Innerspace (1987) มุดมิติบุกโลก

หนังผจญภัย+ไซไฟ+เบาสมองที่ Steven Spielberg อำนวยการสร้างครับ (ยุค 80 ตอนชื่อเขากำลังดังนั้นเขาอำนวยการสร้างหนังไว้เพียบ ส่วนมากก็จะเป็นแนวผจญภัยหรือไม่ก็ไซไฟครับ) เรื่องของทัค (Dennis Quaid) นักบินกองทัพที่ชอบทำตัวสำมะเลเทเมาไปเรื่อย ทีนี้อยู่มาวันหนึ่งเขาได้รับงานสำคัญครับ นั่นคือไปนั่งบังคับขับยานย่อส่วนที่เหล่านักวิทยาศาสตร์กำลังทำการทดลอง ตามกำหนดการเดิมนั้นยานของทัคจะถูกฉีดเข้าไปในกระต่าย แล้วทีมงานก็จะคอยทดลองและติดตามผล แต่แล้วกลับเกิดเหตุไม่คาดคิดเมื่อมีคนบุกมาหมายจะขโมยงานชิ้นนี้ไป ทำให้นักวิทยาศาสตร์เจ้าของงานต้องรีบหนีพร้อมพาเอายานที่ทัคขับ (ที่ถูกบรรจุในเข็มฉีดยา) หนีไปด้วย แล้วเมื่อโดนล่าแบบจวนตัวเขาก็ตัดสินใจฉีดยานของนิคเข้าไปในร้างของแจ็ค พัตเตอร์ (Martin Short) พนักงานซูเปอร์มาร์เก็ตจอมวิตกจริต แล้วจับพลัดจับผลูทัคกับแจ็คก็ต้องช่วยกันหาทางเอาตัวรอดและรับมือกับวายร้ายที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ก็เป็นหนังแนวผจญภัยไซไฟที่ดูได้เพลินๆ แบบยุค 80 น่ะครับ ถ้าถามว่าสนุกโคตรๆ ไหม…

A Simple Favor (2018) เพื่อนหาย อย่าหา

เป็นหนังตลกร้ายซ่อนเงื่อนที่มันส์ใช้ได้เรื่องหนึ่งเลยครับ โดยส่วนตัวผมออกจะชอบมากพอสมควรเพราะรสชาติมันถูกปาก จังหวะการเดินเรื่องมันเร็วและมีความเจ็บแสบแทรกซึมอยู่ในเนื้อหา อีกทั้ง 2 ดารานำก็เล่นได้ลื่นมากจนน่าปรบมือเลยล่ะ เรื่องของสเตฟานนี่ (Anna Kendrick) คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่จู่ๆ ก็ได้ผูกมิตรกับเอมิลี่ (Blake Lively) สาวหรูดูเลิศเปี่ยมสไตล์และรวยมาก ทั้งคู่ดูไม่น่าจะไปกันได้เพราะมีความต่างกันหลายอย่าง แต่กระนั้นพวกเธอก็ยังไปมาหาสู่กันอยู่หลายหน แต่แล้ววันหนึ่งเอมิลี่ก็หายตัวไปครับ สเตฟานนี่ก็เลยพยายามตามหา โดยที่เธอไม่รู้เลยครับว่านั่นน่ะคือจุดเริ่มแห่งความวุ่นวายหายนะขนานใหญ่สำหรับเธอ หนังดูเพลินมากครับ คือจริงๆ หนังมันมีความเป็นแนวระทึกขวัญผสมลึกลับนะ แต่โทนเรื่องมันออกมาในแนวตลกร้ายเจ็บแสบ จุดแรกที่ผมชอบเลยก็คือการเดินเรื่องแบบนี้นี่แหละครับ มันออกรสมากๆ เหมือนหนังเดินเรื่องไปแล้วก็มีเครื่องปรุงเครื่องเคียงเรียงใส่มาให้เราเพลินตลอด ไม่ว่าจะ Soundtrack เจ๋งๆ ส่วนใหญ่ในเรื่องนี้จะใช้เพลงฝรั่งเศสยุค…

Beverly Hills Vamp (1989) ผีดิบสยองกัดสยิว

ภาพยนตร์แนวสยองขวัญผสมฮาครับ เรื่องของ 3 หนุ่มที่เดินทางไปฮอลลีวู้ด กะจะแจ้งเกิดด้วยการทำหนังสักเรื่อง แล้วอยู่มาคืนหนึ่งพวกเขาก็แก้เบื่อด้วยการท่องราตรีตามด้วยการเที่ยวผู้หญิง แต่ปัญหาคือ ผู้หญิงที่พวกเขาไปเที่ยวนั้นล้วนเป็นแวมไพร์ที่จ้องจะกินเลือดพวกเขานี่น่ะซี อีแบบนี้พวกเขาจะรอดไหมเนี่ย เป็นหนังฮาเกรดบี (หรืออาจจะต่ำกว่าบี) ที่กำกับโดย Fred Olen Ray ผู้กำกับที่มีผลงานเกรดบีทำออกมาเป็นร้อยเรื่อง กับเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากเรื่องอื่นๆ ของเขาครับ คือหนังดูทุนไม่สูงนัก การเดินเรื่องก็ไม่เน้นเนื้อหา แต่เน้นความต๊องของตัวละคร แล้วก็เน้นความสวยเซ็กซี่ของเหล่าแวมไพร์สาวเป็นหลักครับ ว่าคือๆ คือนี่เป็นหนังดูฆ่าเวลาขนานแท้ พูดตรงๆ เลยคือหากใครอยากดูหนังที่เป็นเรื่องเป็นราวก็ควรข้ามเรื่องนี้ไปครับ 555 เพราะแม้หนังจะเป็นแนวฮา แต่มันก็ไม่ได้ตลกจนห้ามพลาดขนาดนั้น แต่ที่ออกจะน่าจดจำหน่อยคือลีลาเนิร์ดๆ ฮาๆ ของ Eddie…

Hercules in New York (1970) คนเหล็กเฮอร์คิวลิส

นี่คือหนังเรื่องแรกในชีวิตการแสดงของพี่บึ้ก Arnold Schwarzenegger ครับ แล้วมันก็เป็นผลงานที่พี่เขาก็คงอยากจะลืมไม่น้อยทีเดียว พี่บึ้ก Arnold รับบทเป็นเฮอร์คิวลีสครับ เปิดเรื่องมาก็เป็นเหตุการณ์บทยอดเขาโอลิมปัส (ที่ให้ความรู้สึกเหมือนสวนสาธารณะสักแห่งมากกว่า 555) โดยเฮอร์คิวลีสของเรารู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตแบบเทพเป็นอย่างมาก เขาเลยตัดสินใจเดินทางไปนิวยอร์กเพื่อหาความแปลกใหม่ แล้วไปๆ มาๆ ด้วยความล่ำบึ้กของเขาก็เลยทำให้เขาได้เข้าวงการนักเพาะกายครับ และนั่นก็นำเขาไปสู่การผจญภัยต่อสู้กับพวกคนโกงกลางมหานครนิวยอร์กแห่งนั้น โอเคครับ นี่คือหนังตลก และผมก็รู้สึกว่ามันตลกจริงๆ ครับ แต่คงไม่ใช่แบบที่หนังอยากให้เป็น กล่าวคือผมไม่ได้รู้สึกสนุกกับหนังหรือตลกไปกับมุกในหนัง ทว่าผมรู้สึกตลกกับสิ่งที่หนังเป็น รู้สึกตลกกับพล็อตที่แสนจะโล่งโถง และตลกไปกับความต๊องของหนังตั้งแต่ต้นจนจบ หลายอย่างในหนังมันดูโล่งจริงๆ ครับ คือรู้สึกเลยน่ะว่าหนังถ่ายทำแบบง่ายๆ ไม่ได้พิถีพิถันอะไร การแสดงก็ไม่เนียน ฉากต่างๆ ก็ดูไม่เนียน…

The Visitors (1988) ท้าสู้ผีนรก

หนังสยองขวัญแนวบ้านผีสิงจากประเทศสวีเดนครับ แฟรงค์ (Kjell Bergqvist) และซาร่า (Lena Endre) คู่สามีภรรยากับลูกอีก 2 คนย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่ชนบทครับ แล้วทีนี้พออยู่ไปแฟรงค์ก็ชักจะรู้สึกแปลกๆ เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ ซึ่งก็แน่นอนว่าที่นี่มีสิ่งชั่วร้ายสิงสู่อยู่ และเมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ออกฤทธิ์ทำร้ายคนในบ้าน ดูแล้วก็นึกถึง The Amityville Horror บวกกับ Poltergeist มาทางเดียวกันเลย ตอนแรกเปิดมาบ้านก็ดูปกติดี แต่พอเริ่มมีเรื่องแปลกๆ ความน่ากลัวก็เริ่มถูกเสิร์ฟขึ้นจอ แล้วพอถึงไคลแม็กซ์เหล่าคนในบ้านก็ต้องพยายามหาทางหนีออกมาให้ได้ก่อนจะสายเกินไป ตัวหนังออกแนวเรื่อยๆ ครับ ว่าตามจริงก็คือ The Amityville Horror กับ Poltergeist จะสนุกและน่าติดตามกว่า แต่ถ้าดูแบบไม่คิดมากก็จัดว่าไม่เลวสำหรับหนังแนวบ้านผีสิงแบบนี้ครับ ใกล้ๆ สองดาวครับ (5.5/10)

Max (2015) แม็กซ์ สี่ขาผู้กล้าหาญ

Max อีกหนึ่งหนังที่ขอแนะนำสำหรับคนที่คนรักสุนัขครับ “แม็กซ์” คือสุนัขทหารผู้แสนซื่อสัตย์ที่คอยดูแลนายของมันอย่างสุดกำลัง แต่หลังจากเกิดเหตุความสูญเสียทำให้แม็กซ์ก็ถูกส่งกลับมายังอเมริกา และตามกฎแล้วมันต้องถูกปลดระวาง (ด้วยการปลิดชีวิต เพราะสุนัขที่ได้รับการฝึกเพื่อรบถือเป็นสุนัขที่สามารถก่ออันตรายได้ โดยเฉพาะในกรณีที่เจ้านายไม่ได้อยู่ดูแลมันอีกต่อไป) แต่ยังดีครับที่ครอบครัวของเจ้านายมันเลือกอุปการะมันแทน และผู้ดูแลคนใหม่ก็คือจัสติน (Josh Wiggins) น้องชายของ ไคล์ (Robbie Amell) นายเก่าของแม็กซ์ ซึ่งแม็กซ์ก็เชื่องกับจัสตินประหนึ่งกับมันรู้ว่าเขาคือน้องชายร่วมสายเลือดของเจ้านายที่มันเคารพ นี่คือหนังว่าด้วยสุนัขแสนซื่อสัตย์ แต่ต้องบอกก่อนว่าอารมณ์ของหนังไม่เชิงบันเทิงนัก มันไม่ใช่หนังตลกเบาสมองสำหรับครอบครัว เพราะพล็อตรองว่าด้วยการที่เจ้าแม็กซ์ยังคงทรมานกับการจากไปของนาย อีกทั้งมันยังไม่ไว้ใจไทเลอร์ (Luke Kleintank) เพื่อนของไคล์ที่ดูจะมีลับลมคมในยังไงก็ไม่รู้ ซึ่งพล็อตรองที่ว่านี่ก็นำมาสู่เรื่องคอขาดบาดตายเหมือนกันครับ ผมมองว่าหนังดูได้เรื่อยๆ ไม่ผิดหวัง…

Paddington (2014) แพดดิงตัน คุณหมี หนีป่ามาป่วนเมือง

Paddington จัดเป็นหนังน่ารักดูสนุกทีเดียวครับ เรียกว่าใครชอบ Stuart Little ล่ะก็ ต้องดูเรื่องนี้ให้ได้เลยล่ะครับ ความน่ารักน่าติดตามถือว่าไม่น้อยหน้ากว่ากันจริงๆ เรื่องน่ารักๆ ของเจ้าหมีแพดดิงตันที่ต้องย้ายมาอยู่ลอนดอน หลังบ้านของตนโดนพายุทำลายไป แล้วเขาก็ได้พบกับครอบครัวบราวน์ที่สถานีรถไฟ ด้วยความน่าเอ็นดูของเขาทำให้ แมรี่ (Sally Hawkins) ยอมให้เขาไปอยู่ด้วยชั่วคราว (แม้ว่าหัวหน้าครอบครัวอย่าง เฮนรี่ (Hugh Bonneville) จะไม่เต็มใจนักก็ตามที) หนังก็เล่าถึงความวุ่นความเปิ่นที่แพดดิงตันก่อขึ้นระหว่างอยู่กับครอบครัวบราวน์ แล้วก็ยังมีปมว่าด้วยการตามหานักสำรวจคนหนึ่งที่เคยไปเจอลุงกับป้าของแพดดิงตันเมื่อหลายสิบปีก่อนด้วย หนังดูเพลินกว่าที่คิดครับ ตอนแรกก็คิดว่าคงงั้นๆ ล่ะ ไม่น่าจะมีอะไรมากมาย ครั้นพอดูแล้วมันสนุกครับ แม้พล็อตจะไม่ใหม่…

100 Feet (2008) 100 ฟุต เขตผีกระชากวิญญาณ

มาร์นีย์ วัตสัน (Famke Janssen) โดนสามี (Michael Paré) ทารุณกรรมจนในที่สุดเธอก็ฆ่าเขาตายและเธอก็ถูกตัดสินให้รับโทษโดยการจองจำเธอไว้ในบ้านของเธอเอง (บ้านหลังที่เธอฆ่าสามีนั่นแหละ) และห้ามเธอออกไปไหนจนกว่าจะพ้นกำหนดโทษ แต่ปัญหาคือ ยิ่งเธออยู่ในบ้านนั้นนานเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าบ้านหลังนี้มีอะไรแปลกๆ… มันเหมือนกับว่าสามีที่ตายไป ยังอยู่ที่นั่นอย่างนั้นแหละ! ก็เป็นหนังระทึกผสมสยองแนวเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับบ้านหลอนๆ ที่มีคนทำออกมาเป็นระยะๆ ครับ กับเรื่องนี้ก็ถือว่าไม่เลว ดูได้เรื่อยๆ การแสดงของ Janssen นั้นไว้ใจได้อยู่แล้วครับ ในเรื่องเธอยังดูสวย มีเสน่ห์ และดูน่าสงสารไม่น้อยที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ ถูกสามีทรมานตอนยังอยู่แล้วยังต้องมาโดนทรมานอีกรอบตอนเขาตายไปแล้ว ดูไปก็น่าเอาใจช่วยให้เธอรอดพ้นจากเรื่องพวกนี้ไปเสียทีเหมือนกัน และขณะเดียวกันเธอก็ดูแกร่งในระดับหนึ่ง (ในระดับที่พอจะรับมือกับเรื่องแบบนี้ได้) ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ก็นึกถึงไป Drag Me…

Stillwater

Stillwater มาถึงหนังดราม่าที่มีเนื้อหาหนักแน่นน่าสนใจไม่เบากับภารกิจสู้เพื่อลูกของคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ดั้นด้นพยายามสืบหาข้อเท็จจริง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของลูกสาวที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำต่างประเทศ นี่คือประเด็นที่มาของหนังที่ชื่อว่า “Stillwater” หนังที่เคยเปิดตัวในเทศกาลหนังเมืองคานส์ แต่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ย่อยง่าย ที่อาจจะง่ายไปหน่อย จนทำให้ตัวหนังแทบจะไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักจุด Stillwater เล่าเรื่องราวของ บิล หนุ่มที่ยังคงมองหางานทำเป็นหลักแหล่ง เขาเดินทางออกจากบ้านเกิดในเมืองสติลวอเตอร์ รัฐโอคลาโฮมา เพื่อไปเยี่ยมลูกสาวที่ต้องโทษจำคุกอยู่ในเมืองมาร์เซย ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เนื่องจากต้องเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมเพื่อนระหว่างไปเรียนต่อ และการไปหาลูกในครั้งนี้เธอได้พยายามขอให้มีการรื้อคดีขึ้นใหม่ แต่ในเมืองทางการไม่ยื่นมือช่วยเหลือ ผู้เป็นพ่อที่ไม่เคยทำอะไรได้ดีในสายตาลูก จึงได้ตัดสินใจลุกขึ้นออกสืบเสาะหาข้อเท็จจริงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ท่ามกลางกำแพงภาษาและอันตรายจากต่างถิ่นที่เขาต้องเผชิญ นี่คือผลงานการกำกับและเขียนบทของผู้กำกับ “ทอม แม็คคาร์ธีย์” จากหนังรางวัลออสการ์อย่าง ‘Spotlight’ โดยเขาได้ร่วมเขียนบทหนังร่วมกับ “มาร์คัส ฮินเชย์” (จาก All Good Things) ที่คงต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า…

Drive My Car สุดทางรัก

Drive My Car สุดทางรัก มาถึงหนึ่งในหนังที่ผู้เขียนเฝ้ารอคอยที่อยากจะตีตั๋วเข้าไปพิสูจน์ด้วยตาของตัวเองที่สุดในปีนี้อีกเรื่อง กับหนังดราม่าจัดๆ จากญี่ปุ่นที่ภาพฉาบหน้าดูยังไม่เท่าไหร่ แต่พอได้ซึบซาบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับเนื้อหนังแล้ว…กลายเป็นอารมณ์กัดกินใจลึกเข้าไปเรื่อยๆ นี่คือ “Drive My Car สุดทางรัก” หนังที่ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2022 จากประเทศญี่ปุ่น และยังคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2021 มาได้ด้วย และวันนี้เราได้ทราบแล้วว่า…ทำไมหนังถึงได้รับโอกาสยิ่งใหญ่ครั้งนี้ Drive My Car เป็นเรื่องราวของ ยูซูเกะ ฮาฟูกุ นักแสดงและผู้กำกับละครเวทีหนุ่มใหญ่ ที่มีชีวิตแต่งงานแสนสุขกับ โอโตะ นักเขียนบทสาว แต่แล้ววันหนึ่งโอโตะได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ทิ้งไว้เพียงความลับและบาดแผล…