Rurouni Kenshin: The Final (2021) รูโรนิ เคนชิน ซามูไรพเนจร: ปัจฉิมบท

Untitled07463

ฮิมุระ เคนชิน (Takeru Satoh) และผองเพื่อนกลับมาอีกครั้งใน Rurouni Kenshin: The Final ที่ถือเป็นภาคสรุปเรื่องราวการผจญภัยของมือพิฆาตบัตโตไซครับ

หนนี้พวกเขาต้องเผชิญกับยูกิชิโระ เอนิชิ (Mackenyu) ผู้มีความแค้นอย่างล้ำลึกต่อเคนชิน

ดูภาคนี้แล้วรู้สึกเหมือนดูภาค 2 – 3 แบบเย็บรวมจบในภาคเดียวครับ แนวทางมาคล้ายๆ กัน มีเอนิชิเป็น Boss ใหญ่ ระหว่างทางก็จะมีลูกน้องของเอนิชิลงสนามมาสร้างหายนะให้กับพวกเคนชินและชาวเมืองผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ถ้าถามว่าสนุกไหมก็ตอบได้ว่าโอเคครับ ยังถือว่าสนุกอยู่ แต่อาจจะไม่มากเท่าที่ 3 ภาคแรกทำเอาไว้

อย่างน้อยฉากต่อสู้ก็ยังน่าพอใจครับ ลีลาฟันดาบอันฉับไวและเร้าใจยังคงมี โดยเฉพาะคู่สำคัญอย่างเคนชินและเอนิชินี่ถือว่าทำออกมาได้มันส์เอาเรื่องทีเดียว – แต่ถ้าให้ว่ากันตามความรู้สึกแล้ว ไม่มีฉากไหนจะมันส์เท่าตอนพวกเคนชินรุมชิชิโอในภาค 3 อีกแล้วครับ อันนั้นทั้งมันส์ทั้งเดือดของจริง

หนังยังคงกำกับโดย Keishi Ohtomo จาก 3 ภาคแรกครับ ซึ่งหนังก็มีการผูกเรื่องให้เกี่ยวเนื่องกับภาคก่อนด้วย โดยการเปิดเผยว่าเอนิชินี่แหละที่เป็นคนขายเรือรบมหาภัยให้กับชิชิโอเมื่อคราวก่อน ผมชอบอะไรแบบนี้นะครับ เวลาเอามาดูต่อกันแล้วมันทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวมันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และตัวละครหลักก็ยกขบวนกันมาครบ ทำให้โทนของเรื่องเข้ากันกับ 3 ภาคก่อน

แต่กระนั้นหนังก็ยังมีช่วงเรื่อยๆ อยู่บ้างครับ อันนี้เป็นเรื่องปกติของหนังชุดนี้ที่จะมีเรื่องแอ็กชันมันส์ๆ สลับกับเรื่องดราม่าของตัวละคร แต่ก็รู้สึกเหมือนกันครับว่าภาคนี้ดูจะมีปริมาณของเรื่องดราม่า หรือฉากที่เคนชินยืนนิ่งรำลึกความหลังอยู่บ่อยเหมือนกัน

Untitled07464

ก็เข้าใจล่ะครับว่าหนังจะเน้นย้ำว่าปมเหล่านี้ส่งผลต่อจิตใจเคนชินอย่างไร และปมที่ว่านี้ก็จะถูกนำไปขยายรายละเอียดอีกทีในภาคหน้าอันเป็นภาคปฐมบท แต่ใจหนึ่งก็อดคิดไม่ได้ครับว่าถ้าหนังเน้นที่เรื่องการแก้แค้นของเอนิชิให้เต็มที่กว่านี้ เน้นเรื่องปัจจุบันมากกว่าอดีตสักหน่อยหนังอาจคล่องคอกว่าที่เป็น เพราะจริงๆ ปมดราม่าทั้งหลายในอดีตของเคนชินนั้นก็จะถูกบอกเล่าแบบเต็มๆ ในภาคหน้าอยู่แล้วน่ะครับ

สิ่งหนึ่งที่รู้สึกคือภาคนี้เหมือน Iron Man 2 ครับ คือมีรายละเอียดเยอะ มีตัวละครแยะ แผนถล่มเมืองของเอนิชิก็มีอยู่หลายแผน การจะเล่าให้จบใน 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ไม่ใช่ของง่าย ลึกๆ ก็มีความรู้สึกว่ายังไม่สุดอยู่เหมือนกัน ไม่เหมือนภาค 2 – 3 ที่มีเวลาเล่าแบบเต็มๆ ลงรายละเอียดได้ครบและเต็มอารมณ์กว่า ในขณะที่ภาคนี้หลายอย่างก็ออกแนวรวบรัดเร่งรีบอยู่เหมือนกัน

และพูดก็พูดครับ จนถึงตอนนี้ผมยังติดใจในชะตากรรมของตัวละครหนึ่งอยู่เลยว่าตกลงพี่แกเป็นอย่างไรบ้าง เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ทราบแน่ชัด หรือผมพลาดตรงไหนไปก็ไม่รู้ (ใครที่ดูแล้วน่าจะรู้ว่าผมหมายถึงใครน่ะนะครับ)

แต่โดยรวมก็ถือว่ายังดูได้เพลินๆ ครับ สนุกดี อย่างที่บอกน่ะครับว่าฉากต่อสู้ยังคงไว้ใจได้ ออกมามันส์ไม่เสียชื่อ Rurouni Kenshin เพียงแต่การสรุปจบของเรื่องนั้นโดยส่วนตัวยังรู้สึกว่ามันขาดอะไรไปบางอย่าง ฉากจบดูรวบรัดอยู่ บางตัวละครก็ไม่ถูกกล่าวถึงอีกเลย จนถ้าว่ากันตามความรู้สึกแล้ว ผมว่าตอนจบของภาค 3 นั้นดูเป็นการสรุปที่ลงตัวเหมาะสมต่อการปิดตำนานมากกว่าครับ

ลึกๆ ก็แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าภาคนี้ออกแนวภาคผนวกที่ทำเสริมขึ้นมามากกว่าจะเป็นภาคจบจริงๆ

แต่ก็นั่นล่ะครับ ภาคนี้ก็ถือว่ายังดูได้สนุก และสำหรับผมแล้ว ผมให้คุณค่าภาคนี้ในฐานะภาคที่บอกเล่าเรื่องราวปูมหลังเพิ่มเติม ให้เรารู้จักเคนชินมากขึ้น ซึ่งถ้าท่านเป็นแฟนหนังชุดนี้ที่ดูมาแล้ว 3 ภาคล่ะก็ การตามมารู้จักเคนชินเพิ่มอีกสักหน่อยในภาคนี้ ก็นับว่าไม่เลว

จริงไหมครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

SHARE THIS: