ก่อนดู The Swimmers สิ่งที่ผมคาดประมาณไว้คือกำลังจะได้ดูหนังแนวสร้างแรงบันดาลใจที่สร้างจากเรื่องจริงของนักกีฬาว่ายน้ำสาวที่ฝ่าฟันกับสารพัดอุปสรรคจนได้ไปแข่งโอลิมปิก
ครั้นพอได้ดู ผมก็พบว่านอกจากเรื่องการต่อสู้เพื่อความฝันแล้ว หนังยังมาพร้อมความลุ้นชนิดที่ลุ้นจริงอะไรจริง ลุ้นมากมายแบบคอขาดบาดตาย กลายเป็นหนังหนึ่งเรื่องมีหลายรสกว่าที่คิด
หนังเล่าถึง 2 พี่น้องครอบครัวมาร์ดินี่ ซาร่า (Manal Issa) และ ยุสร่า (Nathalie Issa) ที่แต่เดิมพวกเธออาศัยอยู่ในซีเรียครับ แต่แล้วก็เกิดสงครามความไม่สงบขึ้น ส่งผลให้พวกเธอตัดสินใจลี้ภัย เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อไปยังประเทศที่ปลอดภัยกว่า และหลังจากนั้นก็สานฝันสานความตั้งใจที่จะเป็นนักว่ายน้ำโอลิมปิกต่อ
ผมเล่าเรื่องย่อเพียงไม่กี่บรรทัดนะครับ บางคำที่ใช้ก็สั้นๆ อย่างเช่น “ลี้ภัย” และ “ข้ามน้ำข้ามทะเล” มันดูสั้นๆ ง่ายๆ แต่ผมอยากจะบอกว่าสิ่งที่เราจะได้เห็นในหนังเกี่ยวกับประเด็นเหล่านั้นมันมีอะไรมากกว่านั้นหลายเท่านัก
แกนหลักของเรื่องคือคำว่า “ลี้ภัย” นี่แหละครับ เราจะได้เห็นภาพการลี้ภัยของพวกเธอ ซึ่งเต็มไปด้วยวิบากกรรม โดยเฉพาะตอนข้ามน้ำข้ามทะเลนี่ผมบอกได้เลยว่าดีกรีความลุ้นระทึกมากกว่าหนังสัตว์ประหลาดกินคนหลายๆ ซะอีก คือมันลุ้นมากๆ บางจังหวะก็ทำเอาเราเกร็ง ทำเอาใจหาย จนภรรยาผมยังพูดขึ้นมาระหว่างดูเลยว่า “ไม่นึกว่าหนังจะลุ้นขนาดนี้”
หนังใช้เวลาในช่วงต้นบอกเล่าปูพื้นให้เราเห็นชีวิตขณะที่พวกเธออยู่ในซีเรีย ซึ่งบางวันต้องเจอกระสุนปลิวว่อน เจอระเบิดหล่นตรงหน้า หรือไม่ก็ต้องมารู้ข่าวการจากไปของเพื่อนฝูงญาติมิตร ส่วนช่วงกลางเรื่องก็ฉายภาพให้เราเห็นครับว่าการลี้ภัยนั้นเต็มไปด้วยอันตรายและความเสี่ยงมากเพียงไหน ในขณะที่เรื่องเกี่ยวกับการลงแข่งโอลิมปิกจะอยู่ในช่วงหลังครับ ซึ่งแต่ละช่วงตอนนั้นหนังบอกเล่าได้อย่างชวนติดตาม หลายวาระที่หนังสร้างอารมณ์สะเทือนใจจากภาพที่ปรากฏ โดยไม่ต้องปรุงเพิ่มด้วยคำพูดหรือดนตรีใดๆ แค่เราเห็นก็รู้สึกสะเทือนแล้ว
หนังกำกับโดย Sally El Hosaini นักทำหนังชาวเวลส์-อียิปต์ที่ได้เข้าชิงรางวัลต่างๆ มาหลายหน แล้วก็เคยได้รางวัล BAFTA จากหนังสั้นเรื่อง The Fifth Bowl ผลงานของเธอมักสะท้อนปัญหาในสังคม ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ก็สะท้อนเกี่ยวกับปัญหาผู้ลี้ภัย โดยเธอเขียนบทหนังเรื่องนี้ร่วมกับ Jack Thorne มือเขียนบทจาก Enola Holmes ทั้ง 2 ภาคและซีรี่ส์ His Dark Materials
ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้ลี้ภัยนั้นมีหลายมุมให้ศึกษาครับ ซึ่งมันย่อมเป็นการดีที่เราจะพิจารณาเรื่องต่างๆ จากหลากด้านหลายมุมเพื่อให้ครบทุกมิติ มีบทความทั้งไทยและเทศรอให้เราตามไปอ่าน สำหรับหนังเรื่องนี้ก็สะท้อนภาพความทุกข์ทนสารพัดที่เหล่าผู้ลี้ภัยต้องเผชิญ เรียกว่าที่อยู่เดิมก็มีทุกข์ ตอนลี้ภัยก็มีทุกข์ ครั้นมาถึงแผ่นดินใหม่ก็ยังมีทุกข์ และสิ่งหนึ่งที่หนังทำให้เราตระหนักก็คือ เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาที่มีผู้ได้รับผลกระทบในหลายภาคส่วนครับ ซึ่งชาวโลกก็ควรร่วมกันหาทางออกเพื่อคลี่คลายปัญหาให้บรรเทาลง
หนังยาวราวๆ 2 ชั่วโมง 10 กว่านาที ก็ถือว่ายาวอยู่ครับ ระหว่างดูก็สัมผัสได้ถึงความยาวนั้น แต่ก็อย่างที่บอกว่าหนังบอกเล่าเรื่องได้ดี มีปมชวนให้ติดตาม 2 สาวดารานำก็ทำหน้าที่ได้ สื่ออารมณ์ความรู้สึกได้พอเหมาะ และอีกคนที่เด่นไม่เลวแม้จะมีบทแค่ในช่วงท้ายๆ ก็คือ Matthias Schweighöfer ที่หลายคนน่าจะจำได้จากบทนักไขตู้เซฟ ลุดวิก ดีเธอร์แห่ง Army of the Dead มาเรื่องนี้รับบทเป็นสเวน ครูฝึกสอนว่ายน้ำที่ช่วยสานฝันให้ตัวเอกได้เดินหน้าไปสู่โอลิมปิก
โดยรวมแล้วถือว่าหนังมีความพอดีในการนำเสนอ ไม่หนักเกินไปจนดูไม่ไหว แล้วก็ไม่เบาเกินไปจนประเด็นจับไม่ติด
ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ควรค่าแก่การรับชมสักครั้งคราครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)