Choose Or Die หนังทุนต่ำที่พยายามทำฉากสยองขวัญให้ดูเป็นหนังคัลท์พิลึกๆ

หนังสยองขวัญทุนต่ำที่ดึง เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ มาขายให้เหมือนตัวเอก แต่ไม่ใช่ตัวเอกเป็นแค่บทสมทบ ฉากสยองขวัญในเรื่องออกแนวหนังคัลท์แปลกๆ มากกว่าฉากสยองโดยตรง ซึ่งถ้าใครหวังฉากพวกนี้คงได้ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้ามองว่าหนังเน้นขายไอเดียก็ถือว่าพอเข้าใจได้ หนังสั้นมากแค่ชั่วโมงนิดๆ ถือว่าพอดูได้ แล้วก็จบแบบทิ้งไว้กะทำภาคต่อชัดเจน

Choose or Die เกมต้องสาป หนัง Original Netflix เรื่องราวของวิดีโอเกมจากยุค 80 ที่มีเงินรางวัล 125,000 เหรียญมาล่อ แต่เกมนี้กลายเป็นเกมเสมือนจริง เมื่อมันเล่นกับความเป็นความตายในชีวิตจริงของผู้เล่น


4.8/1022,782 votes

ตัวอย่าง Choose or Die เกมต้องสาป

หนังสยองขวัญของอังกฤษที่มี เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ แสดงนำ ร่วมกับ Iola Evans กำกับโดย Toby Meakins เป็นผลงานการกำกับครั้งแรก เป็นหนังของ Netflix โดยตรง จัดว่าเป็นหนังทุนต่ำที่พยายามขายไอเดียแปลกประหลาดในพล็อตวิดีโอเกมสยองขวัญ ด้วยพล็อตง่ายๆ ว่าตัวเอกทั้งคู่ได้ไปเจอวิดีโอเกมสมัยยุค 1980 ที่มีการให้รางวัลผู้เล่นที่เคลียร์เกมได้ พวกเขาจึงเปิดเล่น แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเกมนี้เล่นเหมือนจริงด้วยการให้ตัวผู้เล่นเลือกทำหรือไม่ทำ ซึ่งส่งผลถึงความเจ็บปวดและความตายของผู้คนที่ตกเป็นเหยื่อของเกมนั้น ซึ่งพล็อตเรื่องแนวนี้ไม่ได้ใหม่มาก อาจจะคล้ายๆ กับพวกแนวเดอะริงที่เป็นวิดีโอเทปต้องสาป แต่เรื่องนี้คือเกมแทนเท่านั้น

ด้วยความที่เป็นหนังทุนต่ำ อาศัย เอซา บัตเตอร์ฟีลด์ มาขายนำแสดง แต่ที่จริงเขาเป็นแค่บทสมทบช่วงหนึ่งในเรื่องเท่านั้น ซึ่งก็อาจจะทำให้คนดูผิดหวังได้พอสมควร เพราะตัวเรื่องจริงๆ คือโฟกัสไปที่นางเอกเคย์ล่า ซึ่งเป็นคนเริ่มเล่นเกมนี้เพื่อต้องการเงินมาช่วยแม่ที่ป่วยด้วยฐานะทางบ้านยากจน แถมยังมีชายหื่นที่หวังเคลมเธออยู่ที่นั่นด้วย เอซา ก็เป็นเพื่อนชายที่ชอบเธอ แล้วก็เป็นนักสร้างเกมอินดี้ด้วยตัวเอง ซึ่งตัวเรื่องปูเนื้อหาส่วนนี้ไว้เพียงนิดหน่อย แล้วก็เข้าเนื้อหาหลักเล่นเกมในเวลาไม่นาน ซึ่งตัวหนังก็ยาวแค่ 1 ชั่วโมง 18 นาที (ไม่รวมเครดิต) ซึ่งสั้นมากๆ เนื้อเรื่องจึงดำเนินไปค่อนข้างไวต่อเนื่องด้วยการใช้ฉากสยองขวัญทีละเลเวลแบบเกม ซึ่งฉากเหล่านี้ก็ไม่ได้ถึงกับสยองอะไรมาก เน้นหวาดเสียวนิดๆ แค่นั้น แล้วก็ออกแนวหนังคัลท์ด้วยการทำฉากวิดีโอเกมล้วนๆ แทนฉากสยองของจริงที่เกิดในตอนนั้น หรือฉากสยองขวัญแบบแปลกๆ ให้ตัวละครเป็นเหมือนวิดีโอเกมดิจิตอล ซึ่งเข้าใจว่าต้องการเซฟงบลดต้นทุนมากกว่าจึงเลือกการสร้างฉากออกมาแนวๆ นี้ ซึ่งมันไม่เวิร์คเท่าไหร่ถ้าคนตั้งใจมาดูหนังสยองขวัญอาจจะงงๆ แทนด้วยว่าฉากพวกนี้มันสยองอีท่าไหน แต่ถ้ามองว่านี่เป็นหนังคัลท์ทุนต่ำมันก็เสนอไอเดียฉากสยองขวัญที่แปลกพิลึกดีเหมือนกันครับ

นอกจากการเดินเรื่องด้วยฉากสยองขวัญแล้ว ตัวเรื่องมีพล็อตรองว่าด้วยคำสาปในเกมที่อาจจะไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่เกิดกับผู้เล่นเสมอไป ซึ่งตัวเรื่องผูกโยงอาถรรพ์ของเกมนี้เข้ากับพลังวิเศษในแบบหนึ่ง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นไอเดียน่าสนใจมากกว่าการเล่นเกมแล้วเน้นฉากสยองขวัญซะอีก แต่ตัวผู้สร้างก็เหมือนอยากเกริ่นไว้แค่นี้ก่อน เพื่อดูผลตอบรับของเรื่องนี้ไว้เพื่อทำภาคต่อที่ทิ้งไว้ในตอนจบตรงๆ ว่ามีต่อแน่ๆ (หรือเน็ตฟลิกซ์อาจจะไฟเขียวสร้างไว้แล้วก็ได้)

สรุปโดยรวมว่าเป็นหนังสยองขวัญขายไอเดียสั้นๆ ที่ดูผ่านๆ พอได้ แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์คอหนังแนวนี้โดยตรง