สมการรอคอยเลยจริง ๆ สำหรับภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์จากฝีมือคนไทย “นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์ Mantra Warrior : The legend of the eight moons” กับการหยิบยกวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์มาต่อยอดในรูปแบบใหม่ผสมผสานความแอ็คชั่น-ไซไฟแบบเร้าใจ นับว่าเป็นหนังแอนิเมชันไทยที่น่าสนใจเลยทีเดียว แม้ว่าความแปลกใหม่ในเนื้อหาจะดูเจือจางไปนิด แต่สะกิดให้ขนลุกด้วยฉากแอ็คชั่นทรงพลัง
“นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์” เล่าขานเรื่องราวในจักรวาลอีกห้วงมิติหนึ่ง มหาศึกสงครามระหว่าง องค์ราม และ จักรพรรดิทศกัณฐ์ ในระหว่างที่สู้รบนั้น องค์รามเกิดพลาดท่า ถูกทศกัณฐ์ลักพาตัวพระแม่สีดา ขึ้นยานหนีไป “วายุ” “เวฬา” และ “บุษบา” เหล่านักรบวัยรุ่นทั้งสามได้รับคำสั่งจากองค์ราม ให้ติดตามนำตัวพระแม่สีดากลับคืนมา ภารกิจเหนือชีวิตครั้งนี้ก็ถูกขัดขวางด้วยพละกำลังอันมหาศาลจาก “ราชาพาลี” แม่ทัพผู้แข็งแกร่งที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในศึกสงคราม หนทางเดียวที่จะชิงตัวพระแม่สีดากลับคืนมาได้ คือรอคอยให้เกิดปรากฏการณ์ดวงจันทร์ทั้งแปดแห่งดาววานาราเรียงตัวกัน เมื่อนั้นนักรบในตำนานที่ถูกเรียกขานว่า “นักรบมนตรา” จะถือกำเนิด
หลังจากอ่านเรื่องย่อ และรับชมตัวอย่างหนังผ่านตามาก่อนนั้น ทำให้เราเกิดความหวั่นใจว่าเนื้อหาที่ถ่ายทอดออกมาจะยัดเยียดความเป็นไทยหรือใส่เนื้อหาในรามเกียรติ์มากจนเกินไปหรือเปล่า แต่พอได้ชมการเล่าเรื่องราวในคราวแรกก็รู้สึกได้เลยว่ามีความแปลกใหม่ และใส่เอกลักษณ์ของเนื้อหาเข้ามาได้ค่อนข้างดี แม้จะไม่ได้มีการผูกปมหรือเงื่อนงำซ่อนไว้สักเท่าไรก็ตาม
การดำเนินเนื้อหาค่อนข้างมีความเร่งรีบพอสมควร กราฟในการเล่าเนื้อหาจึงค่อนข้างตรงเรียบไปเล็กน้อย ในช่วงแรกจนถึงสงครามตอนต้น เป็นการปูที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาไม่หวือหวานัก สามารถผสมผสานกับมุกตลกที่แทรกเข้ามาจากตัวละครอยู่เป็นระยะ ๆ ทำให้เกิดความกลมกล่อมเข้ามาทดแทน แต่ในช่วงไคลแมกซ์ หรือจุดที่ควรขยี้ความสัมพันธ์ของตัวละครมันกลับดูรีบร้อนและไม่ได้สานต่อให้เราได้สัมผัสเท่าไรนัก
แต่หากจะกล่าวถึงช่วงสงครามด้วยตัวเนื้อหาในการสื่อสารนั้นมันค่อนข้างจางไปเสียเล็กน้อย อาจเป็นเพราะชูไปที่ฉากแอ็คชั่นเสียส่วนใหญ่ ตัวบทเองจึงไม่ได้ส่งผ่านอารมณ์ของตัวละครออกมาเท่าไร บางช่วงมีการเชื่อมความสัมพันธ์ของตัวละครก็จริง แต่ด้วยสิ่งที่เล่ามามันเป็นช่วงเวลาที่อินอยู่ในสงครามบทจึงอ่อนลงไปเล็กน้อย และทำให้เรารู้จักตัวละครเพียงผิวเผินเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นการมาพร้อมคีย์แมสเสจที่สื่อสารออกมาว่าด้วย “หน้าที่เหนือชีวิต” เป็นสิ่งที่ทำให้ยึดติดจนเกิดปมขึ้นมาสะท้อนความน่าสนใจได้ดี
ในแง่ของการวางคาแรคเตอร์มีความชัดเจนในแต่ละตัวละครที่สะท้อนกับวรรณคดีอย่างรามเกียรติ์มาอยู่บ้าง ด้วยตัวละครหลักอย่าง วายุ ที่มีความกวน ๆ ว่องไว คลับคล้ายกับ หนุมาน เสริมสร้างสีสันให้กับเนื้อหาได้เป็นอย่างดี ร่วมกับลักษมันตร์ แม้จะไม่เก่งกาจด้านใดด้านหนึ่งแต่ก็สร้างความตราตรึงใจให้กับผู้ชมไปไม่น้อย อีกทั้งตัวละครอย่าง เวฬา บุษบา เผยให้เห็นความมุ่งมั่นอยู่ตลอด
ด้านงานแอนิเมชันคงต้องให้คำชื่นชมกับฝีมือคนไทยแบบล้นเปี่ยม เพราะด้วยภาพที่สื่อสารออกมาทั้งการออกแบบคาแรคเตอร์ตัวละครในช่วงที่เป็นมนุษย์ก็ดี หรือในระหว่างการควบคุมจักรกลก็ดี มีความสอดคล้องกันและสื่อสารออกมาควบคู่กับตัวละครนั้นได้เป็นอย่างดี ด้านสถานที่ในแต่ละฉากเรียกได้ว่าเนรมิตออกมาได้แบบมีคุณภาพ อาทิ ฉากในเมืองมีความเทคโนโลยีล้ำสมัย และใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างดีมีคำประจำร้าน ถอดรหัสกิมมิคของไทยใส่เข้ามาในแอนิเมชันอย่างลงตัว แม้จะมีฉากขายของแบบโจ่งแจ้งแต่ก็ไม่ขัดอรรถรสเท่าไรนัก
และเหนือสิ่งอื่นใดฉากที่ชูอรรถรสของภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่นที่กระหน่ำการต่อสู้กันอย่างดุเดือดเชือดเฉือน กับการขัดขวางของนักรบอย่าง ราชาพาลี ตามที่ได้อิงไว้ในเรื่องย่อ ซึ่งเป็นแก่นการต่อสู้ที่ดูแล้วมีขนลุกกันไปไม่น้อย เพราะมีทั้งหุ่นจักรกลขนาดใหญ่ การระเบิดพลังอันล้นหลามของทั้งสองฝ่าย และกองทัพที่เข้าร่วมต่อสู้อย่างสุดความสามารถนับว่าเป็นฉากใหญ่ของเรื่องเลยก็ว่าได้ และน้ำหนักของฉากนี้ก็เรียกได้ว่าเน้น ๆ เลย
อีกสิ่งที่เป็นที่น่าจับตามองของแฟน ๆ คือการได้ เบลล่า ราณี มาพากย์เสียงเป็น พระแม่สีดา ที่สื่อสารความเป็นผู้หญิงของตัวละครออกมาได้แบบมีจริตจะก้าน ซึ่งการพากย์เสียงแอนิเมชันครั้งแรกของเธอก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี โดยมี ไบค์ มนัสวิน มลิวงศ์ เป็นผู้กำกับงานพากย์ไทยในครั้งนี้ ร่วมไปกับเสียงพากย์ของตัวละครอื่น ๆ ที่มีความชัดถ้อยชัดคำ พาเราเข้าถึงแต่ละตัวละครในเรื่องได้
ทว่าการใส่เอฟเฟกต์เสียงในระหว่างอยู่ในจักรกลบางช่วงมีคำที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไรนัก อาจจะประจวบเหมาะกับช่วงดนตรีประกอบที่ใส่เข้ามาเลยทำให้เสียงมันตัดกันไปหน่อย อีกทั้งเรื่องนี้มีการใส่ดนตรีประกอบเข้ามาเสริมอรรถรสแทบจะทุกฉากส่งผ่านอารมณ์ในช่วงนั้น ๆ ได้ดี แม้บางทีอาจจะดังโดดขึ้นมาไปบ้าง
ภาพรวมของภาพยนตร์แอนิเมชัน “นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์” ถือว่าเป็นการเล่าขานตำนานบทใหม่ให้แฟน ๆ ชาวไทยได้เปิดใจกับแอนิเมชันฝีมือคนไทยอีกครั้ง โดยการนำวรรณคดีรามเกียรติ์มาผสมผสานความล้ำสมัยให้เราได้รับรlชาติความแปลกใหม่อย่างลงตัว แม้เนื้อหาจะค่อนข้างราบเรียบและไม่มีปมที่ซับซ้อน แต่ฉากแอ็คชั่นการต่อสู้สามารถชูอรรถรสของเรื่องนี้ออกมาได้ดีพอสมควร ประกอบกับมุกตลกที่ตบจังหวะกันอย่างพอเหมาะพอดี จึงทำให้ไม่ได้มีรสชาติที่หนักท้องจนเกินไป อีกทั้งการพากย์เสียงของหนังส่งความปังมากเลยทีเดียว เบลล่า ราณี ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังในฝีมือของเธอ นับว่าเป็นเรื่องราวที่น่าติดตาม และมีเซอร์ไพรส์ที่น่าสนใจจริง ๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: นักรบมนตรา : ตำนานแปดดวงจันทร์
- ประเภท: แอนิเมชัน, แอ็คชั่น, ไซไฟ
- ผู้กำกับ: วีรภัทร ชินะนาวิน
- ให้เสียงพากย์ไทยโดย: ราณี แคมเปน, สรวิศ ตงเท่ง, พัฒน์เตชินท์ ศศิพัฒนธาดา, นลินี ชีวะสาคร, อภินันท์ ธีระนันทกุล
- ความยาว: 90 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 11 ตุลาคม 2023