Roommates ว่าด้วยเรื่องของคุณปู่ร็อคกี้ โฮเลเช็ค (Peter Falk) ที่แม้ตัวจะแก่แค่ไหนแต่ใจก็ยังหนุ่มอยู่เสมอ เขารับอาสาเลี้ยงดูหลานชายนามว่าไมเคิล (D.B. Sweeney) หลังจากที่พ่อแม่ของไมเคิลจากโลกนี้ไป
หนังก็บอกเล่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณปู่กับคุณหลานตั้งแต่ตอนไมเคิลยังเล็ก เรื่อยไปจนถึงตอนโตเป็นหนุ่ม ทำงานทำการและแต่งงานมีลูกมีเต้า ซึ่งถ้าให้ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมแล้วหนังจัดว่าเรื่อยๆ ครับ ความน่าติดตามยังไม่มาก ความซาบซึ้งยังไม่เยอะ
จริงๆ หนังมีองค์ประกอบที่ดีนะครับ โดยเฉพาะเรื่องคาแรคเตอร์ของแต่ละตัวละคร อย่างปู่ร็อคกี้เป็นคนที่ผ่านอะไรมาเยอะ มีอาชีพเป็นคนทำขนม แต่แม้จะแก่แค่ไหนก็ไม่ยอมงอมืองอเท้า ยังพยายามหางานทำและพึงพาตนเอง ชนิดที่ต่อให้ต้องจ้างทนายมาว่าความให้เพื่อให้ได้ทำงานก็ยอม (ประมาณว่าไม่มีใครรับคนชราอย่างเขาทำงานครับ ปู่แกเลยจ้างทนายมาช่วยซะเลย) และที่ลืมไม่ได้คือกิจวัตรที่จะต้องทำคุกกี้ทุกวันอาทิตย์ อันเป็นช่วงเวลาที่เขาตั้งใจจะใช้เพื่อสานสัมพันธ์ในครอบครัว ตั้งแต่รุ่นหลานไปยันรุ่นเหลน
ผมว่าหนังโปรยรายละเอียดเหล่านี้ไว้ได้ไม่เลวครับ แต่หนังไม่จับเอาองค์ประกอบที่น่าสนใจเหล่านี้มาสร้างความน่าสนใจหรือสร้างความประทับใจให้กับเรื่องราว เหมือนเล่าไปตามบท แต่ไม่ได้ผูกประเด็นสานต่อให้เกิดความหมาย ก็เป็นอะไรที่น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
ตัวละครหลักในเรื่องก็เหมือนเล่นไปตามบทครับ ในแง่สายใยสายสัมพันธ์จะไม่ค่อยชัดเจนสักเท่าไร ทั้ง Falk และ Sweeney เล่นแบบไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เล่นไม่ดีนะครับ ผมว่าพวกเขาเล่นได้เหมาะตามบทนั่นแหละ แต่เสียดายที่การเล่าเรื่องยังไม่เจ๋งพอ ความผูกพันระหว่างปู่หลานก็ถูกบอกเล่าอย่างแกนๆ ความลึกซึ้งและประทับใจจึงไม่ค่อยเกิดสักเท่าไร
ไปๆ มาๆ คนที่เด่นจนเตะตาต้องยกให้ Julianne Moore ในบทเบธ สาวหัวสมัยใหม่ที่ชนะใจไมเคิล แต่ไม่ถูกกับปู่ร็อคกี้ รายนี้แสดงคาแรคเตอร์ออกมาได้ชัด ตีบทได้แตก เพราะเธอเป็นเสมือนส่วนที่เติมเต็มให้กับชีวิตของไมเคิลน่ะครับ หลายสิ่งที่เธอทำและหลายอย่างที่ตัวเธอมีนั้นถือว่าสร้างสีสันให้เรื่องราวได้มากพอสมควร จนบอกได้เลยว่าช่วงไหนที่เธอปรากฏตัวเข้าในฉาก ฉากนั้นๆ จะดูน่าสนใจขึ้นมาทันที
โดยรวมแล้วหนังอยู่ในระดับกลางๆ ครับ ดูได้เรื่อยๆ แต่ไม่ถึงขั้นประทับใจจนต้องดูซ้ำ อย่างไรก็ดีดนตรีของ Elmer Bernstein นับว่าเข้ากับโทนหนังพอตัว โดยเฉพาะซีนซึ้งๆ ครับ
หนังกำกับโดย Peter Yates นักทำหนังชาวอังกฤษมือเก๋าผู้ล่วงลับ เจ้าของผลงานเด็ดๆ อย่าง Bullitt (นำแสดงโดย Steve McQueen) สำหรับเรื่องนี้จังหวะการเล่าเรื่องของเขาออกจะเรื่อยไปหน่อยครับ ยังไม่สามารถกอบรวมเอาสิ่งดีๆ ที่มีอยู่เยอะพอตัวในบทมาใช้งานได้ หลายจุดที่ควรเน้นหรือขยี้ก็ไม่ได้รับการขยี้เท่าที่ควร เลยทำให้รสชาติออกมากลางๆ
ในแง่รายได้ก็ถือว่าไม่ประสบความสำเร็จนักครับ หนังลงทุนไปราว $22 ล้าน แต่ได้คืนมาเพียง $12 ล้านเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กๆ ก็คือ แรกเริ่มเดิมทีหนังเรื่องนี้เป็นโปรเจคท์ของผู้กำกับ Alan Parker (Midnight Express, Birdy และ Mississippi Burning) และมีการวางตัวไว้ให้ John Cusack แสดงในบทไมเคิล แต่สุดท้าย Parker ก็ไม่ได้ทำครับ โปรเจคท์เลยเปลี่ยนมือไปอย่างที่เห็น
สองดาวครับ
(6/10)