That Thing You Do! (★★★)

That Thing You Do! (★★★) อาจไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์ลงตัวที่สุด แต่สำหรับผม นี่คือหนังในดวงใจที่แสนเรียบง่าย ดูทีไรอิ่มทุกที

เป็นงานกำกับและเขียนบทครั้งแรกของ Tom Hanks ซึ่งเขาเริ่มร่างบทไว้ตั้งแต่สมัยเดินสายประชาสัมพันธ์หนัง Forrest Gump แล้วครับ ว่ากันว่าเพราะตอนนั้น วันๆ พี่ท่านต้องนั่งรอให้คนมาสัมภาษณ์ตลอดทั้งวัน พอเบื่อมากๆ ก็เลยควักกระดาษขึ้นมาเขียนบทหนังแก้เบื่อมันซะเลย

พล็อตหนังอิงจากเรื่องของวงดนตรีดังๆ ในยุค 60 ที่สมัยนั้นจะมีนักร้องหรือวงที่ดังระเบิดขึ้นมาด้วยเพลงฮิตแจ้งเกิด แต่แล้วก็จะเงียบหายไปไม่ว่าจะเพราะผลงานดร็อปหรือวงแตก มีคำเรียกเฉพาะว่าเป็น One-Hit Wonder กล่าวคือเป็นเหมือนดาวหาง ดังเพลงเดียวแล้วก็หายลับไป

ตัวหนังดูเพลินมากนะครับ เรียบง่าย ไม่หวือหวา ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมาก แต่ดูสนุกชวนติดตาม แน่นอนว่าพลังสำคัญต้องยกให้เพลงที่เพราะทุกเพลง ไม่ว่าจะ That Thing You Do, All My Only Dreams (เพลงนี้หวานมาก), Dance with Me Tonight (จังหวะเร้ากำลังดี) และ Little Wild One

ซึ่งทุกเพลงที่ว่านี่แต่งใหม่หมดนะครับ แต่ยอมรับเลยว่าติดหู ฟังแล้วเชื่อว่ามันมีพลังพอที่จะติดอันดับและสร้างกระแสฮิตได้

เนื้อในของหนังก็พูดถึงการรวมตัวกันของคนหนุ่มที่รักดนตรี แต่สุดท้ายต่างคนต่างก็มีเส้นทางของตน บางคนเลือกงานมากกว่าความรัก, บางคนก็เห็นค่าของความรักไม่น้อยกว่างาน หรือบางคนก็ไม่เห็นค่าอะไรชัดเจน เอาแต่ตามกระแส (ทั้งกระแสสังคมและอารมณ์)

แม้หนังจะไม่ได้ลึกซึ้งในประเด็นเหล่านี้ แต่ก็เล่าได้ชวนคิดครับ ชวนให้เราไตร่ตรองเพื่อนำเส้นทางชีวิตของพวกเขามาเรียนรู้ได้

====================================

ทราบไหมครับว่าวงวันเดอร์สในหนังนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยอิงองค์ประกอบหลายประการจากวง The Beatles อาทิเช่น

+ เพลงของ The Beatles ที่ชื่อ Please Please Me ตอนแรกเป็นจังหวะช้าครับ แต่ต่อมาก็มีการตัดสินใจเร่งจังหวะ แล้วมันก็กลายเป็นเพลงฮิตเพลงแรกของวง (เหมือนเพลง That Thing You Do)

+ The Beatles ตอนปรากฏตัวใน Ed Sullivan’s show ระหว่างกล้องจับไปที่ John Lennon ก็มีคำบรรยายขึ้นมาว่า “Sorry Girls, He’s Married” (คล้ายกับเหตุการณ์ของจิมมี่)

+ The Beatles มีมือกลองคนใหม่เข้ามาแทนคนเก่า ก่อนที่พวกเขาจะแสดงเปิดตัวครั้งแรก (เหมือนที่กายเข้ามาแทนมือกลองเก่า)

+ Stu Sutcliffe มือเบสของ The Beatles ได้เสียชีวิตไป (เหมือนที่วงวันเดอร์สเสียมือเบสไปกลางงาน)

+ Brian Epstein ผู้จัดการวง The Beatles เป็นเกย์ (มิสเตอร์ไวท์ ผู้จัดการวันเดอร์ส (ที่แสดงโดย Tom Hanks) ก็เป็นเกย์เช่นกัน)

+ มีครั้งหนึ่ง Cynthia Lennon ภรรยา (ณ ขณะนั้น) ของ John Lennon โดนตำรวจ (ซึ่งไม่รู้ว่าเธอคือใคร) กั้นตัวไว้รวมกันสาวๆ ที่ตามไปกรี๊ดหนุ่มๆ สี่เต่าทอง (เหมือนที่เฟย์ (Liv Tyler) โดนตำรวจกั้นระหว่างตามหนุ่มๆ วงวันเดอร์สขึ้นรถ)

====================================

ผมชอบดาราในเรื่องทุกคนครับ เลือกได้เหมาะจริงๆ Tom Everett Scott ก็ดูสมกับบทกาย แพตเตอร์สันมากๆ ซึ่งว่ากันว่าที่เขาถูกเลือกให้เล่นบทนี้ก็เพราะเขาเหมือน Hanks สมัยหนุ่มๆ ครับ ดูร่าเริง ไร้เดียงสา แต่ไม่ไร้สาระ และที่สำคัญคือ Rita Wilson (ภรรยาของ Hanks) ยังเอ่ยปากคอนเฟิร์มว่า Scott น่ารักมากๆ อีกด้วย ส่วน Johnathon Schaech ก็เหมาะกับบทจิมมี่ เขาดูเก่งพอที่จะแต่งเพลงเจ๋งๆ ได้ แต่ก็ดูทะเยอะทะยานพอที่จะทำทุกสิ่งเพื่อเป้าหมายของตัวเอง

Steve Zahn ก็มาแนวฮาครับ, Ethan Embry ก็ดูบื้อๆ ไม่รู้อะไรกับเขาดี, Tyler ก็น่ารัก มีเสน่ห์ ดูสดใสมากๆ และ Hanks ก็เอาอยู่กับบทมิสเตอร์ไวท์ครับ ที่เขาชมเลยก็คือพี่แกเด่น แต่ไม่ปล่อยให้ตัวเองข่มดาราหนุ่มสาวคนอื่นๆ

แม้หนังจะไม่ได้สร้างจากเรื่องจริง แต่พอดูจบนี่ให้อารมณ์เป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ไหงเราถึงรู้สึกผูกพันและชอบนักร้องกลุ่มนี้ได้ก็ไม่รู้

สงสัยคงเพราะทีมงานทำได้ “ถึงเครื่อง” จริงๆ นั่นเองครับ เราเลยเกิดอารมณ์ร่วม ผูกพันวงวันเดอร์สไม่ต่างจากผูกพันกับนักร้องที่เราโปรดปราน

หนึ่งในหนังที่ “เมื่อดูจบแล้ว อารมณ์ไม่จบ”

และอารมณ์ที่ว่า คืออารมณ์ที่ดีครับ เป็นอารมณ์ประทับใจ

สำหรับในแง่ของรายได้แล้ว ถือว่าหนังไม่ทำเงินสักเท่าไรครับ ทำไปเพียง $34 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนสร้างอยู่ที่ $26 ล้านครับ ก็จัดว่าเข้าเนื้ออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่ก็เชื่อว่ารายได้จากค่าลิขสิทธิ์เพลงต่างๆ ของหนังน่าจะโปะรายได้ส่วนที่ขาดไปได้ครับ เพราะเพลงฮิตแบบโคตรๆ ฮิตแบบข้ามปีกันเลยทีเดียว

ก็ต้องขอขอบคุณพี่ Tom Hanks ที่เขียนบทหนัง (แก้เบื่อ) แล้วกำกับออกมาให้เราได้ชมกัน… มีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูครับ

เกร็ดเล็กๆ ที่อยากบอกต่อคือเพลง Lovin’ You Lots and Lots (เพลงเปิดเรื่อง), เพลง It’s Not Far (ที่ผู้หญิงร้องก่อนวงวันเดอร์สจะแสดงรอบแรก), เพลง Mr. Downtown และ Hold My Hand, Hold My Heart นั้น

2 เพลงแรกป๋า Tom แต่งเอง ส่วน 2 เพลงหลัง ป๋า Tom ร่วมแต่งครับ