รีวิวหนัง “Indiana Jones and the Dial of Destiny” อินเดียนา โจนส์ กับกงล้อแห่งโชคชะตา

“อินเดียน่า โจนส์ กับหน้าปัดแห่งโชคชะตา Indiana Jones and the Wheel of Fortune” ถือเป็นการกลับมาอีกครั้งของตำนานนักผจญภัยในรอบทศวรรษ ในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะกลับมาเพื่อมุ่งสู่จุดหมายต่อไป และอาจถึงเวลาที่เขาต้องโบกมือลาหน้าที่ กับคำถามที่ว่า..คุณอยู่เพื่อใคร..? กลายเป็นการเดินทางครั้งใหม่ของชายผู้มีร่างกายที่ถูกสังหาร อบอวลไปด้วยบรรยากาศเก่า ๆ แม้กลิ่นอายจะจางไปบ้าง
รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny
Indiana Jones and the Dial of Destiny บอกเล่าเรื่องราวของ Indy ที่พบว่าตัวเองอยู่ในยุคใหม่และกำลังจะเกษียณ เขาต้องพยายามหาทางปรับตัวให้เข้ากับโลกที่ใหญ่กว่าเขาอยู่แล้ว แต่เมื่อปีศาจตัวเดิมกลับมาในร่างของศัตรูตัวเก่า อินดี้จึงต้องสวมหมวกและแส้อีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าพระธาตุที่ทรงพลังจะไม่ตกอยู่ในมือคนผิด
สำหรับหนังเรื่องนี้ “สตีเว่น สปีลเบิร์ก” ผู้ริเริ่มตำนานตั้งแต่ต้น ไม่ได้กลับมารับหน้าที่นั่งหลังเลนส์กล้องอีกเช่นเคย (แต่เป็นโปรดิวเซอร์แทน) ได้ส่งไม้ต่อให้ผู้กำกับมากฝีมือรุ่นปัจจุบันอีกคนอย่าง "เจมส์ แมงโกลด์" มาวาดลวดลายและเล่นการผจญภัยครั้งใหม่ในรูปแบบใหม่ วิธี ที่หวังจะสร้างความแตกต่างให้กับภาพยนตร์แฟรนไชส์เรื่องนี้
    รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny
    ยอมรับตามตรงว่า Indiana Jones และ Dial of Destiny มีทั้งมุมที่น่าประทับใจและไม่แยแสปะปนกันตลอดการผจญภัยครั้งนี้ แน่นอนว่ามันคือเสน่ห์ของหนังอินดี้ ที่ค่อนข้างจะเจือจางหายไปอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าหนังจะพยายามอย่างมากที่จะดึงเอาเสน่ห์ที่พ่อมดฮอลลีวูดมีไว้ออกมา แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถนำสิ่งนั้นมาใช้ได้อย่างเต็มศักยภาพ เลยกลายเป็นหนังที่มีเสน่ห์เกินบรรยาย
    James Mangold ยังร่วมเขียนบทกับทีมงานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งรวมถึง "David Koep" (จากภาพยนตร์เรื่องที่แล้ว) และ "John-Henry (จากภาพยนตร์เรื่องที่แล้ว)" บัตเตอร์เวิร์ธ” และ “เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ” (ฟอร์ด ปะทะ เฟอร์รารี่) แต่บทและการปรับแต่งแนวทางของภาพยนตร์ยังค่อนข้างอยู่ในโซนปลอดภัยของหนังอินดี้เหมือนกัน เราเห็นความพยายามสร้างความแปลกใหม่ แถมยังน้ำหนักเบาอีกต่างหาก เป็นสคริปต์ที่ต้องใช้สูตรมากเกินไป จนพลอยทำให้เบื่อง่ายตามไปด้วย
    รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny
    แม้ว่าการเล่าเรื่องของหนังจะยังดูสนุก ถ้าใครเป็นแฟนหนังเรื่องนี้น่าจะตื่นเต้นกับทฤษฎีต่างๆที่หนังหยิบยกมา แต่สำหรับคอหนังขาจร ข้อมูลที่เนิร์ดๆ หน่อยๆ ในหนังเรื่องนี้อาจไม่ได้รับความสนใจมากนัก ก็แอบผิดหวังเล็กน้อยที่การผจญภัยตลอด 2 ชั่วโมงเศษๆ ของหนังยังคงให้กลิ่นอายเดิมๆ ไม่เห็นมีอะไรแปลกใหม่เลย แต่ก็เรียกได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว
    แถมภาคนี้ยังเสิร์ฟแฟนๆ ด้วยการใส่ Easter Eggs ให้ได้รำลึกความหลังอีกด้วย ถ้าใครไม่ใช่แฟนหนังเรื่องนี้มาก่อนก็คงไม่รู้สึกอะไรมาก ดีใจที่เห็นนักแสดงเก่าๆที่คุ้นหน้าคุ้นตากันในซีรีส์กลับมา มันเป็นความประหลาดใจเล็กน้อยและตระหนักว่าวันเวลาผ่านไปอย่างไร และผ่านช่วงเวลาต่างๆ กันไป ท่ามกลางร่องรอยแห่งวัยบนร่างกาย นั่นควรถึงเวลาค่อย ๆ ใช้ชีวิตให้ช้าลงได้แล้วมั้ง?
    รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny
    “แฮร์ริสัน ฟอร์ด” ยังคงรับมือกับบทบาทที่เกิดมาเพื่อเขาได้เป็นอย่างดี เป็นอินดี้ครั้งที่ 5 นี้ แม้จะเต็มไปด้วยภาพความชรา แต่เขาก็ยังว่องไวเป็นอินดี้ในแบบของเขา และพิสูจน์ให้เห็นว่าบทบาทนี้เป็นหน้าที่ของเขาจริงๆ แม้ว่าเสน่ห์และภาพลักษณ์เก่าๆ ของเขาจะจางหายไปตามกาลเวลา แต่อย่างน้อยก็ยังมีความทรงจำมากมายเกี่ยวกับการแสดงของเขา
    แต่ติดอยู่นิดเดียวกับจุดขายของภาคนี้ที่ใช้เทคนิคพิเศษในการช่วยลดอายุของอินดี้ให้กลับคืนสู่วัยหนุ่มอีกครั้ง สารภาพตรงๆ ว่าเห็นแล้วแอบกลัวนิดๆ เพราะ CG ย้อนวัยที่หยิบมาคราวนี้ยังต้องพัฒนาต่อไป มันยังบอบบาง แข็งทื่ออยู่บ้าง ทำให้อินดี้ในวัยหนุ่มไม่เป็นธรรมชาติอย่างที่เคยเป็น แต่กลับคล้ายๆ กับคนฉีดฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ ที่ยังไม่ราบรื่น
    รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny
    "ฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์" คือเสน่ห์อันชั่วร้ายของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง เธอคือหัวขโมยและแม่ตัวจริงที่มาช่วยในภาพยนตร์ Indiana Jones and the Dial of Destiny เรื่องนี้ ทั้งเสน่ห์และจังหวะการแสดงที่น่าหลงใหล ด้วยเสน่ห์ธรรมชาติที่คนดูยังเคลิบเคลิ้มได้ไม่ยาก แม้ว่าบทของเธอจะยังดูมีมิติไม่มากนัก แต่เป็นตัวประกอบที่ช่วยเติมเต็มหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ขอบคุณจริงๆที่มีเธอคนนี้มาช่วยอุ้มอีกครั้ง
    โดยรวมแล้ว Indiana Jones และ Dial of Destiny อาจไม่น่าประทับใจที่สุด การผจญภัยและลูกเล่นยังคงปลอดภัยเกินไป ซึ่งบอกตามตรงเลยว่าเป็นหนังอินดี้ที่แทบไม่รู้สึกผูกพันหรือมีฉากและฉากอะไรให้น่าจดจำเลย มันกลายเป็นมนต์เก่าที่ยังไม่ได้สัมผัส ยุคสมัยที่ค่อยๆ จางหายไป แต่ตำนานความอินดี้ยังคงอยู่ตลอดไป โดยอยู่ในช่วงพีคตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา....
    รีวิวหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny

    ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Indiana Jones and the Dial of Destiny

    • ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย
    • ผู้กำกับ: เจมส์ แมนโกลด์
    • นำแสดงโดย: แฮร์ริสัน ฟอร์ด, ฟีบี วอลเลอร์-บริดจ์, แมดส์ มิคเคลเซน
    • ความยาว: 142 นาที
    • กำหนดฉายในไทย: 28 มิถุนายน 2023

    Movie.TrueID METRIC: Indiana Jones and the Dial of Destiny

    • ภาพรวม
      ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
    • การเล่าเรื่อง
      ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
    • การแสดง
      ⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10)
    • เทคนิคงานสร้าง
      ⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
    • บทภาพยนตร์
      ⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)