Tom and Jerry – ทอม แอนด์ เจอร์รี่

Tom & Jerry มหกรรมความป่วงของคู่กัดตลอดกาล นับตั้งแต่ปี 1940 ที่น้องทอมและเจอร์รี่ ได้ออกมาโลดแล่นสู่สายตาประชาชน เป็นเรื่องราวของเจ้าแมวทอม และหนูเจอร์รี่ ที่ต้องมาไล่จับกัน แกล้งกัน ทำให้วัยเด็กหลายๆคน สนุกสนานกับความป่วงของคู่กัดคู่นี้ จนเวลาผ่านไปกว่า 81 ปี แล้ว ถึงคราวที่ทางเวอร์เนอร์จะหยิบเอาเรื่องราวของคู่กัดตลอดกาลคู่นี้ มาขึ้นจอใหญ่ให้หลายคนได้รำลึกความหลังกัน เรื่องราวในเวอร์ชั่นหนังใหญ่นี้จะว่าด้วย เจ้าแมวทอมและหนูเจอร์รี่ ได้เดินทางมายัง นิวยอร์ค โชคชะตานำพาให้ทั้งคู่ต้องมาผจญภัยต่าง ๆ นานา ในเมืองใหญ่นี้ ทางหนูทอมก็ได้แอบเข้าไปอาศัยในโรงแรมสุดหรู และเจ้าแมวทอมก็จับพลัดจับผลู…

Aladdin – อะลาดิน

Aladdin— 6.6/10 —เป็นหนัง Live-Action ของ Disney ที่ชอบน้อยที่สุดมีดีที่เพลง และ Will Smithเสียดายความเป็น Guy Ritchie มาก จริงๆ Disney ที่นำเอาการ์ตูนในอดีตมาทำเป็นหนังหลายเรื่องก็สนุกนะ ชอบด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็น Jungle Book, Maleficent, Beauty and the Beast แต่กับ Aladdin เราค่อนข้างจะเฉยๆ กับมันเสียมากกว่า ในวัยเด็ก…

Godzilla: King of the Monsters – ก็อดซิลล่า 2: ราชันแห่งมอนสเตอร์

Godzilla: King of the Monsters— 6.9/10 —หนังสัตว์ประหลาดตีกันที่บทแบบ “อิหยังวะ” Godzilla: King of the Monster เป็นหนังภาคต่อของ Godzilla (2014) แต่เป็นเรื่องที่ 3 ในจักรวาล MonsterVerse ต่อจาก Kong: Skull Island ที่ภาคนี้เป็นการตีกันยับของเหล่าสัตว์ประหลาด ซึ่งจะเป็นการปูไปการปะทะกันของ ราชา (King Kong) กับ…

Whiplash – ตีให้ลั่น เพราะฝันยังไม่จบ

Whiplash Damien Chazelle  หนังดราม่าน้ำดีที่ทั้งหนักแน่นและเรียบง่ายในการเล่าเรื่อง การแสดงขั้นท็อปฟอร์มระดับอาจเข้าชิงออสการ์ของตัวละครนำทั้งสอง และการจับประเด็นห้วงชีวิตของการอยากก้าวพ้นจากสามัญชนธรรมดาไปสู่จุดสุดยอดบนเวทีอันเป็นที่จดจำ เป็นตำนาน ซึ่งต้องแลกด้วยชีวิตจิตใจ หยาดเหงื่อแรงกาย เลือดเนื้อที่หนังเฉือนแล่ชีวิตของไอ้หนุ่มนักฝันกับอาจารย์โหดซาดิสท์ออกมานำเสนอได้อย่างเข้มข้นทรงพลังและตรึงตราใจเอามากๆ Whiplash ผลงานของผู้กำกับ เดเมียน แซซเซลล์ ทีเจ้าตัวเผยว่าต้องการให้หนังที่ว่าด้วยนักดนตรีแจ๊ซเรื่องนี้เต็มไปด้วยอารมณ์แอคชั่นจนเลือดสูบฉีด แอนดรูว์ เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ด้านการตีกลองและมีความทะเยอทะยานอยากไปไกลถึงระดับตำนาน ต้องมาพบกับการฝึกซ้อมสุดหฤโหดที่พร้อมจะบดขยี้ทั้งกำลังใจและกำลังกายจากครูระดับเซียนจอมซาดิสท์อย่าง เฟล็ตเชอร์ การฝึกซ้อมของเฟล็ตเชอร์ที่เต็มไปด้วยความกดดัน ความรุนแรงที่กระแทกทางอารมณ์ถึงขนาดปาเก้าอี้ใส่หัวจากตีกลองผิดจังหวะ หรือการให้ตีจนมือเหวอะเลือดอาบกลอง ปะทะกับลูกบ้าและความทะเยอทะยานจนเข้าขั้นเสียสติเกินคนทั่วไปจะทนไหวของแอนดรูว์ ทำให้หนังเรื่องนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่น่าขนลุกและเฮี้ยนเกินกว่าหน้าหนังหรือคำโปรยว่าเป็นหนังสู้เพื่อฝันอันสวยงามไปไกลหลายเท่านัก ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุดคือการที่หนังผลักตัวละครทั้งสองไปไกลในทางที่พวกเขาเป็นอย่างสุดโต่งโดยที่ไม่ใช้บทสรุปง่ายๆ ตามขนบดีงามใดๆ มาตีกรอบจนลดค่าพวกเขาลงไป นี่จึงเป็นหนังที่มีเลือดเนื้อพลังชีวิตเต็มเปี่ยมถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีบทสรุปสำหรับคนดูทุกคน หนังเพียงแค่นำเสนอทางเลือกของคนในรูปแบบหนึ่งที่เต็มไปด้วยราคาที่ต้องจ่ายอย่างสาหัสเพื่อความหมายของชีวิตเฉพาะตัวที่แสวงหาโดยไม่ประนีประนอมใดๆ คนดูอาจไม่ได้เห็นด้วยกับทางเลือกของตัวละคร…

X-Men: Dark Phoenix – X-เม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์

จากแสงสุริยะ ด้วยเหตุนั้น ทำให้ Jean Grey ได้รับพลังบางอย่าง และนั่นส่งผลให้เธอเป็นอันตรายต่อทุกคนที่อยู่ใกล้เธอ เป็นที่มาของ Dark Phoenix ก่อนหน้าที่จะได้ดูเรื่องนี้ ภาคที่เราชอบน้อยที่สุดคือ Apocalypse แต่พอได้ดูเรื่องนี้จบความคิดเปลี่ยนในบัดดล Dark Phoenix กลายเป็นหนังที่ชอบน้อยที่สุด และโดยส่วนตัวรู้สึกว่าทุกๆ อย่างในเรื่องนี้มันแย่ที่สุดจากทั้งหมดในแฟรนไชส์ X-Men เลยก็ว่าได้ ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องราวต่อจาก Apocalypse แต่มันก็ไม่ได้เล่าเรื่องราวหรือมีเหตุการณ์อิงอะไรต่อจากช่วงนั้นสักเท่าไหร่ เรียกได้ว่าก้าวกระโดดข้ามมาแบบไม่อิงถึงเลยดีกว่า เลยทำให้หลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังภาคนี้มันค่อนข้างแปลก ไม่อิน และชวนสงสัยอยู่ไม่น้อย เรื่องราวในภาคนี้จริงๆ…

นะโม โอเค – Na-Mo OK

นะโมOK (ฐิติพงศ์ ใช้สติ / Thailand / 2014) มันต่างกับหนังอย่างหลวงพี่เท่ง หรือ หลวงพี่ผีขนุน มากอยู่นะ(สองเรื่องที่ว่ามานี้ไม่ได้ดูนานละแต่จำได้ว่าชอบเพราะมันดูสนุก) เพราะเรื่องนี้มันเล่นศีลธรรมสั่งสอนกันเยอะแยะมากมายผสมการล้อเล่นกับวินัยพระมากไปกว่าคำพูดกิริยาอาการเพื่อความตลก คือมันมีท่าทีที่สร้างสถานการณ์เพื่อให้พระอาบัติ อย่างเช่น พระพูดหยาบ พูดโกหก ถุยอาหารลงบาตร ให้พระผู้น้อยเดินนำบิณฑบาต มดกัดไข่พระ พระถูกหาว่าทำโยมท้อง สีกากรี๊ดขวยเขินพระ (แน่นอนว่าสีกานอกจอก็กรี๊ดพระฝรั่งกล้ามโตจนนมโผล่นอกอังสะ)เณรเก๊ เณรเกย์ พวกนี้เนี่ยถึงจะทำเอาฮาเสียส่วนใหญ่และไม่ว่าจะคิดมาเพื่อสะท้อนความคิดหรือเพื่อแค่ตลกโปกฮาพาสนุกแต่มันกล้าเล่นดีน่ะ แล้วการแก้ตัวด้วยการให้ตัวละครพระปลงอาบัติ…แบบไม่เป็นไรผิดวินัยนิดๆ หน่อยๆ ก็ปลงอาบัติได้กลับมาผ่องใสเหมือนเดิม…ซึ่งชอบท่าทีเสียดสีตรงนี้ถึงมันจะตั้งใจจะใช่หรือไม่ใช่ตามที่คิดแต่ในฐานะที่มันเป็นหนังกระแสหลักมันก็ถือว่ากล้าวัดใจเซ็นเซอร์ดีน่ะ ขนาดว่าหนังบางฉากถูกหั่นเพราะล่อแหลมแล้วหนังที่เหลือรอดมาให้ดูก็สะท้อนวุฒิภาวะของคนกองเซ็นเซอร์ได้น่าคิดดี ซึ่งมันย้อนแย้งดีทั้งในจอและนอกจอ… ถึงมันจะจบครบถ้วนกระบวนธรรมธรรมะอยู่ที่ใจไม่ใช่วัตถุ ชะล้างสถาบันครอบครัวมาเฟียให้เข้าวัด และเจียระไนนักฆ่าฝรั่งให้เป็นพระสำเร็จเสร็จสิ้นง่ายๆ แต่มันมีเส้นเรื่องของเด็กมัธยมเพื่อนสนิทกันสองคนที่เห็นข่าวเณรขำ(ล้อเณรคำ)ก็เลยชวนกันมาบวชเณรเพื่อหาเงินไปหลอกสาวว่าบ้านรวยซึ่งเพื่อนคนหนึ่งจีบผ่านออนไลน์อยู่ แต่สุดท้ายก็โดนต้มซะเองหลังหนีออกจากวัดเปลี่ยนชุดไปหาสาวแล้วถูกสาวขโมยของแก้ผ้าให้ล่อนจ้อน…

Deepsea – ดิ่งระทึกลึกสุดโลก

Deepsea Challenge (John Bruno, Ray Quint, Andrew Wight / USA / 2014) ‘James Cameron ผู้กำกับชื่อดังเจ้าของหนังท็อปบ็อกซ์ออฟฟิศโลกอย่าง Avatar และ Titanic จะพาเราไปสำรวจโลกใต้มหาสมุทรลึกที่ๆ ยังไม่เคยมีมนุษยชาติชนใดเคยไปถึง’ พอได้ยินมาประมาณนี้ความอยากดูอยากรู้อยากเห็นก็บังเกิดพร้อมกับคำถามที่ว่า…James Cameron ไปมีแรงบันดาลใจอะไรกระตุ้นให้เขาอยากเสี่ยงตายดำลงไปในทะเลลึกได้ขนาดนั้น แล้วก็จะได้รู้ว่าที่ผลงานหนังห่างหายไปหลังจาก Avatar ถล่มบ็อกซ์ออฟฟิศนั้นเป็นเพราะอะไร และมันคุ้มค่ามากแค่ไหนหนอ หนังเล่าเปิดมาด้วยการเกริ่นนำเข้าเรื่องราวด้วยเสียงบรรยายเหมือนสารคดีที่เห็นอยู่ทั่วไป แล้วพอเอาเข้าจริง การดำเนินเรื่อง…

Rocketman – ร็อคเกตแมน

Rocketman— 8.7/10 —หนังชีวประวัติที่ผสมผสานมิวสิคัลได้แบบโคตรลงตัว! หลังจากที่เมื่อปีที่แล้วได้มีหนังชีวประวัติของยอดนักร้องนำวง Queen อย่าง Bohemian Rhapsody มาแล้ว และประสบความสำเร็จแบบสุดๆ คว้าไปหลายรางวัลจากหลายเวที ในปีนี้ก็มีอีกหนึ่งหนังชีวประวัติที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ Rocketman ที่จะมาถ่ายทอดประวัติของนักดนตรีอัจฉริยะ Elton John ชื่อหนัง Rocketman ได้มาจากหนึ่งในเพลงของ Elton John ที่หลังจากดูหนังจบ คุณจะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้เลือกเพลงนี้มาเป็นชื่อหนัง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่ามันไม่ใช่หนังแบบ Bohemian Rhapsody เลย ถึงแม้มันจะเป็นหนังบอกเล่าชีวประวัติเหมือนกัน แต่มันเลือกวิธีการเล่าที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…

Polaroid – โพลารอยด์ ถ่ายติดตาย

Polaroid – ถ่ายติดตาย— 5/10 —หนังผีสูตรสำเร็จ ที่ตกใจเสียงมากกว่าตัวผี (พยายามบิ้วซะดังเกิ๊น)ตัวละครก็พากันทำอะไรโง่ๆ ตามสูตรหนังผี เช่นวิ่งหนีแล้วสะดุด เป็นต้น เห้อ – -“ Polaroid คือหนังที่ถูกดัดแปลงมาจากพล็อตหนังสั้นของผู้กำกับ Lars Klevberg ที่เจ้าตัวก็ตามมากำกับเวอร์ชั่นหนังยาวนี้ด้วย ซึ่งก็ถือเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของเจ้าตัวเหมือนกัน ส่วนเรื่องหลังจากนี้ก็ได้รับคุมงานใหญ่ กับหนังฆาตกรคลาสสิคในคราบตุ๊กตาอย่าง Chucky ใน Child’s Play Polaroid เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงวัยรุ่นคนหนึ่งที่บังเอิญได้กล้องมือสองมาจากเพื่อน และใช้มันถ่ายรูปเพื่อนๆ ของเธอ แต่นั่นกลับนำมาซึ่งความหายนะ…

Men in Black International

 Men in Black International— 6.9/10 —อาจสู้ต้นฉบับไม่ได้ แต่ก็เพลินในระดับนึงคู่พระ-นาง ชวนให้นึกถึงโมเม้นต์ใน Thor: Ragnarok จริงๆ Men in Black International เป็นหนังภาคต่อของแฟรนไชส์ MIB ที่ภาคสุดท้ายทิ้งไว้เมื่อปี 2012 ที่ในภาคนี้ไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวของภาคที่ผ่านมาเท่าไหร่ มีเพียง Easter Egg เล็กๆ ปรากฏเท่านั้น ซึ่งภาคนี้เลือกที่จะเล่าเรื่องราว MIB สาขา London แทน มาพูดถึงตัวนักแสดงกันก่อนเลย…