มาถึงคิวกับโปรเจกต์หนังที่ถือว่าเป็นซูเปอร์ฮีโร่เรื่องแรกของอาชีพนักแสดงของ “เดอะร็อก” ซุปตาร์แถวหน้าของฮอลลิวูด ที่เขาภาคภูมิใจกับบทนี้สุด ๆ เขามาในคราบแอนตี้ฮีโร่ “Black Adam” ที่เป็นการสานต่อเส้นเรื่องจักรวาลหนังดีซีอีกครั้ง กับเนื้อหาที่เข้มข้นและปูทางเอาไว้สู่อนาคตใหม่ ๆ ของค่ายนี้ เพียงแต่ว่ามันจะยังสามารถต่อเติมความหวังครั้งใหม่ให้กับค่ายหนังซูเปอร์ฮีโร่แห่งนี้ได้อยู่หรือไม่?
Black Adam เป็นเรื่องราวการแนะนำให้โลกได้รู้จักกับแอนตี้ฮีโร่คนใหม่ ที่เกือบ 5,000 ปีแล้วที่ เขาได้รับสุดยอดพลังจากเทพเจ้าโบราณแล้วถูกคุมขังตัวเอาไว้ทันที และในที่สุดบัดนี้ แบล็ค อดัม ได้ถูกปลดปล่อยจากสุสานของเขา หลังจากจองจำมาอย่างยาวนาน แล้วพร้อมที่จะระเบิดมหาอำนาจแห่งความยุติธรรมของตนบนโลกมนุษย์ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง แต่เขากลับพบว่ามีอยู่อย่างเดียวที่ยังไม่เปลี่ยนไป
นี่เป็นเหมือนโครงการหนังในฝันของเดอะร็อกเลยก็ว่าได้ เพราะในเรื่องนี้ที่พยายามปลุกปั้นและเข็นขึ้นมาให้กลายความเป็นจริง ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นทศวรรษทีเดียว และเดอะร็อกเองก็มีส่วนร่วมในหลาย ๆ องค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ ที่มันก็สัมผัสได้และแสดงออกมาเป็นภาพที่ได้เห็นอยู่ใน 2 ชั่วโมงเต็มของหนังฮีโร่เรื่องนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐานของหนังดีซีก็ยังคงจอดอยู่ในบรรทัดฐานเกือบจะเท่าเดิม เพราะหนังเรื่องนี้นั้นยังไม่ได้ให้ความแตกต่างอะไรได้มากเท่าไหร่
ด้วยความที่ครั้งนี้ เดอะร็อก ได้กลับมาทำงานร่วมกับผู้กำกับ “เจาเม โกเยต-เซร์ร่า” ที่พวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จากหนังเรื่องที่แล้วอย่าง “Jungle Cruise” นี่ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งจุดดีที่ทำให้ความเข้าขาของผู้กำกับกับนักแสดงไม่มีปัญหาอะไร มันสามารถลื่นไหลไปได้ด้วยตัวของมันเองกับความสัมพันธ์อันดี ไม่ว่าผู้กำกับอยากได้อะไร นักแสดงอยากได้แบบนั้น ก็นำมาปรึกษาและคุยกันออกมาในแต่ละช็อต ๆ ที่เราจะเห็นถึงความเป็นตัวเองของผู้กำกับกับดารานำในหนังเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ
และไม่ใช่แค่เพียงเดอะร็อกเท่านั้น เจาเม โกเยต-เซร์ร่า ก็ยังหยิบจับสร้างหนังฮีโร่สเกลใหญ่ ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกในอาชีพสร้างหนังของเขาอีกด้วยเช่นกัน แต่ถือว่าเขาก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์เอาไว้ในตัวได้ดีในระดับหนึ่งแล้ว จากงานสร้างหนังแนวแอคชั่นทริลเลอร์ของ เลียม นีสัน หลายเรื่องเอาไว้ในทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ลีลาขึงขังเหล่านั้นก็ถูกหยิบเอามาใช้ประปรายอยู่ในเรื่อง ทำให้เป็นหนังดีซีที่เหมือนจะโทนไม่ได้หม่นที่สุด แต่ก็ไม่ได้เบาโหวงที่สุดเช่นกัน
เห็นรายชื่อทีมเขียนบทของ Black Adam ก็ต้องร้องอุทานเบา ๆ เพราะเรียกได้ว่าระดมทีมกันไม่น้อย คว้าตัวมาได้ถึง 5 คน ซึ่งเราก็ได้เห็นถึงองค์ประกอบและโครงสร้างที่พยายามทำให้ซับซ้อนในส่วนของบท แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จได้ที่สุดสักเท่าไหร่นัก คือบทก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ยังไม่ได้ดี เพราะแต่ละส่วนของหนังยังรู้สึกค่อนข้างแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ได้อยู่บ้าง การเกลี่ยเนื้อเรื่องให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกันของหนังนั้น ยังไม่กลมกล่อมสักเท่าไหร่ เห็นตะเข็บและรอยต่อโผล่ออกมาบ้าง
Black Adam ก็จัดได้ว่ายังเป็นสูตรสำเร็จเดิม ๆ ของหนังดีซี ที่ขยันใส่และระดมยิงเทคนิคซีจีเข้ามาแบบกระจุยกระจาย ถึงกับต้องสารภาพตรง ๆ เลยว่ารู้สึกแอบเลี่ยนอยู่เหมือนกัน ซีจีของหนังไม่ได้แย่อะไรหรอก แต่ด้วยความที่มันใส่มาเยอะแยะเหมือนงบเยอะเหลือเกิน กลับรู้สึกเป็นส่วนบั่นทอนจังหวะของหนังเป็นครั้งคราว จากหนังฮีโร่เกือบจะกลายเป็นหนังลิเกโรงใหญ่ไปแทน เพราะฉากซีจีล้ำ ๆ ใส่เข้ามาให้แบบจุก ๆ ล้น ๆ
ทางด้านการแสดงก็แทบจะไม่ต้องพูดอะไรมากเลย เดอะร็อก ก็คือ เดอะร็อก เพราะบทนี้เป็นบทที่เขาภาคภูมิใจ ศึกษาและทำการบ้านมาอย่างยาวนาน เป็นบทที่เขาแทบจะไม่ปล่อยมันไปให้ใครเลย และเขาคนเดียวเท่านั้นที่ต้องเล่นบทนี้ จึงทำให้ความเป็นแบล็ก อดัมแทบจะแทรกซึมเข้าไปในอินเนอร์ของเขาไปแล้ว ความเเก่ง ความโหด ความปัง อะไรต่าง ๆ ที่เขาแสดงออกมา ดูเข้าถึงบทบาทอย่างเป็นมืออาชีพและเห็นชัด ๆ เลยว่าปูพื้นฐานมาดี
เพียงแค่น่าเสียดายเล็กน้อย เพราะความเบอร์ใหญ่ของเดอะร็อก ก็เป็นดาบสองคมอยู่เหมือนกัน เพราะออร่าเปล่าปลั่งของเขาก็เกือบจะกลบรัศมีของนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ไปหมด โดยเฉพาะตัวละครมนุษย์ อย่าง “ซาราห์ ชาฮิ” หรือ “มาร์เวน เคนซาริ” ใส่เข้ามาเหมือนกับตัวประกอบ ทั้งที่พวกเขาเองก็มีบทบาทและโดดเด่นในหนังอยู่เช่นกัน
แต่ก็นับว่าเคราะห์ที่การแนะนำและเปิดตัวทีม ‘จัสติส โซไซตี้’ ในหนังเรื่องนี้ ทำออกมาได้ค่อนข้างโอเค ถึงจะยังไม่เป็นที่น่าจดจำอะไรขนาดนั้น เพราะตัวละครที่คัดเลือกใส่เข้ามานั้นยังค่อนข้างซอฟต์ ๆ หน่อมแน้มไปสักหน่อย แต่ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบเสริมที่สร้างสีสันให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี “อัลดิส ฮอดจ์” ที่เกือบแล้ว..เกือบจะโดดเด่นแล้วแต่ก็ยังไม่สุดในบท ฮอว์คแมน ขณะที่ “โนอาห์ เซนตินีโอ” กับ “ควินเตสซา สวินเดลล์” ก็มีแอร์ไทม์น้อยไปสักหน่อย และต้องขอบคุณ “เพียร์ซ บรอสแนน” ที่มาเป็น ดร.เฟด ที่น้อยแต่มาก เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรแก่จดจำ
เอาเป็นว่า Black Adam ที่ถือว่าเป็นการกลับสานต่อเส้นเรื่องของจักรวาลหนังดีซีอีกครั้งหนึ่ง ก็ถือว่าให้ผลลัพธ์ออกมาตรงตามมาตรฐานเดิม ๆ ของหนังดีซีที่เคยเห็นกันมา หนังยังไม่ได้ยกระดับหรือสร้างความแปลกใหม่อะไรให้สักเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็มีทีมแคสติ้งนักแสดงชุดใหญ่ที่แท็กทีมกันอย่างทุ่มเท ช่วยพยุงให้หนังเรื่องนี้ดูทรงพลังขึ้นเยอะ ทั้งที่หนังยังมีจุดบกพร่องต่าง ๆ อยู่เต็มไปหมด ทั้งบทที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ การตัดต่อและลำดับภาพที่ประหลาดดีในบางซีน แต่ท้ายที่สุดนี่ก็น่าจะเป็นการวนอยู่ในเซฟโซนอีกครั้งของดีซี แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปได้อีกครา…
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Black Adam
- ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย
- ผู้กำกับ: เจาเม โกเยต-เซร์ร่า
- นำแสดงโดย: ดเวย์น จอห์นสัน, ซาร่าห์ ชาฮิ, เพียร์ซ บรอสแนน
- ความยาว: 124 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 20 ตุลาคม 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: Black Adam
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)