The Purge: Election Year (2016) คืนอำมหิต: ปีเลือกตั้งโหด

14517512_1342290759135055_4349338422649880848_n

หนังชุด The Purge ดูเล่นใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครับ ภาคแรกเหตุเกิดในบ้าน ภาค 2 เหตุเกิดพล่านเมือง และในภาคนี้ประเด็นที่เอามาเล่นก็ถือว่าระดับประเทศทีเดียว แต่ถ้าพูดถึงความใหญ่ของเหตุการณ์แล้ว ก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าภาค 2 ครับ พล่านเมืองพอกัน

หนนี้ Frank Grillo กลับมารับ ลีโอ บาร์นส์ เรื่องราวเกิดห่างจากภาคที่แล้ว 2 ปีครับ ตอนนี้เขามาทำงานอารักขา ท่านสว. ชาร์ลี โรน (Elizabeth Mitchell) ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ต้องการจะยกเลิกคืนล้างบาปนี่ซะ

แต่ก็แน่นอนว่ามีคนไม่เห็นด้วยกลุ่มใหญ่เลยล่ะครับ นั่นทำให้คืนล้างบาป กลายเป็นคืนที่ท่านสว. โดนตามล่า ลีโอเลยต้องหาทางปกป้องท่าทั้งมวลก็อยู่ที่ท่านนี่แหละ

อย่างที่บอกครับว่าภาคนี้ดูเล่นใหญ่ จับเอาประเด็นการเมืองมาเสริมเรื่องราว แต่พอมาดูสเกลหนังแล้วก็ไม่ต่างจากภาค 2 ครับ ลีโอยังต้องวิ่งพล่านเมือง โดนไล่ล่าทั้งจากพวกคลั่งคืนล้างบาปและพวกที่ถูกส่งมาสังหารท่านสว.

แล้วก็ยังมี โจ (Mykelti Williamson) กับ มาร์คอส (Joseph Julian Soria) ที่พยายามปกป้องร้านชำตัวเอง, และเลนี่ (Betty Gabriel) หน่วยพยาบาลเพื่อนของโจที่ต้องมาเผชิญกับความโหดของคืนล้างบาปด้วย

โดยรวมแล้วก็ถือว่าไม่เลวครับ สนุกกว่าภาคแรก แต่ยังไงภาค 2 ก็ยังเป็นภาคที่สนุกลงตัวสุด (สำหรับผมนะ) ทั้งจังหวะการเดินเรื่อง จังหวะผ่อน จังหวะแอ็กชัน และความระทึกขวัญต่างๆ ทุกอย่างกำลังดีครับ และถือว่ามีอะไรให้ลุ้นเยอะพอดูด้วย

ในขณะที่ภาคนี้จริงๆ ถ้าตัดประเด็นการเมืองออกไปก็ถือว่ามาทางเดียวกับภาค 2 เลยครับ แต่ในแง่ความลุ้นระทึกและน่าติดตามกลับไม่มากเท่า ส่วนหนึ่งอาจเพราะภาคที่แล้วตัวละครแต่ละคนมันมีปมชวนให้ติดตามน่ะครับ ประมาณว่าบางทีก็ไว้ใจกันไม่ได้แบบเต็มร้อย บรรยากาศมันเลยมีกลิ่นมาคุกดดันผสมๆ เพิ่มความน่าสนใจให้กับหนังได้

แต่ภาคนี้เหมือนทุกอย่างจะชัดครับ ไม่มีอะไรปิดบัง ไม่มีอะไรให้ลุ้น คือแค่ดูว่าสุดท้ายท่านสว. จะรอดหรือตายแค่นั้น ในขณะที่ตัวละครอื่นๆ มันชัดเลยว่าใครดีใครร้าย ไม่มีการหักมุม เลยทำให้ความกดดันที่เคยมีในภาคก่อนๆ ลดน้อยลงไปเยอะเหมือนกัน

ครับ โดยรวมแล้วภาคนี้ก็ดูได้เพลินๆ (ยกเว้นใครคาดหวังมากๆ ก็อาจผิดหวังได้) ส่วนในแง่เนื้อหาสาระก็ถือว่าน่าสนใจครับ โดยเฉพาะเรื่องกฎเรื่องคืนล้างบาปเจ้าปัญหานี่ที่ชวนให้เราตั้งคำถามถึงเรื่องกฎหลายๆ กฎที่ผู้มีอำนาจตั้งขึ้นมา

ผมคิดเสมอว่ากฎก็เหมือนเหรียญ มันมี 2 ด้าน และขึ้นกับว่าคนจะใช้มันในด้านไหน… กฎสามารถทำให้อะไรๆ ในสังคมดำเนินไปได้อย่างเป็นระเบียบ หากใช้ดีๆ ก็สามารถลดความเหลื่อมล้ำบางอย่างระหว่างคนด้วยกันได้ (ผมใช้คำว่า “ลด” แต่ไม่ใช้คำว่ากำจัด เพราะเชื่อว่ายังไงความเหลื่อมล้ำมันก็มีล่ะครับ แต่จะมีมากหรือน้อยเท่านั้นเอง)

แต่ในทางกลับกัน กฎสามารถเป็นเครื่องมือให้กับคนระดับสูงบางกลุ่มได้ พวกเขาสามารถใช้มันสร้างประโยชน์ให้ตนเอง อย่างในเรื่องก็บอกกันตรงๆ ว่าคนที่ตายส่วนใหญ่ก็คือรากหญ้า แต่คนชั้นสูงยังไงก็มีทางออก มีที่คุ้มหัว และในขณะเดียวกันยอดขายปืนและอาวุธก็พุ่งขึ้น, บริษัทประกันก็ปรับขึ้นค่าเบี้ยประกันความเสียหายสำหรับวันล้างบาปได้ ฯลฯ

ถ้าถามว่าใครได้ประโยชน์ ก็หนีไม่พ้นพวกนักการเมืองที่จับมือกับนายทุนนั่นแหละครับ แต่อะไรพวกนี้พวกนักการเมืองที่ได้ประโยชน์จะไม่พูดถึงกันนะ เขาจะพูดแต่ว่า “กฎนี้ดี มีประโยชน์ ลดปัญหาสังคม ส่งเสริมอิสรภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างสมดุลให้ประเทศ ฯลฯ”

คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ไม่รู้จะว่ายังไงดี เพราะ “เหตุการณ์ทำนองนี้” ไม่ได้เกิดเฉพาะในหนังหรอกครับ ผมว่าชีวิตจริงเราก็พบเห็นอะไรแบบนี้นะ และไม่ใช่เฉพาะนักการเมืองเท่านั้นนะที่ใช้ ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่ามีคนที่ใช้ “อะไรบางอย่าง” เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ตน และแท้จริงแล้วเครื่องมือที่ว่านั้นมันกำลังก่อปัญหาฝังรากแน่นลึกในสังคมมากขึ้นทุกทีๆ… แต่เราอาจไม่รู้หรือ “ถูกทำให้ไม่รู้” เท่านั้นเอง

จริงๆ หนังจบภาคนี้ก็ได้นะครับ ถือว่าครบไตรภาคแล้ว James DeMonaco ก็ได้ทำครบ 3 ภาคเลย นับว่าไม่บ่อยครับที่หนังสยองแบบนี้จะมีคนทำคนเดิมมาทำจนครบไตรภาค ^_^

แต่ถ้าจะมีภาคหน้าอีกล่ะก็ ไหนๆ จะใหญ่แล้ว ก็เล่นใหญ่ไปเลยครับ (555)

สองดาวหน่อยๆ ครับ

Star21

(6/10)