ดูเหมือน The Nutcracker and the Four Realms เรื่องนี้จะโดนถล่มไปไม่น้อยตอนออกฉาย และรายได้ยังถือว่าวืดอีก (ทำไป $173 ล้านจากทั่วโลก ส่วนทุนสร้างราวๆ $120 ล้าน ก็คือขาดทุนนั่นเองครับ) อะไรเหล่านี้ลดความคาดหวังของผมลงไปได้เยอะอยู่ครับ ทำให้พอเอามาดูจริงๆ แล้วก็รู้สึกว่าหนังดูได้เรื่อยๆ แฮะ
ว่าตามจริงหนังมาตามสูตรแนวผจญภัยแฟนตาซีครับ เรื่องของตัวเอก คลาร่า (Mackenzie Foy) ที่สูญเสียแม่ไป จนทำให้เธอจมอยู่ในความเศร้าและปิดตัวเอง แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็มีโอกาสได้ไปผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ที่แม่ของเธอเคยไปมาก่อน แล้วก็ตามสูตรอีกครับ ดินแดนที่ว่านี้ต้องกำลังเกิดเรื่องไม่ดี ทำให้คลาร่าต้องหาทางช่วยแก้ปัญหาให้กับดินแดนแห่งนั้น
สิ่งที่เด่นมากคืองานสร้างครับ ฉากต่างๆ ดูลงทุนมาก และดูแฟนตาซีแบบสุดๆ ซึ่งผมก็เพลินตาตรงนี้ล่ะครับ ฉากสวยดี ดูเป็นดินแดนมหัศจรรย์นอกมิติโลกจริงๆ แบบนี้จะลงทุนเป็นร้อยล้านก็ไม่แปลกล่ะ ขนาดฉากในโลกคนธรรมดาบางฉากยังดูสวยแบบมหัศจรรย์เลย
ส่วนเนื้อเรื่องก็อย่างที่เล่าไปครับ ตามสูตรแบบเดาได้ไม่ยาก ตอนจบมันก็ต้องแฮปปี้อยู่แล้วจริงไหมครับ ตามสไตล์หนังผจญภัยของ Disney นั่นแหละ ระหว่างทางก็มีการแนะนำตัวละคร มีการผจญภัยตามที่ต่างๆ ในดินแดนนั้น บางทีก็เสี่ยงภัยมีอะไรให้ลุ้น ซึ่งสำหรับผมแล้ว ผมว่าก็ดูได้เรื่อยๆ นะ แม้บางอย่างจะดูง่ายเกินไป หรือพร่องเหตุผลไปบ้าง แต่ถ้าดูแบบไม่คิดมากมันก็โอเค ดูผจญภัยดี แบบ The Chronicles of Narnia อะไรแบบนั้นแหละ เพียงแต่เรื่องนี้อาจไม่ได้เจ๋งเท่าเรื่องนั้นเท่านั้นเอง
หนังคัดดารามาได้ดีครับ Foy นี่ถือว่าเหมาะมากกับบทนี้ ผมว่าเธอแสดงได้ดีแหละครับ เพียงแต่บทอาจไม่ส่งมากขนาดนั้น ส่วนดาราสมทบอย่าง Keira Knightley, Morgan Freeman, Helen Mirren ก็ทำหน้าที่ตามที่บทจะอำนวย แต่ละคนมีวาระของตัวเอง โดยเฉพาะ Mirren ที่ถ่ายทอดอารมณ์ผ่านท่าทางและแววตาได้ดีเสมอ
เรื่องนี้มีชื่อผู้กำกับ 2 คนครับ ได้แก่ Lasse Hallström และ Joe Johnston โดยแรกเริ่มเดิมทีนั้น Hallström คือคนกำกับหลักครับ ถ่ายทำเสร็จหมดแล้ว แต่เนื่องจากมีฉากต้องถ่ายซ่อมแล้ว Hallström ไม่ว่าง เลยมีการไปตาม Johnston มาถ่ายซ่อมเป็นเวลา 32 วัน (ก็แสดงว่าซ่อมไปพอสมควรเหมือนกัน) พอถ่ายซ่อมเสร็จแล้ว Hallström ก็กลับมาดูแลต่อในช่วง Post Production ครับ
ก่อนดูก็ต้องถามตัวเองก่อนล่ะครับว่าชอบหนังแนวผจญภัยแฟนตาซีแบบนี้ไหม หากชอบผมว่าก็น่าลองนะ ขอเพียงต้องไม่คาดหวังจนเกินไป หรือให้คิดไว้เลยว่าหนังน่าจะธรรมดาๆ อย่างผมนี่ก็เลือกดูตอนที่ไม่รู้จะดูอะไรดี รู้แค่อยากดูอะไรที่มันเบาๆ ไม่ต้องคิดมาก แล้วก็สามารถดูกับครอบครัวได้ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ตอบโจทย์อยู่ครับ ดูได้เรื่อยๆ เพลินๆ แม้จะไม่ได้ดีเด่นอะไร แต่ก็ไม่ถึงกับแย่จนเกินรับ
สองดาวครับ
(6/10)
