Fury (David Ayer / USA / 2014)
หนังเกริ่นแต่แรกว่าเป็นเหตุการณ์เกิดในช่วงที่ฮิตเลอร์เกนฑ์เด็กผู้ชายกับผู้หญิงมารบซึ่งมันน่าสนใจดีเพราะส่วนตัวยังไม่เคยเห็นในหนังเรื่องไหนที่จะหยิบยกมาเล่า แต่ไปๆ มาๆ คนทำไม่ได้นำพาจุดนี้มาขยี้ขยายจุดนี้ให้เป็นประเด็นไคลแม็กซ์ที่คาดว่าจะได้เห็นซึ่งเราติดกับตั้งตารอชมมันมาแล้วตั้งแต่ต้น แต่ก็ดีที่อย่างน้อยก็เป็นตัวประกอบในเหตุการณ์ช่วยเล่าพัฒนาการตัวละครได้อยู่บ้าง เออ..แต่ถ้าดูไม่ผิดมันก็ถูกหยิบมาเป็นเหตุผลในฉากไฟนอลอยู่เหมือนกัน
ตัวละครสำคัญที่มีผลต่อการพัฒนาเรื่องราวมากที่สุดก็คือตัวละครของ Logan Lerman ที่ตอนแรกคาดว่าจะแค่สมทบเล็ก แต่จริงๆ แล้วโดดเด่นกว่า Shia LaBeouf ที่เล่นบทเป็นทหารผู้ศรัทธาในพระเจ้าเสียอีก ส่วนตัวละครของ Brad Pitt ก็เหมือนเป็นอาจารย์สอนชีวิตในสนามรบกลายๆ ให้ตัวละครของเลอร์แมน ให้ฝึกมือเรียนรู้ความเกลียดชังศัตรูจากแต่แรกที่เป็นเสมียนหน่อมแน้มโปแตสแตนท์ในสมรภูมิที่ไม่กล้าฆ่าฝ่ายตรงข้ามให้กลายเป็นหนึ่งในแขนขาที่พึ่งของทีมที่นำกองกำลังรถถังไต่ตะขาบยึดเมืองในเยอรมันไปเรื่อยๆ พล็อตประมาณนี้มันก็เลยดูไม่มีอะไรพิเศษไปด้วย
ส่วนที่ทำไม่ได้ให้ชอบหนังไปมากกว่านี้คือจุดเปลี่ยนของตัวละคร นอร์แมน ของ Logan Lerman เนี่ยแหละที่รู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อย เราไม่เชื่อว่าความสัมพันธ์ของหนุ่มทหารอเมริกันกับสาวเยอรมันที่มีเซ็กซ์กันไม่กี่นาทีเจอหน้าพูดคุยกันไม่กี่ชม.จะอาลัยอาวรณ์จนเปลี่ยนทัศนคติการฆ่าไม่ฆ่าได้รวดเร็วขนาดนี้กลายเป็นผู้กล้าขนาบจ่าฝูงขึ้นมาเลย อีกจุดหนึ่งคือความเป็นคนดีของนอร์แมนตัวแทนคนดีศรีอเมริกันที่ย้ำไปหน่อยอีกนั่นแหละ สำหรับส่วนที่เพลิดเพลินคือฉากยิงกันมันดีแสงปืนเขียวแดงทำให้นึกถึงสตาร์วอร์สทุกฉากไปทั้งแสงสีเสียงปืนพาให้เสียวสันหลังระทึกได้ไม่หยอกเลย อีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือการที่เห็น Shia LaBeouf ศรัทธาพระเจ้าท่องคัมภีร์มีฉายาว่าไบเบิ้ลมันแปลกหูแปลกตาและบันเทิงดี ปล.สงสัยอย่างหนึ่งว่าระเบิดสองลูกระเบิดในรถถังแคบๆ มันน่าจะแรงกว่านั้นหรือป่าววะ?