Antman ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องไซส์ใหญ่ เป็นอีกครั้งที่มาร์เวลกล้าที่จะเข็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวใหม่โดยที่เอาซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นที่รู้จักน้อย หรือไม่เป็นทีนิยมมาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าค่ายนี้มองขาดในการสร้างซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่จริงๆ ซึ่ง Antman ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่แก้เกมให้แฟนๆหนังค่ายนี้สนุกขึ้นมายิ่งกว่า รวมดาวซูเปอร์ฮีโร่ภาคต่อที่เข้าฉายไปเมื่อเมษาที่ผ่านมาซะอีก ตัวเรื่องก็ดำเนินง่ายๆมีการปูพื้นตัวละครแต่ละตัวมาเรื่อยๆ ปนความดราม่าเล็กๆ ไม่ให้หนักเกินไป พร้อมทั้งขยายจักรวาล MCU (Marvel Cinematic Univers) ได้อย่างน่าสนใจจริงๆ ซึ่งสเกลหนังนั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย แต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของการดำเนินเรื่องและตัวละคร ที่เรียกได้ว่ามีความเป็นตัวของตัวเองชัดเจนแต่พอมารวมตัวกันมันช่างกลมกล่อมอะไรอย่างนี้ ตัวหนังเองกล้าที่จะใส่มุขตลกหน้าตายเข้ามาแบบไม่ยั้ง ซึ่งผลที่ได้ มุขนี้ยังขายได้อยู่จริงๆ ไม่เสียของแบบหนังการตูนสมุนตัวเหลืองจริงๆ และเป็นอีกเรื่องที่มีการโยงไปยังเหล่าอเวนเจอร์ด้วยนะครับ แถมทิ้งท้ายใน mid cradit และ end…
Category: รีวิวหนัง
Southpaw – สังเวียนเดือด
Southpaw (Antoine Fuqua / USA / 2015) นานทีจะมีหนังนักมวยมาให้ดู ถึงส่วนใหญ่หนังกีฬาฝั่งฮอลลีวูดจะเป็นหนังดราม่าหรือไม่ก็หนังชีวประวัติซึ่งร้อยทั้งร้อยก็เป็นแนวดราม่ารันทดอดสู้อีกนั่นแหละ หนังกีฬาอื่นๆ ก็หนีไม่พ้นแนวนี้เหมือนๆ กัน คือไม่ค่อยได้ถูกผลักดันให้สร้างเป็นแนวแอคชั่นเอามัน หรือออกแนวแฟนตาซีคอเมดี้ให้ชวนหัวและผ่อนคลายบ่อยนัก ต่างจากหนังฝั่งเอเชียที่พอจับกีฬามารวมกับแนวคอเมดี้แล้วจะเข้าท่ามากกว่า พอนึกเร็วๆ ในหัวก็มีหนังญี่ปุ่นอย่าง Sumo Do, Sumo Don’t (Masayuki Suo / 1992), Waterboys (Shinobu Yaguchi / 2001), Tug of War! (Nobuo Mizuta /…
American Sniper – อเมริกัน สไนเปอร์
American Sniper (Clint Eastwood / USA / 2014) หนังสงครามหลายเรื่องมักจะมีจุดร่วมคล้ายๆ กันที่ทำให้เกิดความซ้ำซากจำเจคือบรรยากาศฉากรบ ฝั่งแรกคือหนังที่ต้องการเอาความมันยิงถล่มกันตูมตามวิ่งหนีกันอุตลุดดูสนุกเหนือจริงจน และซัดความตื่นเต้นตกอกตกใจใส่เราได้ตลอดเวลา อีกฝั่งหนึ่งคือหนังสมจริงสมจังที่ต้องรายล้อมด้วยความรู้สึกกดดันและตึงเครียดทางอารมณ์ที่อันตรายรอบด้านจากลูกระเบิดและหัวกระสุนจนเกิดความหวาดระแวงถึงขั้นต้องมีสติกับเนื้อกับตัวและต้องนั่งติดเก้าอี้ผ่อนคลายความตื่นตกใจที่ค่อยๆ คืบคลานความรู้สึกของเราไว้ตลอดเวลา ซึ่งเรามักจะเห็นในหนังสงครามที่สร้างมาจากเรื่องจริง และแน่นอนว่า American Sniper ปักธงดาว 50 ดาวตั้งฐานที่มั่นอยู่ฝั่งแรก พอบรรยากาศที่ใกล้เคียงกันแล้วสิ่งที่สำคัญมากๆ คือการกำกับที่จะพาจังหวะของหนังเคลื่อนไหวไปในแนวทางไหนซึ่งปู่ Clint Eastwood ก็ทำให้เราเห็นว่าผู้กำกับวัยเก๋าฝีมือเซียนระดับรางวัลออสการ์ยังสามารถดึงมาตรฐานของตัวเองขึ้นมาจากงานหนังที่ดูดร็อปลงไปมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่มันก็ไม่ได้ดีโดดเด่นในระดับที่สมน้ำสมเนื้อกับผลงานมาสเตอร์พีสก่อนหน้านั้นหลายๆ เรื่องหรอก คือถ้ามองแค่ภาพที่เห็นเพียงผิวเผินแล้วมันก็ไม่ค่อยต่างจากหนังสงครามทั่วไปในแง่ของการสร้างสรรค์ออกแบบวิธีการเล่าฉากต่าง ซึ่งก็เป็นไปตามบทบาทสถานการณ์และเรื่องราวตัวละครอย่างปกติ ไม่ได้โดดเด่นด้วยภาพหรือเครื่องมือทางภาพยนตร์อื่นเพื่อเน้นสื่อความหมาย แต่ก็แน่นอนว่ามันพกพาความสมจริงมาเต็มกระเป๋า…
Jupiter Ascending – ศึกดวงดาวพิฆาตสะท้านจักรวาล
“Jupiter Ascending ละครน้ำเน่าบ้านเราในคราบฮอลลีวูดเน้นแอคชั่นและ CG” จั่วหัวมาแบบนี้ไม่ใช่อะไร ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เพราะตัวหนังโดยรวมนั้นพยายามที่จะเล่นในประเด็นการเมือง การชิ่งมรดกของตระกูลระดับสูง ซึ่งผมสรุปคร่าวๆคือเหมือนเอาบทละครน้ำเน้าบ้านเราที่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบพี่น้องแย่งชิงสมบัติกันอะไรประมาณนั้น แล้วฉาบหน้าด้วย CG และ แอคชั่นระดับฮอลลีวูดประมาณนั้นเลยทีเดียว ช่วงแรกของเรื่องเปิดมาได้ดี มีการสร้างปมละประเด็นทำให้น่าสนใจฉากไล่ล่าในชิคาโก้เป็นอะไรที่แปลกใหม่ใช้ได้ หนังเริ่มไต่ระดับความน่าติดตามไปเรื่อยๆ จนตัวละครเริ่มออกไปอวกาศ มันเป็นมหกรรมความน่าเบื่ออย่างร้ายกาจ ถึงขั้นคนข้างๆผมหลับใส่เลยทีเดียว แล้วจะมีพีคอีกทีตอนครึ่งชั่วโมงสุดท้าย โดยรวมตัวหนังเด่นในด้าน CG และแอคชั่นที่แอดมินคิดว่า ทีมงานคงใส่ใจในรายละเอียดนี้่เยอะมากเกินกว่าบทภาพยนตร์ไปหน่อย ผลที่ได้บทภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่ซ้ำซากไม่มีอะไรใหม่ได้เลย ยังดีที่มีแอคชั่นและ CG มาช่วยโอบอุ้มหนังทั้งหมดไว้ยังพอดูไถไปได้บ้างด้านตัวหนังโดยรวมแอดมินให้ 7/10 (คะแนนยังสูงอยู่เพราะส่วนตัวถึงผมจะบ่นมากเพราะคาดหวังมาก แต่โดยรวมคือก็ชอบนะคะแนนเลยสูง) ด้านภาพ 3D เรื่องนี้เนื่องจากแอดมินดูในระบบ…
Saint Laurent – แฟชั่นเขย่าโลก
ภาพยนตร์ “ Saint Laurent “ ( แซงค์ โรลองค์ ) เข้าฉายในสายประกวดหลักชิงรางวัล ปาล์มทองคำ ของเทศกาลาพยนตร์เมืองคานส์ 2014 ผลงานการกำกับของ เบอร์ตรอง โบเนลโล ที่ได้ กัสปาร์ อุลลิแอล นักแสดงมากฝีมือหล่อเซอร์ ชาวฝรั่งเศส มารับบท แซงต์ โลรองต์ อัจฉริยะผู้เป็นดั่งศาสดาของวงการแฟชั่น เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ถูกห้อมล้อมด้วยความรักจากแม่และพี่สาวของเขามาตั้งแต่เด็ก พออายุได้ 17 ปี…
Horns – คนมีเขา เงามัจจุราช
Horns (Alexandre Aja / USA, Canada / 2013 / B-) E+15 for Enjoy สนุกดีนะ ชอบที่มันสนุกดี แล้วเรื่องก็น่าสนใจดี แต่บทกับกำกับมันทื่อตรงไปหน่อย จริงๆมันก็บ้าดีแต่มันบ้าไม่สุดเหมือนยังห่วงอยู่ว่าความดราม่าจริงจังมิตรภาพความรักโรแมนติกมันจะเตลิดเปิดเปิงไปเป็นอย่างอื่น ยังคุมให้มันเป็นหนังสืบสวนสอบสวนลุคเฉียบๆ อยู่ทั้งที่มันพร้อมที่จะเวียร์ดจะคัลท์จะอิสระได้กว่านี้มาก แต่ Daniel Radcliff ก็โอเคดีนะ เป็นตัวละครน่าสมน้ำหน้าและน่าเห็นใจไปพร้อมๆ กันได้ดี แล้วก็ชอบ Juno Temple มากๆ เหมาะสำหรับการเป็นเหยื่อมากๆ รู้สึกว่าทั้งตัวละครกับตัวแสดงมันส่งเสริมกันได้มีมิติดี…
Young Ones – เมืองเดือด วัยระอุ
Young Ones (Jake Paltrow / USA / 2014) เสียดายมากๆ ที่การกำกับตัดต่อรวมถึงบทเล็กน้อยบ้างแผลใหญ่บ้างที่พอมารวมกันแล้วมันส่งหนังไปไม่สุด มันสะดุดแล้วก็ลุกอยู่อย่างนั้นอยู่นานเหมือนกัน เดี๋ยวดีบ้างเดี๋ยวเห่ยบ้าง ทั้งที่พล็อตมันเป็นทริลเลอร์สนุกๆได้และมีเรื่องมีราวสะเทือนเลือนลั่นได้เหมือนกัน เซ็ตอัพคนกลุ่มหนึ่งขาดแคลนน้ำพื้นที่แห้งแล้งราวกับทะเลทรายขณะที่อีกฟากหนึ่งของโลกไซไฟมันน่าสนใจดีแล้วเราก็ชอบที่หนังมันเล่าไซไฟแบบเบาๆ บางๆ มากๆ แต่รู้สึกว่ามันเป็นโลกเดียวกันและสำคัญต่อกัน ที่สำคัญคือความไม่หวือหวาของโลกไซไฟทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นโลกอนาคตที่เป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้ ก็เลยอินกับโลกไซไฟของมันเป็นพิเศษ แล้วถึงมันจะไม่ได้ออกหมัดแม่นถึงขั้นกระแทกสะเทือนทั้งๆ ที่มันทำได้ดีมากกว่านี้ แต่ก็ยังชอบมากอยู่ดี ปล.1นั่งข้างๆ ผู้หญิงคนหนึ่งสงสัยจะแฟนคลับ Nicholas Hoult ที่โผล่ออกมาช็อตแรกปุ๊บนี่สัมผัสได้ถึงรังสีติ่งเลย นั่งนิ่งตาจ้องจอเยิ้มย้อย แล้วมันตลกมากตรงที่พอถึงจุดเปลี่ยนตัวละครดูท่าทางเค้าจะเหวอๆ แล้วช็อตสุดท้ายนี่แกสะดุ้งอึ้งแดกเลยทีเดียว เราสะดุ้งตามแต่ก็แอบขำอยู่ในใจ…ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ปล.2บ่น…วันพุธทั้งวันไม่ว่างแล้วเลือกดูได้แค่เรื่องเดียว..คิดผิดที่เลือกดู Young Ones ที่ตอนนี้ยังตามไปดูได้ที่…
ฟินสุโค่ย – Fin Sugoi
ฟินสุโค่ย (ธัญวาริณ สุขะพิศิษฐ์ / Thailand / 2014 / A-) E+20 for Enjoy เสียดายที่ดูคล้ายว่า ‘ฟินสุโค่ย’ จะประสบปัญหาคล้ายๆ กันกับ ‘ตุ๊กแกรักแป้งมาก’ ในเรื่องความเข้าใจหน้าหนังผิดๆ ไปของคนที่จะตัดสินใจตีตั๋วมาดู ด้วยโปสเตอร์และชื่อหนังหนังเรื่องนี้ที่ชวนสยิวให้ตัดสินว่าเป็นหนังเรทเฉพาะกลุ่มของผู้ใหญ่ ซึ่งถึงแม้จะดึงผู้ชมกลุ่มดังกล่าวมาดูได้บ้างแต่ความฟินในความปรารถนามันคนละอย่างกัน เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ขายเซ็กส์หรือทรวดทรงปทุมถันแต่อย่างใด เป็นหนังที่ดูไหลลื่นที่สุดของ ธัญวาริน สุขะพิศิษฐ์ โดยเฉพาะเมื่อมองในฝั่งหนังกระแสหลักแล้วมันลงตัวกว่า ‘ฮักนะสารคาม’ กับ ‘เธอเขาเราผี’ อยู่มากทั้งจังหวะการดำเนินเรื่องและประเด็นที่ทั้งบทหนัง มุมมองการกำกับ และนักแสดงล้วนแล้วแต่เสริมส่งกันและกันได้ดี…
Automata – ล่าจักรกล ยึดอนาคต
วิวัฒนาการที่มนุษย์หวั่นเกรง [No Spoil] หากหนังหุ่นไซบอกที่มีวิทยาการเลิศล้ำจากฟากฮอลลีวู้ดไม่ทำให้รู้สึกแปลกใหม่ประทับใจมากขึ้นแต่อย่างใด ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเสพภาพยนตร์ไซไฟสัญชาติสเปนดูกันบ้าง แน่นอนว่ารสชาติหนังสเปนไม่เคยทำให้ผิดหวัง และยังได้ความรู้สึกใหม่ๆจากหนังไซไฟที่หาการตีความแบบนี้ไม่ได้จากฟากอเมริกัน ออโตมาต้าเป็นภาพยนตร์ที่มีคอนเซปต์และแก่นเรื่องชัดเจน สารในภาพยนตร์กล่าวถึงแนวคิดของวิวัฒนาการโดยธรรมชาติ หลักใหญ่กล่าวถึงการวิวัฒนาการยุคต่อไปหลังจากนี้ ซึ่งแน่นอนในหนังเรื่องนี้สิ่งที่มีวิวัฒนาการต่อไปไม่ใช่มนุษย์แต่กลับเป็นหุ่นไซบอกที่มีสมอง การเรียนรู้ และความคิดที่ซับซ้อนกว่ามนุษย์หลายสิบเท่า ซึ่งแน่นอนว่ามีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นได้และมนุษย์ที่มีพัฒนาการด้อยกว่าจะไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ครองโลกอีกต่อไป แนวคิดอันล้ำลึกมาพร้อมการแทนค่าสัญลักษณ์ต่างๆในภาพยนตร์มากมาย ที่ผู้กำกับเลือกใส่ไว้ทำให้ตัวหนังมีน้ำหนักมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเต่าทะเล ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งการวิวัฒนาการตามทฤษฎีของ ชาร์ล ดาวิน หรือเขตกัมตรังสีสูงที่ทำให้มนุษย์ไม่สามารถอยู่ได้และจำกัดพื้นที่การอยู่อาศัยของมนุษย์ให้น้อยลง ต่างจากหุ่นยนต์ที่สามารถอยู่ได้ทุกสภาวะในโลก(หลังจากธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไป) ซึ่งผู้กำกับได้ใส่ความหมายนี้ลงไปด้วยแมลงสาบที่อยู่ทนได้ทุกสภาวะและเอาชีวิตรอดมาได้ทุกยุคสมัย นอกเหนือจากนี้ฉากการโหนสลิงข้ามไปยังอีกฝั่งของหน้าผาก็ยังสื่อไปถึงการก้าวข้ามผ่านวิวัฒนาการที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ด้วยการแทนค่าสัญลักษณ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีความประณีตในเชิงตกตะกอนความคิด และแจกแจงคอนเซปต์และแก่นสารได้อย่างชัดเจนและมีน้ำหนักมากทีเดียว “ห้ามทำร้ายมนุษย์และห้ามปรับปรุงตัวเอง” มันคือกฏเหล็กสองข้อที่วิศวกรคอมพิวเตอร์มนุษย์ผู้ออกแบบหุ่นออโตมาต้าได้ลงข้อมูลเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว และเพื่อปกป้องสายพันธุ์มนุษย์ผู้เป็นใหญ่ที่ครอบครองผืนโลกเอาไว้สายพันธุ์เดียว ด้วยเกรงว่าเหล่าออโตมาต้าหรือไซบอกที่ถูกออกแบบเอาไว้ใช้งานต่างๆตั้งแต่แม่บ้านจนถึงงานกรรมกรในอุตสาหกรรมก่อสร้างจะมีพัฒนาการและเรียนรู้ที่จะปรับปรุงระบบของตัวเองจนมนุษย์ไม่สามารถควบคุมอยู่ได้ …
Haider
Haider (Vishal Bhardwaj / India / 2014) ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ดูหนังอินเดียในโรง ตั๋ว 250 บาท ใช้บัตร M gen ก็ไม่ลด ตอนแรกคิดไปก่อนแล้วว่าจะคุ้มตังค์ป่าววะ 3D ก็ไม่ใช่ แต่หนังมันยาวตั้ง 2.40 ชม. ก็ต้องคุ้มบ้างแหละ…แล้วมันก็คุ้มตังค์ที่เสียไปจริงๆ ในโรงวันนั้นมีแต่คนอินเดียประมาณ 20 กว่าคนได้ และเท่าที่เห็นมีคนไทยอยู่ 2 คือเรากับน้องผู้หญิงในชุดนักศึกษาอีก 1 ด้วยความที่เคยดูหนังอินเดียท่ามกลางคนดูชาวอินเดียครั้งแรกก็เกิดคำถามในหัวมากมายกับวัฒนธรรมการดูหนังซึ่งอาจเป็นเฉพาะคนกลุ่มนี้ คือคุยกันแทบจะตลอดเวลา เป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ฟังไม่รู้เรื่อง…