Ant-Man and the Wasp (2018) แอนท์-แมน และ เดอะ วอสพ์

Untitled06883

ผมมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดมากๆ ครับ ที่ Marvel เอา Ant-Man มาฉายต่อจาก Avengers ประมาณว่าหลังจากดูอะไรที่มันใหญ่ๆ เบิ้มๆ ระดับจักรวาลกันไปแล้ว ก็มาสลับอารมณ์ดูอะไรที่ไซส์มันไม่ใหญ่บ้าง เป็นการเปลี่ยนรสชาติที่เข้าท่าดีเหมือนกัน

ภาคนี้สก็อตต์ แลง (Paul Rudd) ก็ต้องมารับผลจากการไปร่วมแจมศึกกัปตันอเมริกาเมื่อคราวก่อน โดนกักบริเวณอยู่ในบ้าน ซึ่งจริงๆ มันเหลืออีกแค่ 3 วันครับ เขาก็จะได้รับอิสรภาพกลับคืนมาแล้ว แต่ดันเกิดประเด็นให้ต้องผจญภัยขึ้นมา นั่นคือการตามหาเจเน็ท แวน ไดค์ (Michelle Pfeiffer) ที่ติดอยู่ในมิติควอนตัมมานานหลายสิบปี แล้วไหนจะต้องเจอตัวร้ายอย่างโกสต์ (Hannah John-Kamen) และซันนี่ เบิร์ช (Walton Goggins) ที่มาพัวพันกับเรื่องนี้อีก เลยทำให้ 3 วันที่ว่ากลายเป็น 3 วันมหาวุ่นสำหรับสก็อตต์ไปเลย

รู้สึกเลยครับว่าภาคนี้หนังพยายามใส่อะไรลงไปเพื่อให้เนื้อเรื่องมันมีอะไรมากขึ้น ซึ่งถ้าดูเอาบันเทิงมันก็ตอบโจทย์ได้น่ะครับ พลังสำคัญของภาคนี้คือได้ดาราฝีมือดีมาร่วมแจมกัน เลยทำให้หนังมันมีพลังขับเคลื่อนและดูสนุกอยู่ แต่หากมองกันที่ตัวเรื่องจริงๆ แล้วผมออกจะชอบภาคแรกมากกว่า ชอบในความกลมกล่อมของมันน่ะครับ เนื้อเรื่องอาจไม่อีรุงตุงนังเท่าภาคนี้ แต่มันพอดีพอเหมาะ ในขณะที่ภาคนี้่ถ้าว่ากันถึงการเดินเรื่องเพียงอย่างเดียวล่ะก็ มันอดรู้สึกไม่ได้ครับว่าความน่าติดตามมันยังไม่เยอะเท่าไร แต่ที่ดูไปแล้วยังสนุกไปน่ะก็เพราะทีมดารานี่แหละ

พูดได้เต็มปากครับว่าทุกคนมีส่วนทำให้เราอยากดูต่อทั้งสิ้น กระทั่งตัวละครสมทบอย่าง เคิร์ท (David Dastmalchian), เดฟ (Tip ‘T.I.’ Harris) หรือเจ้าหน้าที่จิมมี่ วู (Randall Park) โผล่กันมาคนละไม่กี่แป๊บ แต่ก็เสริมความฮาให้หนังได้เป็นอย่างดี (ไม่ต้องพูดถึง Michael Pena เลยครับ รายนี้ขโมยซีนกระจายไปเลย ยิ่งตอนพล่ามไม่หยุดตอนกลางเรื่องนี่ฮาดีจริงๆ)

การดูหนังเรื่องนี้สำหรับผมมันออกแนว “แวะมาเจอเพื่อน” น่ะครับ เป็นอะไรที่ Marvel ทำสำเร็จได้จริงๆ คือเรารู้สึกไปแล้วว่าฮีโร่แต่ละคนและตัวละครน้อยใหญ่ทั้งหลายในจักรวาลนี้กลายเป็นคนคุ้นเคยสำหรับเราไปแล้ว พอเห็นหน้าก็อยากแวะไปหา แวะไปคุยสนุกๆ อะไรประมาณนั้น โดยภาคนี้ยังคงกำกับโดย Peyton Reed จากภาคแรกครับ ก็ถือว่าคุมหนังได้โอเค โทนและบรรยากาศยังคงพอดีเหมือนเดิม และที่ชอบอีกอย่างคือฉากย่อส่วนที่หนังนำมาลงตอน End Credits น่ะครับ มันตอกย้ำโทนของหนังได้เป็นอย่างดี และยังดูสร้างสรรค์อีกด้วย

ยอมรับครับว่าไม่รู้จะเขียนอะไร 555 เป็นแบบนี้ตั้งแต่ดูรอบแรกแล้วครับ คือดูแล้วก็สนุกดี แต่ก็ไม่ได้ติดใจหรือชอบมากมายอะไรขนาดนั้น จริงๆ กับเนื้อเรื่องน่ะออกจะเรื่อยๆ ด้วย แต่ชอบเพราะดาราแต่ละคนเล่นกันได้ดีนี่แหละครับ มันสนุกที่ตรงนี้ ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือดูเพื่อเก็บรายละเอียดให้ครบ ดูเพื่อให้รู้ว่ามันไปผูกเรื่องต่อกับ Avengers: Endgame ยังไง

สองดาวครึ่งสนุกๆ ครับ

Star22

(7/10)

Untitled06884

SHARE THIS: