Love Under the Olive Tree หนังรักโรแมนติกเบาๆ ที่มาพร้อมบรรยากาศสวยๆ สไตล์ Hallmark ครับ
เรื่องของ 2 ครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าน้ำมันมะกอกในซันเซ็ตแวลเลย์ แล้วก็มีการแข่งขันกันอยู่เนืองๆ ครับ ล่าสุดก็เป็นการแข่งกันระหว่างนิโคล (Tori Anderson) ทายาทตระกูลคาเบลล่า และ เจค (Benjamin Hollingsworth) ทายาทตระกูลแบรนดินี่ โดยมีที่ดินแปลงหนึ่งเป็นเดิมพัน
แต่ก็ตามสูตรครับ ทั้งนิโคลและเจคก็จะต้องเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนในสมัยเด็ก แล้วก็ห่างหายกันไป พอกลับมาเจอกันอีกก็มีเขม่นกันเล็กน้อยตามประสา ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มมีใจให้กันเมื่อต่างฝ่ายต่างพบว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี มีน้ำใจ และน่ารักกว่าที่คิด
หนังสูตรสำเร็จแบบที่ดูตอนต้นแล้วเดาตอนจบได้เลยน่ะครับ ดังนั้นหากคาดหวังความแปลกใหม่ก็คงต้องทำใจ แต่หากคาดหวังความเพลินจากหนังรักเบาสมองล่ะก็ น่าจะโอเคกับหนังเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยครับ
สำหรับผมนั้น อยู่ในข่ายโอเคกระเดียดไปทางชอบครับ อย่างแรกเลยคือเคมีของพระเอกนางเอกถือว่าเข้ากันได้ในระดับหนึ่ง และเนื้อเรื่องก็ออกแนวฟีลกู้ด ประเด็นหลักๆ ที่หนังเน้นย้ำนำเสนอก็คือการสอนให้เราเปิดใจครับ เพราะในเรื่องนั้นการที่ 2 ตระกูลผิดใจกันมานานหลายสิบปีนั้นก็เพราะความเข้าใจผิดและทิฐิที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน ปล่อยให้ความบาดหมางทับถมกันมาหลายรุ่น จนกระทั่งรุ่นหลานอย่างเจคและนิโคลนี่แหละครับ ที่มาช่วยเยียวยาให้ความสัมพันธ์ของ 2 ตระกูลกลับมาดีกันอีกครั้ง
ก็เหมือนเป็นการสอนเราน่ะครับ ว่าเวลามีกรณีพิพาทใดๆ ก็ตาม อย่าเพิ่งด่วนสรุปความจากข้างเดียว แต่ต้องค้นหาความจริง ต้องเปิดใจรับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย และที่สำคัญคือต้องควบคุมอารมณ์ของเราให้ดี อย่าให้มันกลายเป็นตัวทำลายสายสัมพันธ์
มนต์เสน่ห์อีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คือบรรยากาศของต้นไม้ครับ เหตุในหนังเกิดในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เราจึงจะได้เห็นใบไม้ส่วนใหญ่เป็นสีส้มสีเหลือง และใบไม้เหล่านี้ก็จะประกอบอยู่ในฉาก เป็นวิวข้างหลังบ้าง เป็นวิวหน้ากล้องบ้าง ดูแล้วสวยดีมากๆ ครับ เสริมอารมณ์อบอุ่นและโรแมนติกให้กับหนังได้อย่างพอเหมาะจริงๆ
หนังอาจไม่ได้สุดยอดอะไรมากครับ แต่พอดีพอเหมาะในแบบของมัน ดูแล้วสบายใจ ได้เห็นวิวสวยๆ ได้เห็นตัวละครน่ารักๆ มาโลดแล่นให้เราได้ดู ให้อารมณ์โรแมนติกแบบ Feel Good ได้ไม่เลวครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
(6.5/10)