Everybody’s Talking About Jamie
ตามมาด้วยอีกหนึ่งหนังมิวสิคัลจากเกาะอังกฤษ ที่สร้างมาจากละครเวทียุคใหม่ที่เพิ่งกลายเป็นตำนานของที่นั่น นี่คือ “Everybody’s Talking About Jamie” ที่ออกมาในรูปแบบร้องเล่นเต้นเพลิน…คลุกเคล้ากับประเด็นดราม่าเกี่ยวกับการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศของเด็กนักเรียนชายคนหนึ่ง ที่ได้กลายมาเป็นเรื่องราวอันทรงพลังและเป็นกำลังใจให้กับผู้อื่นอีกนับไม่ถ้วน แม้ว่าตัวหนังนั้น…จะทำออกมาได้เชยสะบัดเลยก็ตาม
Everybody’s Talking About Jamie เป็นเรื่องราวของ เจมี่ นิว เด็กนักเรียนวัย 16 ปี ที่อยู่ในช่วงที่กำลังค้นหาและค้นพบตัวเอง แต่เพราะสังคมที่ตีกรอบแคบๆ ให้กับเขา จึงยังทำให้ไม่มีความกล้าเพียงพอที่จะเป็นตัวของตัวเอง กระทั่งในคาบเรียนหนึ่งที่โรงเรียน ครูได้ถามเขาถึงเกี่ยวกับอาชีพอนาคตของเขา แม้ว่าครูจะมองเห็นต่างกับแนวคิดของเขา แต่เขากลับมีความแน่วแน่มากยิ่งขึ้นว่า…เขาจะโตขึ้นไปเป็นแดร็กควีน (Drag Queen) และการผจญภัยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเจมี่ก็ได้เริ่มต้น ท่ามกลางสายตาและการไม่ยอมรับจากสังคมรอบข้าง เขาต้องยืนอยู่บนเส้นบางๆ ระหว่างตัวตนของตัวเอง หรือ ตัวประหลาด
เดิมทีหนังเรื่องนี้จะเป็นหนังฉายในโรงตามปกติ แต่ต้องมาเจอช่วงโควิด-19 เล่นงาน ทำให้ต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ซ้ำยังถูกดิสนีย์ลอยแพด้วยการปล่อยขายลิขสิทธิ์ กระทั่งหนังได้ตกมาอยู่ในมือ อะแมซอน ไพร์ม ในที่สุด หนังเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจสร้างมาจากเรื่องจริงที่เคยเป็นหนังสารคดีออกฉายทางโทรทัศน์ในปี 2011 ของ เจมี่ กับ แม่ของเขา ในประเด็นเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะถูกนำมาเขียนเป็นหนังสือโดย “ทอม แม็คเคร” และมาสู่เวอร์ชั่นละครเวทีมิวสิคัลในปี 2017 ที่กลายเป็นละครโรงเล็กที่เป็นกระแสพูดถึงไปทั้งประเทศ
ในฉบับหนังมิวสิคัลเรื่องนี้ก็ยังคงได้ ทอม แม็คเคร มารับหน้าที่เขียนบทหนังและเพลงประกอบให้ โดยมี “โจนาธาน บัตเตอเรลล์” มาเดบิวต์กำกับหนังใหญ่เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ก่อนอื่นคงต้องบอกว่า Everybody’s Talking About Jamie มากับการเล่าเรื่องและสไตล์ที่เชย…แสนจะเชย ทั้งจังหวะและลีลาการถ่ายทอดออกมาในเรื่องราวค่อนข้างห่างจากความสมบูรณ์แบบ ซ้ำยังเต็มไปด้วยความซ้ำซากเดิมๆ แบบที่เคยเห็นมาจากเรื่องอื่น และหนังก็ยังมีโทนความเป็นผู้ดี๊…ผู้ดีอังกฤษแบบหลับตาบอกได้
แต่กระนั้นแล้ว…ประเด็นของหนังกลายเป็นจุดแข็งที่ช่วยมาอุดรอยรั่วต่างๆ เอาไว้เหมือนการสมานแผล นี่คือหนังที่น่าจะจำกัดความได้ว่าเป็นหนังชีวประวัติสไตล์ Coming-of-Age ผสมกับ Come Out ที่มีสารอยู่ในที่ค่อนข้างทรงพลังในระดับหนึ่ง หนังต้องแบกประเด็น LGBTQ เอาไว้ทั้งเรื่องอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ในที่สุดก็สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ ท่ามกลางสูตรสำเร็จเดิมๆ ที่ไม่ได้คาดหวังอะไรสักเท่าไหร่อยู่แล้ว
Everybody’s Talking About Jamie เป็นหนังที่เต็มไปด้วยมีมและประโยคข้อความให้กำลังแบบเชยๆ อยู่เต็มไปหมด ออกมาแทบจะทุกๆ 5 นาทีเลยก็ว่าได้ แต่ในความเฉิ่มเชยของประโยคเหล่านี้ กลับช่วยส่งเสริมทำให้หนังดูมีพลังขับเคลื่อนและให้คนดูรู้สึกอินและคล้อยตามเรื่องไปได้อย่างน่าประทับใจ จึงกลายเป็นหนังที่มีความยาวเกือบ 2 ชั่วโมงที่แทบจะไม่ได้เบื่อเลย
ขณะที่เพลงประกอบในเรื่องก็เป็นอีกจุดเด่นเช่นกัน ก็เรียกได้ว่าน่าจะหยิบเพลงมาจากเวอร์ชั่นละครเวทีมาใช้ทั้งหมดเลย มีเพลงเด่นๆ เนื้อหาดีแทรกอยู่หนังเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “Don’t Even Know It”, “This Was Me”, “Wall in My Head”, หรือ “He’s My Boy” ซึ่งเพลงได้เข้ามาทำหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์ในหนังได้ดี ทำให้ประเด็นที่ค่อนข้างหนักหน่วงในหนัง ดูไม่ดราม่าบีบคั้นมากจนเกินไป เพราะใช้ความสดใสจากทำนองเพลงมาช่วย
งานโปรดักชั่นดีไซน์ต่างๆ ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจเช่นกัน ไม่ว่าจะออกแบบฉากต่างๆ คงความสไตล์อังกฤษ โดยเฉพาะฉากมุมต่างๆ ของเมือง Sheffield ใช้โลเคชั่นออกมาได้น่าสนใจ ขณะที่องค์ประกอบงานออกแบบในช่วงร้องเล่นมิวสิคัลก็ใช้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับงานถ่ายมิวสิควิดีโออะไรทำนองนั้น เพราะจัดแสงและใช้โทนสีที่เด่นชัดและจัดจ้านพอดู
ทางด้านการแสดงก็ถือว่า…เกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้เช่นกัน “แม็กซ์ ฮาร์วู้ด” กับผลงานเดบิวต์การแสดงเรื่องแรก ที่ทำออกมาก็ไม่ธรรมดาแล้ว เขาสามารถแบกรับหน้าทั้งเรื่องเอาไว้ได้อยู่หมัด ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณบทหนังที่ส่งเสริมตัวละครที่เขาได้รับเอาไว้เป็นอย่างดี แม้จะยังไม่ใช่การแสดงที่เพอร์เฟคเต็มที่ แต่ก็ถือว่าสื่อสารออกมาได้น่าพอใจ และมองเห็นแววของหนุ่มคนนี้ได้แต่ไกลๆ ส่วนรุ่นใหญ่ “ซาราห์ แลนแกชีร์” มาในบทแม่ที่ทำได้ดีเช่นกัน ทั้งการสื่อสารและอารมณ์ที่เข้าถึงตัวละครเป็นอย่างดี
แต่ที่เซอร์ไพรส์สุดๆ และอยากจะปรบมือให้ก็คือ “ริชาร์ด อี. แกรนท์” ที่ต้องร้องโอ้โห้…ให้กับอินเนอร์ที่เขาทำการบ้านมา แม้ว่าการรับบทเป็นเกย์รุ่นใหญ่ของเขาจะไม่ได้ดีเลิศที่สุดอะไร แต่ประทับใจมากๆ เมื่อองค์แม่แดร็กควีนลงแล้ว นักแสดงหนุ่มรุ่นใหญ่ผู้นี้สามารถเข้าถึงบทได้อย่างจัดจ้าน และจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่สำคัญมากๆ ในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว Everybody’s Talking About Jamie เป็นหนังดราม่ามิวสิคัลที่ผิดคาดอยู่เบาๆ เพราะไม่ได้คาดหวังจะให้ผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ แต่กลายเป็นว่าหนังออกมาดีกว่าที่คิดไว้ ท่ามกลางความเฉิ่มในตัวหนังและความคลีเช่ที่ปะปนอยู่ในหนังที่เราแทบจะเคยเห็นอยู่ในหนังเกย์วัยรุ่นยุคนี้แทบจะหมดแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าประเด็นของหนังค่อนข้างแข็งแรง แม้บทจะเชย คำพูดจะเลี่ยน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า…ทั้งหมดทำให้คนดูรู้สึก…ต๊าช! หรือ ประทับใจอยู่ไม่น้อยเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Everybody’s Talking About Jamie
- ประเภท: ดราม่า / มิวสิคัล
- ผู้กำกับ: โจนาธาน บัตเตอเรลล์
- นำแสดงโดย: แม็กซ์ ฮาร์วู้ด, ซาราห์ แลนแกชีร์, ริชาร์ด อี. แกรนท์
- ความยาว: 115 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 17 กันยายน 2021 (ที่ Amazon Prime)
Movie.TrueID METRIC: Everybody’s Talking About Jamie
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - เพลงประกอบ
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10)