับว่ามันคือมุกควายดี ๆ นี่ล่ะ แต่จังหวะการเล่ามันใช่มาก ทำเอาหัวเราะออกมาเสียงดังได้บ่อยครั้งแบบไม่คิดจริง ๆ ว่าจะมาฮาแตกกับหนังเรื่องนี้ อะไรที่เห็นในตัวอย่างพออยู่ในหนังจริงมันขยี้มุกได้เป๊ะขึ้นไปอีก โดยเฉพาะทีมปล้นของพระเอกนี้เคมีส่งรับกันเยี่ยมมาก ไพน์เองก็สาดเสน่ห์ไม่หยุด ความกะล่อนปากมากตลกร้ายหน้าตายมันไปได้สุดมาก จะบอกว่าให้รสชาติความกวนความฮาไม่ต่างจากแก๊ง ‘Guardians of the Galaxy’ (2014) ของมาร์เวล ในธีมโลกแฟนตาซียุคกลางเลยทีเดียว