Office (Hong Won-Chan / South Korea / 2015)
ผลงานกำกับหนังยาวเรื่องแรกของ Hong Won-Chan หนึ่งในมือเขียนบทหนังฆาตกรรมสืบสวนสอบสวนระทึกขวัญจากเหตุการณ์จริงอย่าง The Chaser (Na Hong-Jin / South Korea / 2008) ที่ดุเดือดเลือดพล่านระทมอมทุกข์สลดหดหู่แบบสุดๆ คราวนี้นอกจากจะเขียนบทแล้วยังมานั่งแท่นกำกับเองอีกด้วยนะ Office เป็นเรื่องราวเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในออฟฟิศบริษัทหนึ่งซึ่งกำลังเผชิญปัญหาหนักเมื่อพนักงานคนหนึ่งได้ฆ่าลูกเมียของเขาตายอย่างโหดเหี้ยม แล้วหลังจากนั้นเขาก็หายตัวเข้าไปในตึกออฟฟิศและไม่กลับออกมาอีกเลย ทุกคนซึ่งตระหนกว่าจะตกเป็นเป้าหมายต่างก็หวาดกลัวและปกปิดสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นจนการปิดบังนำมาซึ่งเหตุการณ์ระทึกสยองขวัญ
ส่วนตัวแล้วชอบ The Chaser สุดๆ เป็นหนึ่งในหนังฆาตกรรมในดวงใจเลยแหละ ก็เลยพกความคาดหวังมาเต็มกระเป๋ากะจะเข้ามาเสพความหดหู่ลุ้นระทึกอย่างเต็มที่ ช่วงแรกๆ ของหนังนี่ชอบมาก อย่างแรกที่ชอบเลยก็คือตัวละครที่ดูจริงสุดๆ ทั้งการเซ็ตอัพสังคมออฟฟิศ คาแร็กเตอร์ และแรงผลักดันทั้งที่มาจากเรื่องความขัดแย้งทางตำแหน่งหน้าที่การงานและเรื่องส่วนตัวต่างๆ ที่เป็นเหตุเป็นผลให้แต่ละตัวละครมันแสดงออกต่อกันและกันได้ทั้งมุมดีและร้ายหรืออ่อนโยนและรุนแรงอย่างที่เห็น ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วเหตุการณ์ที่อยู่ในหนังมันก็ดูเกินจริงที่จะเกิดขึ้นได้ในออฟฟิศ และเห็นได้ชัดว่าออกแบบมาเพื่อเสิร์ฟความระทึกสยองขวัญไม่ได้มีพื้นยืนมาจากความสมจริง อย่างการเอาศพขึ้นไปแขวนซ่อนไว้บนเพดาน แต่หนังได้สร้างบรรยากาศความสมจริงครอบเอาไว้ก่อนหน้าทำให้เราอินบรรยากาศความระทึกขวัญผสมความสยองขวัญได้มากๆ และพอจะมองข้ามความไม่เชื่อไปได้บ้าง
แถมแคสติ้งนักแสดงยังดีมากๆ โดยเฉพาะ Ko Ah-Sung ที่เคยเล่นเป็นลูกสาวที่ถูกสัตว์ประหลาดลักพาตัวไปใน The Host (Bong Joon-Ho / South Korea / 2006) แต่ในเรื่องนี้มาเล่นเป็นนางเอก เด็กฝึกงานที่มาจากบ้านนอกเข้าเมือง ดูเป็นคนอ่อนต่อโลกแต่จริงจังกับเป้าหมายความสำเร็จในชีวิต และ Bae Sung-Woo ที่เล่นเป็นพนักงานหัวหน้าทีมบ้างาน ฆาตกรที่แค่เห็นหน้าเห็นแววตาก็น่าระแวงได้สุดๆ แล้ว นักแสดงสมทบคนอื่นๆ ก็ดีงามหลากหลายเหมาะเจาะกับบทบาทพนักงานออฟฟิศมากๆ
ผู้กำกับใช้พื้นที่ส่วนต่างๆ ของออฟฟิศได้คุ้มค่ามากๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของออฟฟิศโต๊ะทำงาน ห้องประชุม บันไดหนีไฟ ลิฟต์ ลานจอดรถ ฝ้าเพดาน และห้องน้ำ แล้วสร้างบรรยากาศออฟฟิศได้น่าหวาดระแวงสุดๆ แถมในส่วนของพล็อตสืบสวนสอบสวนที่ค่อยๆ ปูทางและเปิดตัวตัวละครี่เป็นฆาตกรก็ทำได้น่าขนลุกมากๆ อีกทั้งยังแม่นยำในการบาลานซ์ความเป็นหนังระทึกขวัญและสยองขวัญแบบผีๆ ได้พอดีและแนบเนียน ช่วงแรกๆ หนังซ่อนความน่าสงสัยให้น่าติดตามได้ดี ชอบความเป็นหนังหักมุมที่พูดว่าหักมุมได้ไม่เต็มปากนี้มากๆ แต่ก็เสียดายมากๆ ที่พอพาหนังมาถึงช่วงท้ายของมันกลับค่อยๆ เป๋ในรายละเอียดทั้งบทและการจบเพื่อตอบธีมเรื่องแบบห้วนเกินไปจนทำให้รู้สึกว่าจุดคลี่คลายมันพลอยไม่ชัดเจนตามไปด้วย และการกำกับในฉากไคลแม็กซ์บางช็อตก็ทำให้งงกับ POV ของตัวละครที่กำลังต่อสู้เอาชีวิต(ให้รอด)กันที่มันทำให้รู้สึกติดขัดกับรีแอคชั่นจากการรับรู้ของตัวละครมากอยู่
ถึงสุดท้ายแล้วมมันจะไม่ได้เป็นหนังที่ดีงามอย่างสมบูรณ์อย่างที่คาดหวัง แต่ประเด็นหนังที่กัดแทะสังคมออฟฟิศก็แสบคันพอให้รู้สึกได้อยู่ และสำหรับคนดูที่ทำงานออฟฟิศนี่ถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้คงจะระแวงหลอนๆ ไปหลายวัน จนอาจจะทำให้ออฟฟิศที่คุ้นชินกลายเป็นบ้านฆาตกรผีสิงไปเลยก็ได้