Joy (David O. Russell / USA / 2015)
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Jennifer Lawrence ถึงได้รางวัลนำหญิงหนังเพลงหรือหนังตลกจาก Golden Globe ครั้งล่าสุด เพราะเล่นแต่ดราม่าแทบทั้งเรื่อง
ช่วงแรกหนังดูรีบๆ ลนๆ เหมือนพยายามกระชับแต่เรื่องมันก็เยอะจนฉึบฉับและเป๋เบ้ซ้ายเบ้ขวาไปหน่อยเข้าขั้นน่าเบื่อ แต่พอเรื่องมันนิ่งขึ้นก็เริ่มต้องน้ำต้องเนื้อหนังได้มากขึ้นจนดูสนุกน่าติดตามขึ้นมาได้
รวมๆ มันก็เป็นหนังดราม่าตลกๆ สไตล์ผู้กำกับแกนั่นแหละที่ยังไม่ทิ้งลายเดิมแต่มันขาดรายละเอียดมากกว่าหนังเรื่องก่อนๆ ของเขาเยอะหน่อย แต่พล็อตหนังให้กำลังใจคนทำมาหากินสู้ชีวิตที่เล่าผ่านชีวิตแม่บ้านที่ตกงานและพยายามประดิษฐ์ไม้ถูพื้นแบบใหม่ออกมาขายเนี่ยยังได้ผลดีอยู่ เหมาะสำหรับแม่บ้านที่ชอบดูรายการขายของ เทือกๆ TV Direct มากๆ น่าจะพาแม่พาเมียออกบ้านมาดู และส่วนตัวก็เคยเปิดทีวีมาเจอรายการพวกนี้บ่อยก็เลยสนุกกับการอินไซต์วิธีการขายและเบื้องหลังฉากรายการขายในหนังพอควรเลย
ถึงจะเป็นหนังให้กำลังใจ แต่การประสบความสำเร็จของตัวละครแม่บ้านที่ชีวิตครอบครัวแตกสาแหรกขาดมาแทบทั้งชีวิต พ่อแม่หย่าร้างตั้งแต่วัยทีน และถึงจะได้แต่งงานมีชีวิตคู่มีลูกสาวน่ารักแต่สามีของเธอก็จมปลักกับฝันเฟื่องที่อยากจะเป็นศิลปินนักร้องดังไม่ทำมาหากินจนต้องหย่าร้าง แล้วยังต้องทำงานทั้งในบ้านปัดกวาดเช็ดถูไปจนถึงงานช่างเบื้องต้นกับท่อประปา และงานนอกบ้านหาเงินเลี้ยงดูลูกสาวและแม่ที่เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ดูทีวีอยู่บนเตียงในห้องนอนอย่าง Joy เนี่ย มันไม่ได้เกิดขึ้นจากชีวิตที่อยู่ไปวันๆ
มันเริ่มมาจากที่เธอเคยเป็นเด็กสาวเรียนดีหัวกะทิระดับโรงเรียน ถึงพอจบไฮสคูลแล้วจะไม่ได้เรียนต่อแต่ก็ยังมีความคิดความฝันที่สำคัญคือความรับผิดชอบต่อปัญหาปัจจุบัน รับผิดชอบต่อสายใยความผูกพันที่เธอตัดไม่ขาดเสียเอง ยังให้สามีที่หย่าร้างหลับนอนอยู่ในบ้าน ยังเชียร์พ่อที่หย่าแม่ไปให้หาเมียใหม่ได้ไวๆ และต่อให้เลิกกับเมียใหม่ก็ยังเปิดบ้านต้อนรับพ่อที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตของเธอลำบากอยู่เสมอ ความใจกว้าง การปลดปลง และความอดทนอดกลั้นของเธอมันพาให้ชีวิตแม่งโคตรลำบากหนักหนา แต่สุดท้ายทุกสิ่งอย่างมันก็โอบอุ้มนำพาเธอไปถึงความสำเร็จในที่สุด เป็นอีกกำลังใจหนึ่งเมื่อเธอรู้ว่าทำเพื่อใคร
มันก็เลยดีที่มันไม่ใช่หนังฝันหวานๆ ลมๆ แล้งๆ ที่ต่อให้ไม่มีต้นทุนชีวิต ไม่มีคนสนับสนุนหรือไม่มีมันสมองอะไรเลยก็ร่ำรวยเหมือนโชคช่วยให้ถูกหวยได้ แล้วเราก็ไม่เหนียมอายที่จะยิ้มหรือน้ำตาคลอเบ้าเมื่อได้เห็นความสำเร็จของ Joy ไม่ได้เกิดความรู้สึกอิจฉาเหมือนเวลาที่เห็นใครถูกลอตเตอรี่
นอกจากหนังเรื่องนี้จะเหมาะกับคนที่พยายามจะประสบความสำเร็จในชีวิตหรือแม้แต่คนที่เพียงแค่อยากทำให้ชีวิตดีขึ้นได้บ้าง หนังเรื่องนี้ก็ยังเหมาะกับแม่บ้านที่ชอบดู TV Direct และ คนชอบเสี่ยงหวยหรือพึ่งหวังความร่ำรวยจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ เพื่อให้เห็นว่าการพึ่งดวงพึ่งโชคไม่ใช่หนทางดีที่ทำให้ร่ำรวยได้