ยังจำเกม “แส้” ได้ไหมครับ ^_^ คนรุ่นใหม่อาจจะงงว่ามันคือเกมอะไร แต่หากใครอายุ 30 อัพและเป็นเนิร์ดเกมแฟมิคอมล่ะก็ คงจำกันได้ว่ายุคหนึ่งเราเคยเรียกเกม Castlevania กันว่า “เกมแส้”
เหตุผลก็ง่ายๆ ครับ เพราะพระเอกเอาแส้ฟาดเป็นหลัก (บางคนก็ติดอยู่แค่ฟาดเทียนนี่แหละ 555) และเอาจริงๆ ก็อ่านชื่อเกมไม่ออกครับ เพราะตลับที่เข้ามาก็ภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก ก็เลยเรียกมันว่าเกมแส้นี่แหละ
จำได้ว่าขนาดมีภาคต่อก็ยังเรียกเกมแส้เหมือนเดิม (แส้ 2, แส้ 3 เรียกไปตามเรื่อง) และดีกรีความยากก็ยากถึงระดับโหด เล่นกันหามรุ่งหามค่ำทำเอาหลายคนปาจอยทิ้งกันมานักต่อนัก นับไปนับมาเกมนี้ก็ 30 ปีเข้าไปแล้วล่ะครับ
และนี่คือฉบับแอนิเมชั่นครับ ทำออกมาเป็นมินิซีรี่ส์ 4 ตอนจบ ตอนละประมาณ 23 นาที ถ้าเอามาดูต่อๆ กันก็เหมือนหนังการ์ตูนเรื่องยาวเรื่องหนึ่งน่ะครับ ซึ่งถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว และตอนนี้ก็มีการสร้างซีซั่น 2 แล้วด้วย (รอฉายปีหน้า)
หนังเล่าถึงจุดเริ่มต้นการอาละวาดของแดร็กคูล่า ที่เขาต้องกลายเป็นมารเข่นฆ่าคนก็เพราะมนุษย์ทำร้ายคนที่เขารัก แล้วจากนั้นเรื่องก็มาเล่าในส่วนของเทรเวอร์ เบลมองค์ ทายาทแห่งตระกูลล่าปีศาจที่ต้องมารบกับพวกปีศาจทั้งหลาย หลังการอาละวาดของแดร็กคูล่า
หลายคนอาจคิดว่าแดร็กคูล่าจะมีบทบาทเยอะ แต่จริงๆ ก็เปล่าครับ เขาโผล่แค่ตอนแรก ในขณะที่ตอนต่อมาก็เน้นเล่าเรื่องเทรเวอร์และตัวละครอื่นๆ ซึ่งผลที่ได้นับว่าน่าพอใจครับ เล่าเรื่องได้น่าติดตามดี ดูสนุกใช้ได้
แต่ต้องบอกก่อนว่าหนังก็โหดอยู่ครับ ฉากฆ่า ฉากเลือดสาดมีเยอะอยู่ ส่วนเรื่องแอ็กชันก็มีบ้างครับ แต่ยังไม่กระหน่ำอะไร เหมือนปีนี้จะเป็นการปูพื้นให้เรารู้ว่าใครเป็นใคร ใครจะทำอะไรใคร และเมืองที่เต็มไปด้วยปีศาจนั้นมันน่าหดหู่แค่ไหน
โดยฉบับนี้เอาพล็อตจาก Castlevania III: Dracula’s Curse มาบอกเล่าครับ แล้วก็มีบางส่วนมาจากภาค Symphony Of The Night ด้วย ซึ่งผมว่าเรื่องมันไม่หวือหวานะ แต่เล่าแบบเน้นความหนักแน่นและเน้นตรงบรรยากาศเป็นหลัก
ก็เดาๆ เอาว่าปีหน้าน่าจะจัดเต็มมากขึ้นล่ะครับ เพราะปีนี้แนะนำตัวละครหลักเรียบร้อยแล้ว (แต่จะมีใครบ้างก็แนะนำว่าให้ลองดูครับ) ปีหน้าก็น่าจะพร้อมสำหรับการบู๊และการเผชิญกับปริศนาสารพัดที่หากวางพล็อตดีๆ นี่ผมว่ามันต้องมันส์แน่ๆ ล่ะครับ
ผมชอบประเด็นที่หนังเสียดสีความไม่รู้ของคนนะ พวกยุคล่าแม่มดต่างๆ มันก็เกิดจากความไม่รู้ของคน (ชาวบ้านไม่รู้ก็เลยกลัวแบบไม่ไตร่ตรอง) และเกิดจากการพยายามรักษาอำนาจของคนในศาสนาที่ตระหนักดีว่า หากปล่อยให้วิทยาศาสตร์มาอยู่เหนือศาสนา ความมั่นคงบางอย่าง (ของคนบางกลุ่ม) ก็จะสั่นคลอน
ผมว่ามันเป็นประเด็นคลาสสิกของประวัติศาสตร์โลกครับ เรื่องของอำนาจ การรักษาอำนาจ และเรื่องการทำให้คนตกอยู่ใต้อำนาจ (เพราะบางทีการรู้มากเกินไป ก็ทำให้คนกลัวน้อยลง มีอิสระมากขึ้น และทำให้ควบคุมได้ยากขึ้นตามลำดับ)
โดยรวมแล้วผมว่าสนุกดีครับ อาจจะไม่มันส์แบบสุดๆ แต่ก็จัดว่าน่าติดตามและน่าชื่นชม ยังรักษาอารมณ์ของ Castlevania ไว้ได้ดี ลายเส้นก็มีเสน่ห์ครับ เพียงแต่ก็อย่างที่บอกน่ะครับว่ามันอาจจะยังไม่สุดยอดอะไรมากเท่านั้นเอง
สองดาวสามส่วนสี่ดวงครับ
(7.5/10)