The Point Men – ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก

THE POINT MEN – ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก
— 6/10 —
นี่ไม่ใช่หนังแอ็คชัน มันคือหนังเจรจาชิงตัวประกัน
ทั้งเรื่องไม่ค่อยมีอะไร มีดีแค่ฉากเจรจาท้ายเรื่องเท่านั้น

The Point Men – ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก เป็นหนังเกาหลีที่อิงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 2007 กับวิกฤตตัวประกันที่เกาหลีถูกคุมตัวในอัฟกานิสถาน เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มตาลีบันได้จับกลุ่มนักเผยแพร่ศาสนาของเกาหลี 23 คนเป็นตัวประกัน ทำให้ทางเกาหลีต้องส่งนักการทูตฝีมือดีเข้าเจรจาต่อลองปล่อยตัวประกัน เขาต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองพิเศษ แข่งกับเวลาที่จะชี้เป็นชี้ตายชะตาชีวิตของตัวประกัน

นี่เป็นหนังเกาหลีที่มีกลิ่นอายความเป็นหนังฮอลลีวูดอยู่ไม่น้อยเลย เอาจริง ๆ เราไม่เคยดูหนังเกาหลีแนวนี้เลย นับว่าเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับหนังเกาหลีแนวนี้พอสมควร ต้องบอกไว้ก่อนว่ามันไม่ใช่หนังแอ็คชันนะ คือมันก็มีแต่ถ้าเทียบกับทั้งเรื่องถือว่าน้อยมาก แถมมันไม่ใช่จุดที่หนังอยากจะชูด้วย เพราะแท้จริงแล้วมันคือหนังเจรจาชิงตัวประกัน ที่ให้อารมณ์ความรู้สึกละม้ายคล้ายกับหนังอย่าง Beirut (2018) อยู่เหมือนกัน ความสนุกมันจริงไม่ใช่ว่าตัวหนังจะพาเราไประทึกตื่นเต้นกับฉากแอ็คชันแค่ไหน แต่เป็นการเจรจาต่อรองที่วัดกันที่คำพูด เล่ห์เหลี่ยม และกึ๋น 

หนังเรื่องนี้ถือว่าดำเนินเรื่องได้รวดเร็วพอสมควร ตัวหนังพาไปรู้จักตัวละครแต่ละตัวอย่างรวดเร็ว แต่เรากลับสัมผัสไม่ถึงตัวละครเหล่านั้น เพราะด้วยความที่หนังไม่ได้ลงรายละเอียดตัวละครมากเท่าไหร่เนี่ยแหละ อีกอย่างเรารู้สึกว่าตัวละครของ ฮยอนบิน ในบทเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองพิเศษ คือบทมันไม่มีอะไรเท่าไหร่เลย นอกจากฉากบู๊ 1 ฉากถ้วน ก็ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของตัวละครนี้สักเท่าไหร่ เอาจริง ๆ บทบาทของ คังกียอง ที่รับบทเป็นล่ามยังจะมีสีสันและจำเป็นกับเรื่องราวมากกว่าอีก ที่เด่นจริง ๆ คือบทบาทของ ฮวังจองมิน ในบทนักการทูตที่คอยเจรจากับเหล่าตาลีบัน

ต้องชื่นชมทีมงานด้านการถ่ายทำด้วย ไม่รู้ว่าถ่ายทำในสถานที่จริงไหม แต่ก็สามารถถ่ายทอดเมืองท่ามกลางทะเลทรายออกมาได้ดูร้อนดีจริง ๆ อีกทั้งยังสามารถหานักแสดงชาวอาหรับมาแสดงก็แสดงได้ดีเลยทีเดียว 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องราวตลอดทั้งเรื่องถึงแม้จะมีความยาวประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง กลับมีจังหวะที่ยืดยาวนาน และวกไปวนมาอยู่พอสมควร การกระทำของฝั่งตาลีบันก็ไม่สมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ มาสนุกและลุ้นระทึกจริง ๆ ตอนฉากเจรจาช่วงท้ายเท่านั้น แต่การเจรจาก็ไม่ได้มีอะไรพลิกแพลงหรือเหนือความคาดหมายสักเท่าไหร่นะ มันน่าจะมีลูกล่อลูกชน โชว์กึ๋น หลอกล่อ ใช้คำพูดโน้มน้าวหรืออะไรได้ดีกว่านี้ในฉากอื่น ๆ คือถ้าไม่มีฉากเจรจาท้ายเรื่องนี้ช่วยไว้ หนังก็ค่อยจะไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ ที่สำคัญบทสรุปเรื่องราวหลายอย่างมันก็ไม่ได้มีภาพให้เราเห็นอย่างชัดเจนอีกด้วย

สรุปแล้ว The Point Men – ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก ไม่ใช่หนังแอ็คชัน มันคือหนังเจรจาชิงตัวประกัน ที่สนุกและลุ้นเอาตอนช่วงท้ายของเรื่องเลย นอกเหนือจากนั้นก็มันก็ยังธรรมดาและไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่