Unsolved Mysteries Volume 1 – 2 (2020) คดีปริศนา ชุด 1 – 2

Untitled06260

ผมนั้นโปรดปรานรายการแนวตามล่าหาความจริงมานานครับ ประเภทล่าปริศนาลึกลับทั้งคดีฆาตกรรมหรือเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งผมว่ารายการเหล่านี้มีเสน่ห์นะ เพราะมันจะมาพร้อมปมที่ชวนติดตาม คำถามชวนสงสัย แล้วบางตอนก็ทำให้เรารู้สึกหลอนได้อย่างชะงัดนัก ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำเสนอล่ะครับว่าจะสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้น่าติดตามแค่ไหน

สำหรับ Unsolved Mysteries คือรายการทีวีเก่าแก่ของอเมริกาครับ ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1987 แล้วก็สร้างต่อเนื่องกันมาเป็นสิบๆ ปีทีเดียว แต่ละตอนก็จะนำเอาคดีที่ยังไขไม่ออกมานำเสนอให้ผู้ชมได้รับทราบ พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่าหากใครมีเบาะแสก็ให้แจ้งไปที่รายการเพื่อที่จะได้ช่วยกันไขคดีเหล่านี้ให้ลุล่วงไป ซึ่งก็มีอยู่หลายคดีครับที่สามารถไขได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากคนที่ได้ดูรายการนี้

ส่วนผมนั้นก็มีโอกาสได้ดูอยู่พอสมควรครับ (เพราะเขาอัพโหลดให้ดูกันฟรีๆ ทาง Youtube เพียงแต่จะไม่มีบรรยายไทยเท่านั้นเอง) ซึ่งก็ยอมรับนะว่าเป็นรายการที่ทำออกมาได้น่าติดตามดี แต่ละคดีก็ชวนให้สงสัยจริงๆ ว่าแท้จริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งแต่ละตอนนั้นก็จะนำเสนอราว 4 – 5 คดี แล้วแต่กันไป แล้วนอกจากจะนำเสนอคดีฆาตกรรมต่างๆ แล้ว รายการก็จะมีการนำเอาเรื่องผี เรื่องเหนือธรรมชาติมานำเสนอเป็นพักๆ ด้วย ซึ่งตอนเหล่านี้บางตอนก็หลอนได้ใจทีเดียวล่ะครับ

รายการนี้มีพิธีกรคนสำคัญคือ Robert Stack ครับ เขาดำเนินรายการอยู่กว่าสิบปี จนกระทั่งเขาเริ่มมีปัญหาสุขภาพ (ก่อนจะจากโลกนี้ไปในปี 2003 – ซึ่งผมต้องขอไว้อาลัยเขามา ณ ที่นี้ด้วยครับ)  แล้วพิธีกรก็เปลี่ยนมาเป็น Dennis Farina ดาราที่คอหนังยุค 90 น่าจะคุ้นหน้าครับ ซึ่งรายการก็ดำเนินต่อมาหลายปี จนกระทั่งยุติไปราวๆ ปี 2009

แล้วในที่สุดรายการนี้ก็ได้กลับมาอีกครั้งทาง Netflix ครับ โดยได้ John Cosgrove และ Terry Dunn Meurer 2 ผู้สร้างสรรค์รายการดั้งเดิมกลับมากุมบังเหียนอีกครั้ง และได้การสนับสนุนจาก Shawn Levy ที่มือกำลังขึ้นอย่างมากจากการอำนวยการสร้าง Stranger Things มาช่วยอีกแรง และผลลัพธ์ที่ได้ ก็บอกได้เลยครับว่าผมน่ะชอบมากทีเดียว

ทีนี้หากจะให้บรรยายความรู้สึกที่มีต่อซีรี่ส์นี้ก็ต้องมีการแยกแยะกันหน่อยครับ คือตอนที่ผมกำลังเขียนรีวิวนี้ ผมได้ดู UM ไปแล้ว 2 ชุด (หรือ 2 ซีซั่น แล้วแต่จะนิยามกัน) ซึ่งจริงๆ ผมน่ะกะจะเขียนถึงซีรี่ส์นี้ตั้งแต่ตอนดูชุดแรกจบน่ะครับ แต่พอได้ข่าวว่าซีรี่ส์นี้มีการแบ่งซีซั่นเป็นครึ่งแรกครึ่งหลัง (ครึ่งละ 6 ตอน) ผมก็เลยรอให้ได้ดูครึ่งหลังก่อนแล้วค่อยเขียนอีกที แต่ไปๆ มาๆ เขาก็แบ่งซีรี่ส์นี้ออกเป็นชุด (Volume) ไปเลย ซึ่งจริงๆ ผมว่าก็ดีครับ ไม่ต้องมีครึ่งแรกครึ่งหลังให้ดูเยอะแยะ แบ่งเป็นชุดๆ ไปเลย ทำออกมาชุดละ 6 ตอน

แล้วประเด็นก็คือความรู้สึกที่ผมมีต่อชุด 1 และชุด 2 นั้นมีความแตกต่างกันพอประมาณ ดังนั้นผมก็จะเขียนเล่าตามที่คิดน่ะนะครับ เรามาเริ่มกันที่ชุดแรกก่อนครับ

Untitled06262

ชุดแรกที่ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่ของ UM นี้ทำให้ผมประทับใจเลยนะ เพราะนำเสนอได้ดีมาก ตอนแรกผมก็แอบห่วงเหมือนกัน เพราะอย่างที่บอกว่าของเก่านั้นแต่ละตอน (ซึ่งยาวประมาณ 45 นาที) เขาจะเล่ากัน 4 – 5 คดี ทำให้แต่ละตอนมีความกระชับและเดินเรื่องฉับไวไม่มีอะไรให้เบื่อ แต่กับฉบับใหม่นี้จะนำเสนอเป็นหนึ่งคดีต่อหนึ่งตอน ซึ่งผมก็ห่วงน่ะครับว่าความน่าติดตามมันจะตลอดรอดฝั่งหรือไม่

แต่ผลที่ได้คือ แต่ละตอนน่าติดตามมากครับ รายการนำเสนอออกมาในแนวสารคดีที่เอาพยานหรือผู้เกี่ยวข้องในคดีนั้นๆ มาบอกเล่าเหตุการณ์ มาบอกเล่ารายละเอียดแวดล้อมให้เราได้เห็นภาพคดีนี้ในแต่ละแง่มุม ซึ่งจุดที่ผมว่าเด็ดคือการนำเสนอของซีรี่ส์นั้นทำออกมาในเชิงหลอนๆ ลึกลับๆ อึมครึมๆ จนผมคิดว่าถ้าใครขวัญไม่แข็งล่ะก็ น่าจะหลอนเยอะอยู่ครับ เพราะทั้งภาพ มุมกล้อง และเสียงประกอบนั้นมันปรุงความหลอนให้ผุดขึ้นในหัวเราได้อย่างดีทีเดียว ชนิดที่ถ้าซีรี่ส์เกิดมี Jump Scare ขึ้นมาล่ะก็ คงมีคนได้ช็อคตาเหลือกกันบ้างล่ะ (แต่ขอให้สบายใจได้นะครับ ซีรี่ส์นี้ไม่มี Jump Scare ครับ แค่บรรยากาศมันดูหลอนๆ เท่านั้นเอง)

สำหรับชุดแรก ผมว่าน่าติดตามทุกตอนครับ นอกจากการนำเสนอที่ได้บรรยากาศอย่างมากแล้ว ข้อมูลของแต่ละคดีก็มีความน่าสนใจ หลักฐาน พยาน หรือรูปถ่ายหลายๆ ชิ้นสร้างความฉงนให้เราได้อย่างดี และจังหวะจะโคนในการเปิดปม เผยปมก็ถือว่าพอดีมากๆ มันสามารถจับความสนใจเราได้อย่างน่าปรบมือ

ตอนที่จัดว่าหลอนสุดต้องยกให้ตอนที่ 3 ครับ House of Terror ตอนนี้อารมณ์มันดูสยองแบบเย็นยะเยือก ทั้งๆ ที่เรื่องมันไม่ได้เกี่ยวกับผีสางอะไรทั้งนั้น แต่เรื่องราวและปมต่างๆ มันน่ากลัวจนขนหัวลุก ในขณะที่ตอนอื่นๆ ก็ถือว่าดีมีมาตรฐาน มีครบทั้งความน่าติดตาม ทั้งอารมณ์หลอน ทั้งชวนให้เราตั้งคำถาม และบางวาระก็ทำให้เราสลดอย่างได้ผล

ตอนที่ผิดคาดมากๆ สำหรับผมคือตอน Berkshires UFO ครับ เป็นตอนเดียวในชุดแรกที่เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ ซึ่งก็คือเรื่องจานบินและมนุษย์ต่างดาว ซึ่งตอนแรกนั้นผมเคยคิดว่ามันน่าจะอ่อนนะ น่าจะดูเลื่อนลอยและดูจับต้องได้น้อย แต่ทีมงานก็สามารถรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาได้เยอะพอสมควร พร้อมการบอกเล่าที่กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นอย่างได้ผล เลยทำให้ตอนที่ผมแอบคาดว่ามันจะเบา กลายเป็นตอนที่มีความน่าสนใจ และยังทำให้แอบรู้สึกเห็นใจผู้ที่เห็นเหตุการณ์ขึ้นมาหน่อยด้วย

ดังนั้นสำหรับชุดแรก จัดว่าดีทั้ง 6 ตอนครับ จะดีมากดีน้อยก็ต่างกันไปบ้าง แต่ผมว่าอยู่ในข่ายดี และอีกจุดที่จัดว่าเด็ดคือเพลงธีมหลักของซีรี่ส์ชุดนี้ที่เอาธีมดั้งเดิมมาใช้ แต่เสริมเข้าไปด้วยท่วงทำนองลึกลับชวนหลอน ทำให้ธีมเดิมมีความขลังยิ่งขึ้น และเป็นธีมที่มีพลัง สามารถดึงเราเข้าสู่คดีปริศนาเหล่านี้ได้อย่างเยี่ยม เรียกว่าตอนเปิดเรื่องก็โหมโรงทางอารมณ์ได้ ครั้นพอถึงตอนจบธีมนี้ก็สามรถบรรเลงปิดฉากเรื่องราวได้อย่างน่าพรั่นพรึง (โดยไตเติ้ลของซีรี่ส์นี้ได้มีการให้เกียรติ Robert Stack พิธีกรดั้งเดิมด้วยการนำภาพของเขามาใส่ไว้ในตอนท้ายของไตเติ้ลด้วยครับ

ถ้าพูดถึงชุดแรกนี่ ผมว่ามันสมบูรณ์แบบมากๆ และทรงพลังในระดับที่ชวนให้ดูซ้ำ จนผมยินดีมอบสามดาวเต็มๆ ให้ไปเลยครับ

Star31

(8/10)

Untitled06261

แล้วทีนี้เราก็มาถึงชุดที่ 2 ซึ่งออกฉายในเดือนตุลาคมปี 2020 ตอนนั้นผมจำได้เลยครับว่าผมใจจดใจจ่อรอที่จะดูเลย เพราะชุดแรกได้ใจผมไปแล้วนี่ครับ มาชุดนี้ผมก็พร้อมจะตามดูต่อ เพราะเชื่อว่ามันน่าจะโอเคไม่แพ้ชุดแรก และที่สำคัญคือตอนหนึ่งในชุดนี้จะมีเรื่องผีด้วยครับ ซึ่งอย่างที่ผมเคยบอกไว้ว่าเวลา UM จะเล่าเรื่องผีเนี่ย มันจะมาพร้อมอารมณ์หลอนแบบน่าสนใจ ไม่ใช่แค่ผีตุ้งแช่ แต่เป็นผีแช่บรรยากาศ ทำให้เราหลอนกับภาพตรงหน้าอะไรประมาณนั้น

สำหรับชุด 2 สิ่งที่ผมรู้สึกก็คือ หลายๆ ส่วนมันอ่อนพลังลงไปครับ อย่างแรกเลยคือเรื่องข้อมูลที่ไม่แน่นเท่าตอนชุดแรก คือชุดแรกนี่ แต่ละตอนนำเสนอแบบครบทุกมุม และอุดรูรั่วให้คดีได้ดี ประมาณว่าระหว่างดูเนี่ยเราจะเกิดคำถามครับ ว่าตำรวจตรวจสอบเรื่องนี้หรือยัง มีคนลองสืบในมุมนี้บ้างไหม ซึ่งทีมงานก็เหมือนรู้ใจครับ ทยอยให้คำตอบในแง่มุมต่างๆ จนเราตระหนักว่าคนที่สืบคดีนี้เขาพยายามเต็มที่แล้ว พยายามตามปมรอบด้านแล้ว แต่คดีมันก็ยังไขไม่ออกจริงๆ ซึ่งนั่นทำให้เรายอมรับโดยปริยายว่าคดีนี้มัน Unsolved จริงๆ

แต่กับชุด 2 นี่ ข้อมูลบางจุดยังไม่แน่นพอครับ ยังดูมีช่องโหว่ เช่น บางคดีนี่ไม่พูดถึงเรื่องกล้องวงจรปิดเลย ทั้งๆ ที่สถานที่นั้นๆ น่าจะมี และน่าจะตอบคำถามบางอย่างได้ หรือหลักฐานบางอย่างก็ไม่ได้ถูกพูดถึง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าหลักฐานมันตันจริงๆ หรือหลักฐานมันไม่น่าสนใจเขาเลยไม่เอาใส่ลงมา แต่ไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตาม การนำเสนอที่มีจุดพร่องนี้มันทำให้ความแน่นในคดีนั้นๆ ดูไม่แน่นพอ และมันพลอยลดความขลังลงไปด้วย

แต่ถ้าถามว่ายังน่าติดตามอยู่ไหม ผมก็ว่ายังโอเคน่ะครับ การเดินเรื่อง เดินคดียังโอเค เพียงแต่ความเข้มข้นมันไม่มาก หรือจุดฉงนมันยังไม่เยอะ และถ้าถามว่าชอบคดีไหนที่สุด ก็ต้องยกให้คดี A Death in Oslo เพราะคดีนี้น่าฉงนจริงๆ แต่ก็ิอย่างที่บอกครับว่าบางประเด็นก็ไม่ได้ถูกนำเสนอ อย่างเรื่องกล้องวงจรปิดนี่ก็อย่างหนึ่งล่ะ มันจะบอกได้ว่ามีใครเขาออกห้องหรือไม่อย่างไร แต่นี่เหมือนถูกข้ามไปดื้อๆ

ส่วนคดีผีซึ่งจะว่าด้วยวิญญาณในญี่ปุ่นตอนเกิดเหตุซีนามินั้น ตอนนี้กลับดูอ่อนครับ ทั้งที่ตอนต้นๆ นี่นำเสนอได้ดีมากครับ เพราะนำเอาภาพความน่ากลัวของซึนามิซัดเมืองมาฉายให้ดู ภาพที่ว่านี้ทั้งน่ากลัวและน่าสลดเลยล่ะครับ เพียงแต่ในจุดต่อๆ มา แทนที่จะเน้นนำเสนอที่เรื่องลึกลับอธิบายไม่ได้ต่างๆ ที่เกิดขึ้น กลับมีการนำเสนอในส่วนเหล่านี้น้อย แต่ไปเน้นเรื่อง “คนผีเข้า” เสียมาก ทั้งๆ ที่จริงๆ เหตุหลอนที่เกิดขึ้นรอบๆ นั้นดูจะน่าสนใจกว่า

ช่วงที่ผมชอบที่สุดในตอนนี้ต้องยกให้ช่วงที่เล่าประสบการณ์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เธอเล่าว่ามีคนมาเคาะประตูหน้าบ้านด้วยเนื้อตัวที่เปียกปอนน่ะครับ ตอนนี้เด็ดสุดแล้ว แม้การนำเสนอจะนิ่งๆ ไม่มีตุ้งแช่ใดๆ แต่ตอนสรุปจบช่วงที่ว่านี่ทำให้ขนลุกได้เกรียวๆ และในใจก็บอกตัวเองเลยครับว่า “นี่แหละ เรื่องผีแบบญี่ปุ่น ต้องสไตล์นี้ หลอนโคตรรรรรรรรรรรรร” ขนาดผมนั่งนึกอยู่ตอนนี้ขนยังลุกเลยครับ แต่น่าเสียดายที่อะไรเหล่านี้มีน้อยเกินไป และขณะเดียวกันแทนที่จะจับประเด็นความผูกพันระหว่างผู้ที่รอดชีวิตกับผู้ที่จากไป แต่ตอนที่ว่าก็จับประเด็นเหล่านี้น้อยอีกเช่นกัน (อย่างที่บอกน่ะครับ ไปเน้นเรื่อง “คนผีเข้า” มากไปหน่อย)

Untitled06263

สรุปว่าชุดแรกเปิดมาดีครับ ทุกตอนมาพร้อมการนำเสนอที่ดี มีความหลอน มีข้อมูลแน่นๆ ทำให้เราเห็นภาพรวมของคดีได้แบบครบมุม ในขณะที่ชุดสองดูจะดรอปในเรื่องความแน่นลงมาหน่อย ข้อมูลไม่มากเท่า เลยทำให้ภาพความน่าขนลุกของคดียังไม่เด่นชัดเท่าชุดแรก แต่ถ้าดูแบบเรื่อยๆ ไม่คิดมากผมว่าก็ตอบโจทย์ได้โอเคในระดับหนึ่งครับ

สำหรับชุดสอง ก็อยู่ที่สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)