Space Jam: A New Legacy (2021) สเปซแจม สืบทอดตำนานใหม่

Untitled07145

ผมชอบภาคแรกนะครับ ดูเพลินๆ สนุกดี หนังมีเพลงฮิตติดหู มีความกลมกล่อมลงตัวในแบบของมัน ในขณะที่ Space Jam: A New Legacy ภาคนี้จะว่าไปก็เหมือเป็นการเอาภาคแรกมาสร้างใหม่นั่นล่ะครับ

นักบาสตัวเอกในภาคนี้ก็คือ LeBron James ที่ต้องร่วมมือกับเหล่าลูนี่ย์ทูนส์ในการแข่งบาสทะลุมิติ เนื่องจากเจ้าอัลกอริทึ่มตัวแสบ (Don Cheadle) จับตัวลูกของเขาไป เนื้อเรื่องก็เล่าง่ายประมาณนี้ล่ะครับ และผมก็มั่นใจว่าเราๆ ท่านๆ ก็สามารถเดาตอนจบได้แบบไม่ยากเย็นด้วย

ยอมรับเลยว่างานเทคนิคของภาคนี้ทำได้ดีขึ้นครับ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่แปลกเพราะสร้างห่างจากภาคแรกตั้ง 25 ปีเทคโนโลยีมันก็ย่อมต่างกันหลายปีแสงอยู่ และทุนสร้างก็ลงเยอะขึ้น (ภาคนี้ลงทุน $150 ล้าน ในขณะที่ภาคแรกลงไปประมาณ $80 ล้าน)

ถ้าว่ากันแบบตรงๆ แล้ว ผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ ผมว่าภาคแรกมันกำลังดี เล่าเรื่องไม่ยาวเกินไป แต่ละตัวละครก็มีโมเมนต์ของตัวเองอย่างละนิดละหน่อย แล้วก็มีฉากการแข่งขันที่ดูสนุก ในขณะที่ภาคนี้ดูจากเจตนาแล้วก็เหมือนจะทำออกมาเพื่อแซวหนังในค่าย Warner Bros. เป็นหลัก หนังใช้เวลาไปเยอะพอตัวกับการที่เลอบรอนกับบั๊กส์บันนี่ต้องไปตามตัวเพื่อนๆ ให้กลับมาช่วยแข่งขัน ระหว่างทางก็แซวหนัง WB ไป ซึ่งช่วงที่ว่านี่ออกแนวเรื่อยๆ น่ะครับ การแซวก็ไม่ได้ฮาอะไรมาก ไม่เหมือนตอนดู The Lego Batman Movie ที่แซวแล้วขำ มุกแต่ละมุกจี้ใจได้มากกว่ากันเยอะ

สำหรับผมก็เหมือนการดู Space Jam ภาคแรกอีกรอบน่ะครับ แต่รอบนี้เยิ่นเย้อกว่าเก่า มุกก็ถือว่าเรื่อยๆ อันนี้ยอมรับเลยว่าระหว่างดูผมก็มีแอบสัปหงกเหมือนกัน จะมาตาสว่างหน่อยก็ตอนแข่งบาสช่วงท้ายซึ่งก็ถือว่าดูได้พอสนุก แต่ก็ไม่ถึงกับเพลินเท่าภาคแรก

Untitled07144

แต่จริงๆ แล้วจากองค์ประกอบของภาคนี้นี่ หนังสามารถเล่นกับประเด็นที่น่าสนใจได้นะครับ หนังสามารถจับประเด็น “การคำนวณที่เน้นแต่ “ความใหม่” ของอัลกอริทึ่ม VS ความตกยุคของเหล่าลูนี่ย์ทูนส์” ประมาณว่าให้เจ้าอัลกอริทึ่มดูหมิ่นแคลนเหล่าทูนส์ที่อาจจะดูเชยไปแล้วสำหรับสมัยนี้ แล้วก็เปิดโอกาสให้เหล่าทูนส์ได้ฉายแสงแสดงของดีออกมาเพื่อโต้ตอบเจ้าอัลกอริทึ่ม ทำให้เจ้าอัลกอริทึ่มกลับใจ/ทบทวนวิธีคิดของตัวเองใหม่หรืออะไรประมาณนั้น

ถ้าเล่นดีๆ นี่ผมว่ามันจะมีความหมายมากนะครับ มันจะสะท้อนแง่มุมดีๆ ให้เราเก็บไปคิดได้ และยังเป็นการให้ศักดิ์ศรีกับเหล่าลูนี่ย์ทูนส์ด้วย ประมาณว่าถึงจะเก่าแต่เราก็มีดี และเคยสร้างคุณูปการให้กับ WB มาตั้งเท่าไรแล้ว

แต่ก็นั่นล่ะครับ เท่าที่หนังเป็นคือเน้นประเด็นพ่อลูกตระกูลเจมส์เป็นหลัก แต่อันนี้ยอมรับนะว่าบางวาระผมรู้สึกว่าลูกของเลอบรอน) เชื่อเจ้าอัลกอฯ ง่ายไปหรือเปล่า คือหลายๆ อย่างก็เห็นอยู่ว่าเจ้าอัลกอริทึ่มน่ะคิดไม่ซื่อแต่ก็ยังไปเชื่อมันอยู่ได้ แล้วพอจะกลับใจมาเชื่อเลอบรอนก็เหมือนกลับใจตามบทน่ะครับ ปกติปมพ่อลูกนี่ผมจะอินนะ แต่กับเรื่องนี้นี่รู้สึกเฉยจริงๆ ครับ – พอคิดถึงปมนี้ก็คิดถึง Hook ครับ มีปมเดียวกันคือลูกถูกล่อหลอกให้เชื่อตัวร้ายและอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพ่อตัวเอง แต่กับเรื่องนั้นผมว่าตัวร้ายใช้เวลาในการล้างสมองมากกว่าเรื่องนี้แฮะ – ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังจะแอบสะท้อนแง่มุมเกี่ยวกับเด็กรุ่นใหม่ที่โดนหลอกล่อ+ควบคุมโดยเทคโนโลยีได้ง่ายขึ้นหรือเปล่า?

ในแง่หนึ่งดูหนังแล้วก็เตือนสติตัวเราว่าเวลาจะคิด จะเชื่อถือข้อมูลใด ก็ควรรู้จักคิดวิเคราะห์ให้เหมาะควร รู้จักนำเอาข้อมูลในชีวิตจริงกับข้อมูลที่มาจากคอมพิวเตอร์มาถัวเฉลี่ย ประมวลหาค่ากลางที่เหมาะเพื่อนำมาใช้ประโยชน์กับชีวิต อย่าทำตัวเหมือนเจ้าอัลกอริทึ่มที่เชื่อในตัวเองอย่างสุดโต่งจนสุดท้ายแล้วก็นำมาซึ่งความผิดพลาดในท้ายที่สุด

สรุปแล้วก็รู้สึกเฉยๆ กับเรื่องนี้ครับ แม้สีสันจะสดใสและเทคนิคพิเศษละลานตาก็ตาม แต่ก็คงจะดูเพียงรอบเดียว ในขณะที่ภาคแรกนั่นผมว่าผมดูหลายรอบอยู่นะ

ไม่ถึงสองดาวครับ

Star12

(5/10)