Belle

BELLE – เจ้าหญิงแห่งเสียงเพลง
— 9.2/10 —
Beauty and the Beast แห่งโลกเสมือน
สะท้อนสังคมออนไลน์ การเติบโต และครอบครัว
พร้อมด้วยบทเพลงอันไพเราะและภาพอันงดงาม

Belle คือหนังอนิเมชันผลงานการกำกับและเขียนบทของ Mamoru Hosoda ที่เคยฝากผลงานชื่อดังเอาไว้มากมาย ทั้ง The Girl Who Leapt Through Time, Summer Wars, Wolf Children, The Boy and the Beast และล่าสุด Mirai หากดูตามรายชื่อแล้วมีแต่ผลงานอันน่าชื่นชมและกระแสวิจารณ์ดีทั้งนั้น จึงไม่แปลกที่เรื่อง Belle จะได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้ แถมกระแสวิจารณ์บน IMDb คว้าไป 7.3/10 และใน Rotten Tomatoes ก็สูงถึง 95% ทั้งฝั่งคนดูและนักวิจารณ์

Belle บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า สึสึ เธอคือเด็กสาวผู้สูญเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก กลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเท่านั้น ถึงภายนอกจะเป็นเช่นนั้นแต่ภายในเธอก็มีความใฝ่ฝันชอบในการร้องเพลง จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เข้ามายังโลกเสมือนที่เรียกว่า U และมีตัวตนในโลกเสมือนที่เรียกว่า As ในชื่อ เบลล์ นั่นทำให้เธอได้เปล่งเสียงร้องอันไพเราะและทำให้ทั้งโลกสนใจในตัวเธอ ไม่นานก็มีบุคคลปริศนานามว่า ริว ปรากฏตัวขึ้นมา นั่นทำให้เธอเริ่มสนใจและเห็นอกเห็นใจพร้อมอยากตามหาตัวตนอันเป็นปริศนาของเขาให้พบว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

ถึงแม้เราจะจั่วหัวว่ามันคือ Beauty and the Beast แห่งโลกเสมือน แต่มันเอาแค่โครงหลักแค่ความเป็นเจ้าหญิงแสนสวยกับอสูร พร้อมความเข้าอกเข้าใจภายใต้ความโหดร้ายนั้นมาเท่านั้น ขีดเขียนเรื่องราวใหม่มีเอกลักษณ์ของตัวเองชัดเจน ไม่ได้ไปแตะต้องหรือดัดเรื่องราวเอาต้นฉบับมาที่เราคุ้นเคยมาเล่าอีกรอบแต่อย่างใด 

Belle มีองค์ประกอบหลากหลายประเด็นที่ต้องการสื่อถึงคนดู ทั้งการสะท้อนสังคมออนไลน์ในหลากหลายแง่เยอะบ้างน้อยบ้าง ทั้งการวิพากษ์วิจารณ์, กลุ่มคนที่มีอิทธิพลทางความคิด, SEO, อัตลักษณ์ หรือจะเป็นในแง่ของ การเติบโต ความ coming-of-age ของตัวละคร การก้าวผ่านวัยความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว, การยอมรับ, ความกล้าที่จะแสดงตัวตน รวมถึงประเด็นครอบครัว และเรื่องราวความรักกุ๊กกิ๊กพอน่ารักหอมปากหอมคอ ทั้งหมดนั้นมันสอดคล้องกัน ช่วยกันในทุกส่วนมันล้วนใส่มาอย่างพอดิบพอดี ไม่มากจนเกินงาม ไม่น้อยจนเกินไป ออกมากลมกล่อม มีจังหวะการเล่าที่พอดีในทุกจุด ที่สำคัญแต่ละประเด็นมันก็แข็งแรงด้วย เนื้อเรื่องมันจึงน่าสนใจและน่าติดตามอยู่ตลอด

ชื่อเรื่องว่าเจ้าหญิงแห่งเสียงเพลงทั้งที แน่นอนว่าเราจะได้ยินบทเพลงอันไพเราะตั้งแต่เปิดเรื่องเลย ที่สำคัญเนื้อหาแต่ละเพลงยังสะท้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรื่องด้วย อ่านซับไปด้วยจะอินและจะเข้าใจตัวละครมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็น่าเสียดายถ้าเทียบกับทั้งเรื่องแล้วเราก็ได้ยินตัวละครเบลล์ร้องเพลงน้อยมาก แต่ทุกครั้งที่ร้องก็ยังตราตรึง ไพเราะ ชวนฟัง ชวนฝันทุกครั้งไป

งานด้านภาพก็ตราตรึงตั้งแต่วินาทีแรกที่หนังพาเราไปสู่โลกของ U เราจะได้เห็นงานภาพที่งดงามน่าทึ่ง รวมถึงพอมาอยู่ในโลกจริงภาพเบื้องหลัง ต้นไม้ ใบหญ้า ท้องฟ้า หรือองค์ประกอบ รายละเอียดเล็กน้อยต่าง ๆ ก็ใส่ใจและทำได้โคตรสวย ใช้คำว่าโคตรงดงาม สมบูรณ์แบบได้เลย ถึงแม้ว่าทางด้านคนในโลกจริงอาจจะดูดร็อปกว่าอย่างอื่น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ขี้เหร่จนดูละเลยหรือแย่จนเกินไป

ทางด้านนักแสดงที่ให้เสียงพากย์ก็รู้สึกพากย์เข้ากับตัวละครนั้น ๆ ทุกตัว คือดูเพลิน ๆ จนลืมไปเลยว่ามันคืองานพากย์ เพราะดูพากย์เข้าไปตัวละครนั้น ๆ ทุกตัวเลย เข้าแบบกลมกลืนเลยอะ

อาจจะมีติดใจอยู่นิดนึงว่าบางส่วนหนังอาจจะรีบคลี่คลายหรือรีบเล่าจนเกินไปสักหน่อย หรือบางประเด็นก็อาจถูกทิ้งไว้ให้สงสัย และอีกเรื่องที่สงสัยคือระหว่างที่คนเข้าไปยังโลก U ร่างจริงมันทำงานยังไงนะ แล้วหลักการเคลื่อนไหวในโลก U กับโลกจริงมันยังไงกันแน่ ก็ติดตรงนี้นิดนึงเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเราโอเคหมดเลย

สรุปแล้ว Belle เป็นหนังที่ดูสนุก เพลิน บอกเล่าหลายประเด็น สะท้อนสังคมออนไลน์ การเติบโต และครอบครัว ออกมาได้อย่างกลมกล่อมลงตัว หล่อเลี้ยงด้วยบทเพลงอันไพเราะและงานภาพสุดงดงาม เชิญไปใช้ตาดูและใช้หูฟังด้วยตัวเองกันเลย นี่เป็นหนังอนิเมะโคตรประทับใจเปิดปีของเราเลย