Little Nicky (2000) ลิตเติ้ล นิคกี้ ซาตานลูกครึ่งเทวดา

Untitiled05657

เรื่องนี้จัดว่าเป็นหนังฮาแบบไม่ต้องคำนึงถึงเนื้อหาสาระอะไรให้มากความครับ

Adam Sandler รับบท นิคกี้ ลูกคนสุดท้องของซาตาน (Harvey Keitel) ที่ออกจะดูผ่าเหล่าผ่ากอจากเหล่าพี่น้องอย่างเอเดรียน (Rhys Ifans) และแคสเซียส (Tommy ‘Tiny’ Lister) เพราะ 2 คนนั้นทั้งโหดเหี้ยม ร้ายกาจ แสนจะเจ้าเล่ห์ และหมายจะครองบัลลังก์ของพ่ออยู่ทุกวี่วัน ในขณะที่นิคกี้นั้นออกแนวติงต๊องและจิตใจอ่อนโยน จนทำให้นิคกี้โดนพี่ๆ แกล้งเป็นประจำ

แล้วอยู่มาวันหนึ่งเมื่อซาตานประกาศว่าจะยังไม่ยกบัลลังก์ให้กับใครทั้งสิ้นไปอีกพันปี เอเดียนกับแคสเซียสเลยโกรธจัดและหนีไปยังโลกมนุษย์เพื่อวางแผนที่จะกลับมาครองนรก นิคกี้เลยต้องรีบตามไปจับพี่ๆ ทั้งสองกลับมาให้ได้ ก่อนที่สมดุลของนรกจะเสียหายไปตลอดกาล

หนังเรื่องนี้ออกแนวต๊องจริงๆ ครับ คือมุกเยอะมาก และดารารับเชิญก็เยอะโคตรๆ จนหากใครคิดจะดูเพื่อเอาฮาเป็นหลักล่ะก็น่าจะโอเคกับหนังเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะหนังมันทำออกมาเพื่อขายฮาจริงๆ ครับ ในขณะที่เนื้อหา สาระ หรือเหตุผลนี่ขอให้วางไว้ไกลๆ เลยครับ หนังเรื่องนี้ไม่ตอบโจทย์ในเชิงสาระแหงมๆ

ตอนดูรอบแรกนั้นผมก็ชอบอยู่ครับ มันขำดี แต่พอโตขึ้นแล้วความชอบก็ลดน้อยลงไปบ้างเพราะรู้สึกว่าหนังมันโล่งโถงไปหน่อย ซึ่งหากลองมาเทียบกันในหมู่หนังของ Sandler แล้ว ผมออกจะชอบหนังที่มีเนื้อเรื่องเชิงฟีลกู๊ดของเขามากกว่าครับ อย่าง The Wedding Singer, Big Daddy หรือ Mr.Deeds อะไรอย่างเงี้ย ดูแล้วมันรู้สึกอิ่มกว่า ได้ทั้งรอยยิ้มและความรู้สึกดีๆ มากกว่า

ในขณะที่เรื่องนี้จะเน้นความขำน่ะครับ ซึ่งก็เหมาะสำหรับดูคลายเครียดนะ แต่อย่าคาดหวังอะไรมากกว่านั้น

Untitiled05656

หนังกำกับโดย Steven Brill ซึ่งกับเรื่องนี้ถือว่าเขาคุมหนังได้โอเคล่ะครับ แต่บางจังหวะบางช่วงอาจหนักมือไปบ้าง บางมุกมันอาจห่ามไปนิด ซึ่งผมว่าตอนถ่ายทำนี่ทีมงานกับดาราน่าจะรู้สึกสนุกนะ หลายมุกก็อาจจะถือกำเนิดขึ้นมาจากความคิดสนุกๆ ของพวกเขา เพียงแต่พอมานำเสนอบนจอแล้วมันก็อาจดูเลอะไปบ้าง กล่าวคือบางมุกมันอาจดูสนุกสำหรับพวกเขา แต่สำหรับคนดูแล้วมันอาจไม่ได้ดูสนุกขนาดนั้น หรืออาจจะล้นไปหน่อยอะไรประมาณนี้น่ะครับ และนั่นก็น่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้ล่มทางรายได้

หนังลงทุนไปกว่า $85 ล้าน แต่ได้คืนมาเพียง $58 ล้านจากทั่วโลก ซึ่งถือเป็นหนังเรื่องแรกของ Sandler ที่ล่มในยุคที่เขากำลังเฟื่องฟู (ตอนนั้นดังติดๆ จาก The Wedding Siner, The Water Boy และ Big Daddy ครับ) ส่วนหนึ่งก็อย่างที่บอกน่ะครับว่าหนังอาจจะหนักมือไปหน่อย หรือบางมุกคนนอกอเมริกาก็อาจจะไม่เข้าใจ และอีกอย่างคือหนังมันออกแนวตลกร้ายมากกว่าจะเป็นหนัง Feel Good แบบที่ Sandler ชอบทำในช่วงนั้น

แต่ยังดีที่ Sandler กับผู้กำกับ Brill ไหวตัวทัน และกลับมาทำหนังแน Feel Good อีกครั้งใน Mr.Deeds (ซึ่งหนังก็กลับมาทำเงินร้อยล้านอีกครั้ง)

ก็ว่าแบบสั้นๆ ว่าหนังเหมาะแก่การดูเพื่อคลายเครียดและขำขันครับ

สองดาวครับ

Star21

(6/10)