Nobody (2021) คนธรรมดานรกเรียกพี่

Untitled07258

Nobody เรื่องนี้ นิยามได้สั้นๆ ว่า “อย่างมันส์ขอรับ!”

เปิดมาหนังก็แนะนำชายคนหนึ่งนามว่า ฮัทช์ แมนเซล (Bob Odenkirk) ที่ชีวิตแต่ละวันผ่านไปอย่างเรื่อยๆ ธรรมด๊าธรรมดา จนกระทั่งวันหนึ่งมีโจรบุกเข้าบ้าน แล้วนั่นล่ะครับคือจุดเริ่มที่ทำให้ฮัทช์ต้องกลับมาเป็นโคตรคนมือพระกาฬอีกครั้ง

ไอเดียของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของ Odenkirk ประมาณว่าตัวเขาเองเคยเจอคนบุกรุกเข้าบ้านถึง 2 ครั้ง และมีอยู่ครั้งหนึ่งที่สร้างความบอบช้ำให้กับเขาและครอบครัวอย่างรุนแรง เขาเลยเอาเรื่องเหล่านี้มาคุยให้ใครๆ ฟัง คุยไปคุยมาก็เริ่มจะได้เป็นพล็อตและได้คาแรคเตอร์ของตัวเอก แล้วในที่สุดก็ได้ออกมาเป็นบทหนังโดยฝีมือของ Derek Kolstad (รายนี้คือคนเขียนบท John Wick ครับ)

ตัวหนังจัดว่ามันส์ในระดับที่น่าพอใจครับ ช่วงต้นๆ ก็อาจจะเรื่อยๆ สักหน่อยในการปูพื้นให้เรารู้จักกับชีวิตของฮัทช์ ก็ใช้เวลาพักหนึ่งครับกว่าทื่พี่เขาจะได้ออกสเต็ปโชว์ลีลา และในตอนต้นๆ นี่ลีลาเขาก็จะยังไม่ถึงกับสุดยอดครับ ซึ่งผมว่ามันก็สมจริงดี ประมาณว่าไม่ได้ออกแรงนาน สนิมมันก็จับบ้าง แต่พออะไรๆ มันฟื้นคืนกลับมาแบบเต็มๆ นั่นแหละครับที่ความมันส์จะไหลมาแบบต่อเนื่องยิงยาว

จุดเด็ดของหนังยกให้การแสดงของ Odenkirk ที่ถ่ายทอดมิติของฮัทช์ได้อย่างน่าสนใจครับ ทั่วไปเขาจะดูเป็นคนเฉยๆ เรียบๆ แต่ท่ามกลางหน้านิ่งๆ เหล่านั้นมันจะแฝงไว้ด้วยอารมณ์บางอย่างเสมอ บางครั้งหน้านิ่งแต่เจ็บช้ำ หรือบางครั้งหน้านิ่งแต่ในหัวนั้นมีการวางหมากวางแผน ซึ่งผมว่า Odenkirk เล่นบทแบบนี้ได้ดีครับ บทแบบหน้านิ่งๆ แต่สื่ออารมณ์ออกมาได้แบบเนียนๆ

จุดเด็ดต่อมาคือเพลงครับ แต่ละเพลงที่ใส่เข้ามาในหนังล้วนเหมาะกับแต่ละฉากเป็นอย่างยิ่ง บางเพลงท่วงทำนองอาจดูค้านกับภาพ แต่อารมณ์มันไปกันได้ครับ หรือบางเพลงก็ไม่ถึงกับเร่งเร้าอะไรมาก แต่พอใส่ลงมาแล้วมันกลมกล่อมลื่นไหลไปกับฉากนั้นๆ เรียกว่าใครชอบหนังทีึ่มีฉากมันส์ๆ แล้วมาพร้อมเพลงประกอบดีๆ ล่ะก็ เรื่องนี้ตอบโจทย์ท่านแน่นอน

Untitled07259

ในแง่ของลีลาการบู๊อันนี้ก็ต้องกระซิบบอกสักหน่อยครับ เผื่อบางคนจะคาดหวังว่ามันจะมาแบบ John Wick ก็ต้องบอกว่าบู๊ในเรื่องนี้ไม่เหมือนกับ JW ซะทีเดียว เพราะเรื่องนั้นจะออกแนวเท่ห์ จะดูมีลีลาแม่นเหมาะเป็นจับวาง แล้วก็มีการถ่ายภาพแบบเล่นแสงสีหวือหวา ในขณะที่ลีลาของฮัทช์นั้นบางครั้งก็ไม่ได้เท่ห์อะไร แต่เน้นการใช้งาน คือบู๊แบบหวังผล ไม่เน้นสวยงามแต่เน้นปราบอีกฝ่ายให้สิ้นฤทธิ์ อาจมีพลาดบ้างอะไรบ้าง ล้มลุกคลุกคลานแต่เดี๋ยวพี่เขาก็จะหาทางแก้เกมจนได้ และมุมกล้องในเรื่องก็อาจจะดูพื้นกว่าสักหน่อย ไม่ได้หวือหวาแบบ JW ครับ

และอีกเรื่องที่ต้องกล่าวถึงก็คือ Odenkirk นั้นลงทุนฟิตร่างกายและศิลปะการต่อสู้ถึง 2 ปี เพื่อมารับบทในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ และฉากบู๊เกือบทั้งหมดเขาก็เล่นเองครับ ดังที่จะเห็นว่าหลายๆ ฉากมีการถ่ายแบบ Long Take ให้เราเห็นเต็มๆ ว่าเขาออกแรงบู๊เองจริงๆ

ถ้าถามว่ามันส์ไหม ผมว่ามันส์นะ ดูแล้วเชื่อน่ะครับว่าฮัทช์นี่คือของจริง แอบสงสารคนที่มาแหยมกับเขาเหมือนกันครับ ไม่น่าหาเรื่องเลย – ผมว่าคนที่ฉลาดสุดคือเจ๊คนที่ค้นข้อมูลฮัทช์เจอตอนแรก แล้วพอรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็รีบโบกมืออำลา อันนี้ขอยกให้เจ๊เป็นตัวละครที่ฉลาดมากที่สุดคนหนึ่งในโลกของภาพยนตร์แนวนี้เลยครับ

เมื่อ Odenkirk เป็นจุดเด่น ดารารายอื่นๆ ก็ออกแนวสมทบร่วมจอครับ แต่แม้พื้นที่ในจอจะน้อยแต่ก็น่าจดจำนะ ไม่ว่าจะ Christopher Lloyd ในบทพ่อของฮัทช์ที่แม้จะโผล่น้อย แต่ผมเชื่อว่าท่านจะต้องจำเขาได้แน่นอน, Connie Nielsen รับบทภรรยาของฮัทช์ที่ผมว่าเหมาะกับเธอครับ บทผู้หญิงที่ดูเหนือกว่าผู้ชายหน่อยๆ นี่เธอแสดงได้ดีเสมอ, Aleksey Serebryakov ในบทยูเลียน วายร้ายรายหลักที่มาจองล้างกับฮัทช์ รายนี้ก็แสดงได้ดีเช่นกันครับ ดูร้ายกาจ มาดแสบ เจ้าอารมณ์ ฉลาดปานกลาง – ครบสูตร

ผมชอบบทหนังนะครับ โดยเฉพาะช่วงที่หนังเล่าเรื่องเพื่อก่อร่างสร้างคาแรคเตอร์ของฮัทช์ เล่าแบบค่อยๆ เผยตัวตนทีละนิด อย่างตอนต้นที่มีโจรบุกเข้าบ้านมาแล้วจริงๆ ฮัทช์มีโอกาสจะเอาไม้กอล์ฟฟาดโจรได้ แต่เขากลับไม่ทำ ก่อนที่หนังจะเฉลยในเวลาต่อมาว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่หวดไม้ฟาดลงไป จุดนี้นอกจากทำให้รู้จักตัวฮัทช์มากขึ้นแล้ว ยังแอบเผยความเทพของฮัทช์ให้คนดูได้รับรู้ด้วย

อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือยามที่พี่ท่านพล่ามพูดกับเหล่าคนที่ถูกส่งมาฆ่าเขา มันก็สะท้อนความเหงาภายในใจเขาได้ดีครับ ประมาณว่าเขาต้องเก็บงำซ่อนชีวิตแบบนี้ไว้กับตัว เอาไปบอกไปเล่าให้ใครฟังก็ไม่ได้ จะมีก็แต่คนที่จะมาฆ่าเขานี่แหละที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาเลยพูดบ่นระบายความในใจ พูดเปิดเผยความรู้สึกได้แบบไม่ต้องปิด – แต่ก็กลายเป็นว่าคนที่เขาคุยด้วยได้กลับเป็นคนที่เขาต้องฆ่าหรือไม่ก็คิดฆ่าเขาเสียอย่างนั้น – ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่น่าสนใจดีครับ

Ilya Naishuller ผู้กำกับชาวรัสเซียที่โตมากับงานสายมิวสิควีดีโอ แล้วก่อนหน้านี้ก็มีผลงานอย่าง Hardcore Henry สำหรับเรื่องนี้ก็ถือว่าคุมหนังได้ดีในระดับหนึ่งครับ จังหวะเรื่อยก็เรื่อย พอถึงจังหวะเร่งก็เร่ง กระตุ้นอะดรีนาลีนคนดูได้ไม่เลว

ในแง่รายได้ หนังทำเงินทั่วโลกราวๆ $55 ล้านครับ ก็ถือว่าไม่น้อยสำหรับช่วงที่โลกกำลังเผชิญกับโควิด และทุนสร้างก็ประมาณ $16 ล้านครับ ดังนั้นหนังจัดว่าทำกำไรใช้ได้เหมือนกันครับ

สรุปว่าหนังคุ้มค่าแก่การรับชมครับ อยากมันส์จัดได้เลยครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)