A Dog’s Way Home – เพื่อนรักผจญภัยสี่ร้อยไมล์
— 8/10 —
หนังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ดูง่าย น่ารัก อบอุ่น แอบซึ้งนิดๆ
ใครดูแล้วคงอยากกลับไปกอดหมาที่บ้าน ถ้าใครไม่มีคงอยากหามาเลี้ยงสักตัว
A Dog’s Way Home สร้างมาจากนวนิยายขายดีชื่อเดียวกันของ W. Bruce Cameron (ที่เคยเขียนเรื่อง A Dog’s Purpose กินจนได้ทำเป็นหนังไปแล้ว) โดยเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของหมาจรจัดเพศเมียนามว่า Bella ที่ครอบครัวและแม่ของมันโดนเทศบาลจับไป มันจึงถูกเลี้ยงดูโดยแม่แมว จนกระทั่งโชคชะตาพามันมาเจอกับ Lucas ทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกันและใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุขในระยะหนึ่ง แต่เรื่องราวมันกลับไม่สวยงามขนาดนั้น เมื่อบ้านเมืองที่ทั้งสองอยู่ห้ามปล่อยหมาพันธุ์นี้ออกมานอกบ้าน จึงทำให้มันต้องเดินทางไปไกลบ้านอยู่กับญาติๆ ของ Lucas ที่ต้องห่างจากเขาถึง 400 ไมล์เลยทีเดียว แต่เรื่องมันก็ซับซ้อนเข้าไปอีก เมื่อ Bella หนีและเริ่มออกเดินทางกลับบ้านไปหาเจ้านายสุดที่รักของมัน เรื่องราวการผจญภัยจึงเริ่มต้นขึ้น!
หนังพล็อตเรื่องซ้ำๆ เกี่ยวกับความอบอุ่น การผจญภัย และความน่ารักของหมา ที่เราเห็นมาจากหนังหมาๆ หลายเรื่องแล้ว แต่หนังเรื่องนี้ยังถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นออกมาได้ดี อย่างน่ารักและน่าอบอุ่นเลยทีเดียว
หนังมีการดำเนินเรื่องที่ราบเรียบ เข้าใจง่าย เรียบง่ายมากๆ หนังถูกบอกเล่าด้วยตัวละคร Bella นั่นแหละ เป็นการพากย์เสียงลงไป โดยในตอนแรกเรารู้สึกขัดใจกับเสียงนิดหน่อย รู้สึกมันไม่เข้ากับตัวหมายังไงก็ไม่รู้ และโดยส่วนตัวมองเลยว่า “มันไม่จำเป็นต้องมีเสียงพากย์ก็ได้นะ” เพราะการแสดงทั้งหมดของเจ้าหมาตัวนี้มันทำได้ยอดเยี่ยมจริงๆ ถ่ายทอดอารมณ์ทุกอย่างออกมาได้ตรงมากๆ แต่พอดูไปเรื่อยๆ ก็ถึงบางอ้อ…อ๋อ เข้าใจละว่าทำไมถึงต้องพากย์เสียงลงไป เพราะมันจะช่วยให้เล่าเรื่องง่ายขึ้น เล่นมุกได้บ้าง และทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างไหลลื่น
พูดถึงเรื่องหมา นักแสดงนำนางเอกของเรื่องนี้ นอกจากจะน่ารักมากๆ แล้ว ยังเล่นดีมาก ดีแบบดีมากจริงๆ คือมันสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาทางการแสดงของมันได้หมดเลย เก่งโคตร เศร้า สุข ดีใจ เสียใจ มันเล่นได้เหมือนคนแสดงเลย (ถึงแม้บางฉากจะมีการใช้ CG เข้ามาช่วยก็ตาม) น่าปรบมือ และน่ายกย่องจริงๆ เมื่อได้รู้แบบนั้นแล้วจึงไปแอบค้นประวัติมานิดหน่อยว่า มันคือหมาจรจัดจริงๆ ที่ชื่อ Shelby คือทางผู้ทำหนังและคนเขียนเรื่องนี้อยากได้หมาจรจัดเพื่อนำมาฝึกจริงๆ และอยากได้พันธุ์ผสมพิตบูล ไม่ก็ร็อตไวเลอร์ผสม แล้วก็ได้ไปป๊ะ กับเจ้า Shelby หมาพันธุ์ผสมพิตบูล ที่ทางศูนย์พักพิงสัตว์กำลังตามหาเจ้าของให้มันอยู่ สุดท้ายก็ได้ฝึกกันแค่ 3 เดือนเท่านั้น และบทพิสูจน์เราก็เห็นได้แล้วว่ามันยอดเยี่ยมแค่ไหน อย่างกับมันเกิดมาเพื่อเป็นดาราหมายังไงยังงั้น! ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นหมาจรจัดมาก่อน (หน้าที่ของมันนอกจากเป็นดาราแล้ว มันยังเป็นหมาเยียวยา ตามบ้านพักคนชราหรือทหารผ่านศึก โดยจะช่วยให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเก่งทั้งนอกจอและในจอเลยทีเดียว)
ถึงแม้เนื้อเรื่องจะเป็นเส้นตรงและคาดเดาง่าย เหมือนเราได้เดินตามเส้นทางการผจญภัยหาทางกลับบ้านของ Bella นั่นแหละ แต่เราก็ยังสนุก และรู้สึกเอ็นจอยไปกับมันตลอด 1 ชั่วโมงครึ่งได้ไม่ยากเลย เพราะกว่า 90% ของหนัง เราจะเห็นแต่เจ้า Bella เดินป่วนเปี้ยนเต็มจอไปหมดแน่นอน ใครเป็นทาสหมาก็คงจะฟินจิกเก้าอี้อย่างเต็มอิ่มแน่นอน
แต่การที่เราเห็นหมาตลอดทั้งเรื่องเนี่ย มันก็เป็นข้อเสียอย่างนึง เข้าใจแหละว่าหนังเรื่องนี้ขายหมา แต่ในใจตลอดทั้งเรื่องเราก็คิดและสงสัยอยู่ตลอดว่า “หลังจากรู้ว่าหมาหาย ทางฝั่งคนเป็นยังไง รู้สึกยังไงอะ” “กระวนกระวายใจแค่ไหน” “เศร้าใจหรือเปล่า” แต่เราก็ไม่ได้เห็นสถานการณ์ และเหตุการณ์เหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว นับว่าน่าเสียดายมากๆ ไม่งั้นหนังเรื่องนี้จะลงตัวมากกว่านี้
สรุป A Dog’s Way Home เป็นหนังที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี ดูแล้วคุณจะรักหมาที่บ้านมากกว่าเดิม ถ้าใครไม่มีหมา คุณอาจจะอยากไปหาหมาสักตัวมาเลี้ยงเป็นแน่แท้ หนังมีบทสรุปที่อบอุ่นหัวใจและเล่นเอาน้ำตาซึมได้เลย
ปล. เพลงประกอบเรื่องนี้เพราะมากกกกก เพราะจริงๆ และเข้ากับสถานการณ์ในหนังตอนนั้นเป๊ะๆ ช่วยส่งหนังสุดๆ