[Review] Alice In Borderland 2 (อลิสในแดนมรณะ 2) [2022]
Alice In Borderland 2 (อลิสในแดนมรณะ 2, 今際の国のアリス II) ซีซั่น 2 ของซีรีส์ญี่ปุ่นแนว Survival Mystery Thriller Action Fantasy สุดมันส์จากค่าย Netflix ที่เล่าเรื่องราวต่อจากซีซั่น 1 เมื่อ อะริสึ, อุซางิ, คุอินะ และ จิชิยะ ที่รอดมาจากศึกที่ The Beach และได้มารวมตัวกันที่กลางเมืองชิบูย่าเพื่อเริ่มต้นเล่นเกมในด่านต่อไป
กำกับโดย Shinsuke Sato (ผู้กำกับจากซีซั่น 1 ที่เคยฝากผลงานสุดมันส์มาแล้วจาก GANTZ: The Movies ทั้ง 2 ภาค, I Am A Hero: The Movie และ Inuyashi: the Movie)
นำแสดงโดย
– Kento Yamazaki [จาก JoJo’s Bizarre Adventure: Diamond Is Unbreakable Chapter I] รับบทเป็น Ryōhei Arisu
– Tao Tsuchiya [จาก Rurouni Kenshin: Kyoto Inferno, Rurouni Kenshin: The Legend Ends และ Rurouni Kenshin: The Final] รับบทเป็น Yuzuha Usagi
– Nijirô Murakami [จาก Rurouni Kenshin: The Beginning] รับบทเป็น Shuntarō Chishiya
– Aya Asahina รับบทเป็น Hikari Kuina
– Ayaka Miyoshi รับบทเป็น Rizuna Ann
– Dori Sakurada รับบทเป็น Suguru Niragi
– Sho Aoyagi รับบทเป็น Morizono Aguni
– Riisa Naka รับบทเป็น Kano Mira
– Yamashita Tomohisa (YAMAPI) รับบทเป็น Ginji Kyuma
– Isomura Hayato [จาก Kamen Rider Ghost] รับบทเป็น Sunato Banda
– Tsunematsu Yuri [จาก the Naked Director 2] รับบทเป็น Akane Heiya
– Chihiro Yamamoto [จาก Kamen Rider Heisei Generations: Dr. Pac-Man vs. Ex-Aid & Ghost with Legend Rider, Shuriken Sentai Ninninger และ Ultraman Geed] รับบทเป็น Lisa
รับชมได้ทางช่อง NETFLIX มีจำนวน 8 ตอน
Alice In Borderland ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเดียวกันของอาจารย์ Haro Aso โดยลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยเป็นของสำนักพิมพ์ วิบูลย์กิจ
เนื้อเรื่อง/เรื่องย่อ
หลังจากที่ อะริสึ และ อุซางิ เคลียร์ด่านเกมไพ่ตัวเลขครบทั้งหมดแล้ว พร้อมกับการล่มสลายของ the Beach ทั้ง อะริสึ, อุซางิ, คุอินะ และ จิชิยะ ก็ได้เดินทางมาที่ชิบุยะเพื่อเริ่มต้นเกมในด่านไพ่หน้าคนที่เหลือ และทันที่ที่เกมเริ่มขึ้นพวกเขาก็ได้พบกับ หมออัน และ ทัตตะ
พวกเขาทั้ง 6 คนจึงต้องร่วมมือกันเพื่อเคลียร์เกมไพ่หน้าคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดให้ได้เพื่อจบเกมก่อนที่วีซ่าชีวิตของพวกเขาจะหมดลง
ความรู้สึกหลังดูจบ
โอ้โห แค่เปิดตอนแรกของซีซั่น 2 ก็เดือดสุดๆ แล้วฮะ ลุ้นระทึกมาก แต่พอผ่านไป 19 นาที ก็กลับมาเดินเรื่องในโหมดเดิม คือเนือยๆ อืดๆ พูดเยอะๆ เน้นซีนอารมณ์สลับกับกับฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ
โดยภาพรวมแล้วซีซั่น 2 ค่อนข้างที่จะเน้นไปที่ฉากแอ็คชั่นซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ทำออกมาได้สนุกและถูกใจคอหนังแอ็คชั่นมากฮะ อย่างที่บอกว่าแค่เปิดเรื่องมาก็เดือดแล้ว c]tโดยเฉพาะในช่วง EP.7 นี่พูดได้เต็มปากเลยว่ามันส์ที่สุดแล้ว โคตรพีคเลย
แต่ด้วยความเดือดของ EP.7 นี่เองที่ทำให้พอถึง EP. 8 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายของเรื่องที่จะเฉลยทุกอย่างกลายเป็นตอนที่ดูจืดๆ ไปหน่อย (ในแง่ของการดำเนินเรื่อง)
และสำหรับตัวเกมที่เด่นๆ ในซีซั่นนี้นั้น แม้ว่ารูปแบบของการเล่นเกมจะแตกต่างกันไปทั้งเกมประเภทที่ต้องใช้จิตวิทยาหรือใช้กำลังการต่อสู้ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะสอดแทรกอยู่อย่างชัดเจนเลยก็คือ การชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งก็น่าจะเป็นสารสำคัญหลักที่ต้องการนำเสนอนะฮะ และแต่ละเกมก็ดูมีความเรียลมากขึ้น (ซึ่งถ้าเทียบกับซีซั่นแรกที่บางเกมยังดูมีความเป็นแฟนตาซีอยู่บ้าง) แต่ก็นั่นแหละฮะ ด้วยความที่เป็นวิธีการนำเสนอแบบหนัง/ซีรีส์ญี่ปุ่น พอถึงช่วงอื่นที่นอกเหนือจากการเล่นเกมจึงกลายเป็นการสนทนาของตัวละครที่หลายๆ คนไม่ค่อยจะถูกจริตมากนัก
สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนที่เคยอ่านมังงะมาก่อนแล้วจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่คือการตัดรายละเอียดในหลายๆ ส่วนรวมถึงตัดตัวละครหลายๆ ตัวออกไป แล้วนำเนื้อเรื่องในส่วนนั้นๆ มาใส่ให้กับตัวละครหลักที่มีอยู่ในเรื่องให้ดำเนินเรื่องแทน ซึ่งมันกลายเป็นว่ามีหลายๆ จุดที่มันไม่เหมาะสม (ไม่เข้ากัน) กับตัวละครที่ถูกยัดเนื้อหาเข้าไป
แต่ถ้ามองในแง่ของคนที่ไม่เคยอ่านมังงะมาก่อนจะไม่รู้สึกถึงจุดนี้เลย ถือว่าสอบผ่านในการแปลบทจากมังงะมาเป็นซีรีส์ฮะ (ยกเว้นแค่ประเด็นเดียวที่เกี่ยวกับการเดินทางของ หมออัน ไม่รู้จะใส่เข้าไปทำไม)
สรุป >> ให้ไป 8 เต็ม 10 นะฮะ แม้จะลดความสำคัญในการนำเสนอช่วงการเคลียร์เกมลงไป แต่สิ่งที่จัดเพิ่มเข้ามาคือฉากแอ็คชั่นที่ดีงามมากฮะ การเฉลยปมก็จัดว่าดีพอใช้ได้ ไม่ถึงขั้นต้องปาหมอนใส่ แถมยังคงจบแบบปลายเปิดที่สามารถไปต่อในซีซั่น 3 ก็ได้ หรือจะเลือกจบที่ซีซั่น 2 นี้ก็ยังถือว่าจบสมบูรณ์ได้ฮะ