ภาคก่อนโกยเงินทั่วโลกเกือบพันล้านครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะต้องมีการทำภาคต่อออกมา ซึ่งภาคนี้ก็ถือว่าทำเงินไปน่าพอใจอีกเช่นกัน คือ $796 ล้าน แสดงว่ามีคนรอให้การต้อนรับอยู่เยอะทีเดียว
ผมว่าเหตุผลหนึ่งที่หนังประสบความสำเร็จ นอกจากจะเพราะได้ดาราดังๆ และเหมาะกับบทมาร่วมจอกันแล้ว ก็ต้องยกให้กับความเป็นหนังผจญภัยน่ะครับ ผมว่าหนังแนวนี้มีคนรอดูอยู่เยอะนะ (ผมก็คนหนึ่งล่ะครับที่ชอบหนังแนวนี้) ประเภทบุกป่าฝ่าด่าน เจอภยันตรายแบบต่างๆ ในป่าเขา ขอเพียงทำออกมาโอเค ความสำเร็จก็พร้อมจะไหลมาอยู่แล้ว
เรื่องราวหนนี้ก็ต่อจากหนก่อนครับ เหล่าผองเพื่อนกลุ่มเดิมมีอันต้องกลับไปเล่นเกมอีกครั้ง เพราะพวกเขาคนหนึ่งดันไปติดอยู่ในเกม และหนนี้นอกจากจะมี 4 วัยรุ่นเจ้าเดิมกลับมาผจญภัยแล้ว ก็ยังมีคุณตาผู้สูงอายุอย่างเอ็ดดี้ (Danny DeVito) และไมโล (Danny Glover) โดดลงไปผจญภัยในเกมด้วย
หากถามความรู้สึกที่มีต่อหนังภาคนี้แล้ว บอกตรงๆ ว่าหนังดูได้เรื่อยๆ ครับ คือหนังยังมีองค์ประกอบครบสูตรแบบภาคก่อนนั่นแหละ มีดาราดีๆ มาร่วมกันสร้างความบันเทิง ไม่ว่าจะ 4 ตัวละครในเกมอย่าง Dwayne Johnson, Kevin Hart, Jack Black และ Karen Gillan ตามด้วยบทสมทบอย่าง Awkwafina, Colin Hanks กับ Nick Jonas และ 4 วัยรุ่นจากภาคก่อนอย่าง Alex Wolff, Morgan Turner, Madison Iseman และ Ser’Darius Blain แต่ละคนล้วนทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างพอเหมาะครับ
และสำหรับคอหนังรุ่นเก่าอย่างผมแล้ว การได้เห็น Danny DeVito และ Danny Glover กลับมาแสดงหนังฟอร์มใหญ่แบบนี้ก็ให้รู้สึกดีใจครับ แค่เห็นหน้าก็ทำให้ยิ้มได้แล้วล่ะ ส่วนการแสดงนี่ไม่ต้องพูดถึงล่ะครับลื่นไหลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ด้านดารานี่จัดว่าเวิร์กมากครับ โดยส่วนตัวแล้วผมมองว่าเป็นพลังสำคัญที่ทำให้หนังน่าติดตามเลยนะ เพราะถ้ามาดูในส่วนของเนื้อเรื่องและการผจญภัยแล้ว ผมรู้สึกว่าความอร่อยมันยังไม่สุดครับ อย่างฉากด่านต่างๆ ที่ต้องผจญภัยในภาคนี้มันไม่ถึงกับน่าสนใจนัก เหมือนเดินไปเรื่อยๆ ฝ่าไปเรื่อย แบบไม่ได้มีจุดให้ลุ้นหรือจุดให้ว้าวอะไรมากมาย อย่างทะเลทรายก็ไม่มีอะไร ด่านในเมืองก็ไม่มีอะไร กระทั่งตอนท้ายที่ไปบุกปราสาทกลางหิมะก็ยังดูธรรมดา ไม่ได้มีลูกเล่นหรืออะไรที่หวือหวาเท่าที่ควร
ผมว่าด่านที่ทำออกมาแล้วดูมันส์สุดก็ขอยกให้ฉากสะพาน+ลิงน่ะครับ ช่วงนั้นจัดว่ามีลุ้นมีสันส์มากที่สุดแล้ว
การดูภาคนี้ทำให้นึกถึงภาคแรกสุดครับ ผมว่าภาคนั้นมันมีมนต์ขลังนะ สถานการณ์มันทำให้เราลุ้นได้ตลอด ลุ้นว่าทอยลูกเต๋าครั้งต่อไปจะเจอกับอะไร มันจะพิสดารมากน้อยแค่ไหน และตัวละครจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไร ในขณะที่ภาคนี้ (และภาคก่อนหน้าด้วย) การผจญภัยมันเหมือนเป็นเพียงการเดินไปเรื่อยๆ น่ะครับ ด่านต่างๆ ดูธรรมดา ไม่ได้มีจินตนาการแปลกๆ ใหม่ๆ ใส่ลงมา ความน่าสนใจเลยไม่มาก
และที่สำคัญคือมันแต่ละด่านมันไม่ค่อยมีอะไรน่ะครับ เหมือนเดินผ่านไปเรื่อยๆ ผ่านแบบยังไงก็ต้องผ่านอยู่แล้ว ไม่ได้มีปริศนาดีๆ หรือโจทย์ยากๆ มาเสริมความอร่อย (นอกจากฉากสะพานลิง) ผมเลยค่อนข้างจะรู้สึกเรื่อยๆ กับหนัง ไม่ได้อร่อยแบบเต็มที่นัก และสารภาพว่าบางฉากดูแล้วมันรู้สึกเยิ่นเย้อด้วย อย่างฉากบ่อน้ำเปลี่ยนร่างตอนกลางเรื่องน่ะครับ รู้สึกมันเดิมๆ ยังไงก็ไม่รู้
ความเพลินที่ผมได้รับจากหนัง ต้องยกให้เหล่าดาราอย่างที่บอกไปน่ะครับ หรือในแง่งานสร้าง จริงๆ ก็ดูสมเป็นหนังทุนร้อยล้าน เพียงแต่มันขาดลูกเล่นขาดความเป็นเกม (ที่ควรจะมีความท้าทายมากกว่านี้เพื่อความลุ้น) – โดยส่วนตัวผมคิดว่าหนังแบบนี้นั้น ความสนุกมันอยู่ที่ฉากหรือด่านในเกมครับ ว่ามันมีความแปลกใหม่ ไหม เกมมันมีโจทย์ให้ใช้สมองไหม มันต้องมีอะไรให้เราลุ้นบ้าง หรือไม่ก็มีความพลิกผันบ้าง แต่กับเรื่องนี้มันเหมือนเดินเป็นเส้นตรงน่ะครับ ไม่มีอะไรเกินคาดเดา เหมือนเล่นเกมแล้วใช้สูตรผ่านตลอด แบบนั้นความสนุกมันก็จะไม่มากเท่ากับเกมที่มีอะไรให้ฝ่าฟัน
คิดในแง่หนึ่งผมอาจแก่ไปแล้วก็ได้ครับ เลยรู้สึกไม่อะไรกับหนังมากนัก แต่กระนั้นผมก็ยังสนุกกับพวก Indiana Jones, The Mummy หรือ Jumanji ภาคแรกนะ หรือถ้าหนังใหม่ๆ ก็ Dora and the Lost city of Gold ผมว่าเรื่องนั้นยังตอนโจทย์ความเป็นหนังผจญภัยได้เข้าท่ากว่าครับ อย่างน้อก็ยังมีฉากผ่านด่าน+ฉากแก้ปัญหาที่ทำให้เรารู้สึกลุ้นตามไปด้วย (จะมากบ้างน้อยบ้างก็ว่ากันไป)
อันนี้ก็คงต้องแล้วแต่ความชอบครับ หากใครชอบภาคก่อน ก็น่าจะโอกับภาคนี้บ้าง ส่วนผมนั้นจริงๆ ก็โอกับภาคก่อนนะ แต่ภาคนี้มันรู้สึกเรื่อยๆ จริงๆ ครับ
สองดาวครับ
(6/10)