[รีวิว] NOPE – ไม่
— ?/10 —
หนังสยองขวัญ ระทึกขวัญที่ให้ความรู้สึกแปลกใหม่แต่ยังคงสไตล์ Jordan Peele
ดูจบตามเนื้อหนังก็ดีหรือหยิบมาคิดต่อก็เพลินเช่นกัน
หากใครเคยติดตามผลงานของผู้กำกับ Jordan Peele มาก่อนหน้านี้ คงจะคุ้นชินแนวทางการทำหนังของเขาแล้ว กับหนังสยองขวัญระทึกขวัญ ที่เกี่ยวข้องกับคนดำและจิกกัดนู่นนี่นั่นทั้งการจิกกัดเรื่องสีผิวใน Get Out (2017) หรือเรื่องชนชั้นใน Us (2019) และหากใครรู้แนวทางของผู้กำกับคนนี้แล้ว จะดูหนังเรื่องนี้สนุกขึ้นอีกระดับนึง
Nope ว่าด้วยเรื่องราวของ OJ ผู้ฝึกสอนม้าที่เป็นลูกชายของผู้ฝึกม้าที่ไปใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ Hollywood เมื่อพ่อของเขาเสียชีวิต เขาจึงต้องมารับช่วงต่อร่วมกับน้องสาวอย่าง Emerald ดำเนินกิจการนี้ต่อไปเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้อง แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาก็เจอกับเรื่องราวสุดประหลาดกับบางสิ่งปริศนาบนฟากฟ้า แต่แทนที่จะหนีเอาชีวิตรอด OJ และ Emerald กับเห็นโอกาสว่าพวกเขาต้องเก็บภาพสิ่งนี้ได้หมายไปขายและทำเงิน!
พล็อตบ้าบอคอแตกไม่ใช่เล่น แต่มันไม่น่าแปลกใจอะไรเมื่อเป็นผลงานจาก Jordan Peele อย่างที่บอกไว้ย่อหน้าแรกว่าหนังของเขามักจะเกี่ยวกับคนดำและจิกกัด และเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้น คือตัวหนังเราสามารถดูเอาเพลินตามเรื่องราวที่หนังบอกเล่าเลยก็ได้จบแล้วจบกัน หรือจะหยิบยกประเด็นที่ผู้กำกับแอบแฝงเอาไว้มาพูดคุยต่อไปก็สนุกไม่แพ้กัน เอาจริง ๆ เราก็ไม่อาจรู้ความตั้งใจอันถ่องแท้ของผู้กำกับว่าเราเข้าใจทั้งหมดที่เขาต้องการจะสื่อถูกหรือไม่ คือมันก็ไม่ได้ดูง่ายแบบจ๋า ๆ แต่มันก็ไม่ได้ดูยากขนาดนั้น ต่อให้ไม่ได้ตีความมันก็จะมีความเอ๊ะ ว่าจุดนี้มันจะสื่อไรมั้ยน้าาาทำนองนั้น เพราะเราเชื่อว่าทุกอย่างทุกบทพูดที่ใส่มาในหนังมันมีความหมายทั้งสิ้น หรือจริง ๆ แล้วแค่ได้แรงบันดาลใจมาจากนั่นมาจากนี่เลยหยิบมาแปะมาใส่รวม ๆ กันนะ
เราจะมาขอว่าด้วยสิ่งที่เราเห็นกันชัด ๆ ก่อน ช่วงครึ่งเรื่องแรกบรรยากาศหนังจะมึด ๆ เหตุการณ์ส่วนมากจะเกิดขึ้นตอนกลางคืน เราจะไม่เห็นเลยว่าสิ่งที่ตัวละครต้องเจอคืออะไร ความเจ๋งมันคือตรงนี้ เพราะด้วยความที่เราไม่รู้นี่แหละ มันเลยสร้างความกลัวให้เราได้เป็นอย่างดี มันเปิดช่องให้เราได้จินตนาการว่าเห้ยมันคืออะไรวะ ผสมผสานด้วยงานเสียงที่น่ากลัวจริง ๆ ทั้งเสียงกรีดร้อง เสียงจากสิ่งที่ตัวละครเจอ หรือเสียงต่าง ๆ ในเรื่องนี้มันสร้างความหวาดผวาให้เราได้ดีมากจริง ๆ แค่ได้ยินแต่เสียงก็กลัวแล้ว ในหัวเราก็จะคิดละว่าพวกเขากรีดร้องอะไรกัน ต้องเจอกับอะไรบ้าง และย้ำอีกครั้งว่าจินตนาการของเขานี่แหละน่ากลัวจริง ๆ
แต่พอมาครึ่งเรื่องหลังพอตัวหนังเริ่มเฉลย ภาพกลางคืนส่วนมากก็กลายเป็นกลางวันแสก ๆ เลย แบบให้เห็นกันจะ ๆ สเกลใหญ่ เซอร์ไพรส์ ไซไฟแบบจัดเต็มสุด ๆ นี่เป็นหนังสยองขวัญเรื่องแรกในประวัติศาสตร์วงการหนังที่ถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX เพื่อให้เห็นภาพทิวทัศน์ ภูเขา ต้นไม้ ใบใหญ่อย่างกว้างขวาง และมันเหมาะกับสเกลที่ใหญ่มาก ๆ ที่มีพื้นที่ได้ใส่ CGI เข้ามาได้อย่างเต็มที่ และถ้าใครได้ดูช่วงท้ายจะเข้าใจเลยว่าสเกลมันใหญ่จริง ๆ เซอร์ไพรส์มาก ให้ความรู้สึกแบบ อะไรวะเนี่ยยยยยย มันหักอารมณ์ หักความรู้สึก แบบไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไงเลย จินตนาการของ Jordan Peele นี่สุดจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เขาก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าใครจะทำหนังแบบนี้ได้กันนะ ถึงแม้เราจะเห็นท้องฟ้าอันสดใสสว่างไสวแต่ระหว่างดูหนังไม่รู้สึกปลอดภัยเลยสักนิด คอยระแวงว่ามันจะมีอะไรบางอย่างที่จ้องจะเล่นคุณอยู่บนฟากฟ้า
มาทางด้านการตีความกันบ้าง มาที่ชื่อเรื่องก่อนเลย NOPE อาจจะเป็นการพูดถึงพล็อตเรื่องโดยรวม ที่เคยมีเหล่าแฟน ๆ ได้วิเคราะห์กันตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างในงาน Super Bowl LVI ว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับเอเลี่ยน เพราะมันอาจย่อมาจาก ‘N’ot – ‘O’f – ‘P’lanet – ‘E’arth หรือจากการที่ได้ดูหนังแล้วมันก็อาจจะเป็นการจิกกัดพวกหนังสยองขวัญคนขาวอื่น ๆ ที่ชอบทำอะไรโง่ ๆ ในหนัง เช่น เดินไปตามหาเสียงประหลาด สงสัยทุกอย่าง แต่เรื่องนี้คือตัวเอกจะ ไม่อะ กูไม่ทำ ไม่ดีกว่า กูไม่ไป กูอยู่ในบ้าน กูไม่ออกจากรถ กูไม่เผชิญหน้า อะไรทำนองนั้น แต่ก็ยังแอบจิกกัดตัวคนดำเองอีกว่าเออกูยอมเสี่ยงเพราะกูอยากได้เงินเว้ย โดนกดขี่มาตลอดทั้งชีวิต กูจะสร้างชื่อให้ตัวเองบ้างอะไรทำนองนั้น ปล่อยให้เรื่องการสร้างภาพเป็นของคนขาวเถอะ และต้นเรื่องยังแซะอีกที่พ่อ OJ ตายเพราะโดนเหรียญเงินที่ตกจากฟ้าฟาก เปรียบเหมือนว่าคนดำทำงานลำบากแทบตายให้คนขาวเพื่อแลกกับเศษเงินแล้วตายไปซะ
หรือตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวละครก็จะเห็นได้เลยว่าไม่ใช่คนขาวร้อยเปอร์เซ็นทั้งหมด แน่ล่ะคู่พี่น้องนางเอกผิวดำที่สะท้อนเรื่องราวอย่างที่ได้กล่าวไป แต่บทบาทของ Jupe ที่แสดงโดย Steven Yeun ก็สะท้อนถึงคนเอเชียที่โดนกลืนกินด้วยวัฒนธรรมของคนผิวขาวอยากควบคุมสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม จนเหมือนกลายเป็นคนผิวขาวไปแล้ว หรือตัวละครอย่าง Angel ที่น่าจะเป็นคนเชื้อสายละติน ที่เป็นตัวแทนของอะไรบางอย่าง
มันยังมีอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เบื้องหลัง ความหิวคอนเทนต์ การควบคุมในสิ่งที่ยากเกินควบคุม หรือแม้กระทั่งการตั้งชื่อสัตว์ของคนดำและคนขาว ที่ในหนังแอบแซะเบา ๆ ว่าเอ้อคนขาวชอบตั้งชื่อสัตว์ด้วยชื่อคน แต่คนดำจะตั้งด้วยชื่ออื่น ๆ ที่ไม่ใช่ชื่อคน และผลก็มีให้เราเห็นว่าเป็นยังไง เอ้อและการที่ให้คนดำขี่ม้ากับซีนที่เหมือนคาวบอย น่าจะจิกกัดหนังคาวบอยคนขาวเหมือนกันแหละ
หนังยังใส่มุกตลกหน้าตายออกมาไม่น้อย และก็มาในจังหวะที่ถูกมาก ๆ รู้ว่าตรงไหนควรมา ตลกดีเหมือนกันที่ย้ำให้ตัวละครใส่ชุดสีตามชื่อ อย่าง OJ ก็ใส่สีส้ม เพราะย่อมาจาก Orange Juice และ Emerald ก็ใส่ชุดสีเขียว เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวหนังมันจะมีความเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ บ้าง ช่วงแรกนี่ปูเรื่องนานเลยแหละ เนื้อเรื่องมันคาดเดาไม่ได้เลย คาดเดายากจริง ๆ และโดยส่วนตัวก็ยังรู้สึกมันไม่อิมแพ็คเท่าไหร่ เรายังอินและชอบ Get Out กับ Us มากกว่า
สรุปแล้ว Nope – ไม่ เป็นหนังที่เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ เหมือนกัน มันได้อรรถรสมากในเรื่องของภาพและเสียงจัดเต็มมากจริง ๆ ลองมองแบบตามเนื้อหนังไม่ได้ลงลึกอะไรมันก็ยังโอเคสร้างความหวาดผวา เซอร์ไพรส์อีก และพอมาพูดถึงเรื่องต่าง ๆ ก็หยิบจับมาพูดคุยได้สนุกเหมือนกัน เดาว่าน่าจะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบหนังเรื่องนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงแน่นอน ซึ่งตอนแรกเราก็รู้สึกเฉย ๆ นะ แต่พอได้มาลองนึกนู่นนี่นั่นดู เออมันก็จริงและเจ๋งดีแหะ แต่ถึงกระนั้นเราก็ไม่รู้จะให้คะแนนหนังเรื่องนี้ยังไง ถามว่าชอบมั้ยก็ตอบว่า “ไม่” แล้วถ้าถามว่าไม่ชอบมั้ย ก็ตอบว่า “ไม่” อีกนั่นแหละ