ตุ๊กแกรักแป้งมาก (ยุทธเลิศ สิปภาค / Thailand / 2014)
หนังน่ารักน่าชังที่สุดของ ยุทธเลิศ สิปภาค ที่ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตที่กำเนิดขึ้นจากความฝันของตัวเองที่มีต่อภาพยนตร์ไทยซึ่งเติบโตไปพร้อมกับความรักโรแมนติกของ ตุ๊กแก กับ แป้ง พระเอกนางเอกแสนน่ารักที่ทำให้ซาบซึ้งจนต้องอมยิ้มและน้ำตาไหล ถึงจะไม่ใช่หนังที่ลงตัวสมบูรณ์แบบ หลายๆ จุดยังขาดการขัดเกลาที่ไม่กลมกล่อม การลำดับภาพที่ยังไม่ไหลลื่น โดยเฉพาะฉากที่ต้องตัดสลับบทสนทนาระหว่างสองตัวละคร
อย่างเช่น ฉากการสนทนาระหว่างตุ๊กแกกับแป้งในวัยเด็กบนรถขณะแม่กำลังจะพากลับบ้านหลังจากเรียนวาดรูปคัทเอาท์เสร็จ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นพูดคุยให้คนดูทำความรู้จักกับความฝันความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวละครหลักที่จะต้องส่งปูพื้นความรู้สึกส่งไปยังฉากต่อๆ ไปนั้น อารมณ์มันแห้งและเบาบางเกินไป ซึ่งเหตุผิดพลาดหลักๆ มาจากการกำกับและการตัดต่อที่ไม่ไหลลื่นไป ยังขาดการเล่าอารมณ์ให้เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างตัวละครที่เป็นธรรมชาติ ขาดช็อตที่ควรจะสร้างอารมณ์ทั้งๆ ที่มันทำได้ดีกว่านี้ ที่น่าเสียดายอีกฉากหนึ่งคือฉากตุ๊กแกกัดหลังเพื่อนที่ยืดเยื้อเกินไป อีกทั้งการเลือกกำกับแสดงที่ไม่สมจริงสมจังทำให้ฉากนั้นมันแห้งผากทั้งๆ ที่เป็นฉากสำคัญเช่นเดียวกับฉากที่กล่าวมา และอีกฉากที่น่าเสียดายยิ่งกว่าคือฉากจับสลากของขวัญปีใหม่ที่แป้งจะต้องร่ำลาเพื่อนๆ ย้ายไปเรียนต่อที่อื่น การแสดงของ น้องพรีม-ชนิกานต์ ตังกับดี นั้นเป็นธรรมชาติมากๆ ราวกับก้อนหินที่พยายามมีความรู้สึก หรือต้นไม้ที่กำลังคายน้ำออกจากตา
ถึงแม้บางฉากจะเห็นการกำกับที่หละหลวม แต่ในหลายๆ ฉากกลับชกเราตายได้ง่ายๆ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างยายกับตุ๊กแก รวมถึงตุ๊กแกกับแป้งที่เล่าบางๆ แต่มีพลังอย่างล้นเหลือ และการไม่พิถีพิถันปั้นอารมณ์บรรยากาศเพื่อเล่าแก่นเรื่องจนเกินไปก็ทำให้เรื่องราวบนเส้นทางความฝันในการทำหนังของผู้กำกับ รวมถึงการหวนระลึกตำนานหนังด้วยการหยิบยืมมาเล่าล้อ บ้างก็กล่าวถึงให้ดำเนินไปพร้อมกับความรักของตุ๊กแกที่รักแป้งมากมันขับเน้นกันและกันได้เข้าน้ำเข้าเนื้อ ทำให้หนังโดยรวมมีการเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติ
นักแสดงน่าสนใจมากๆ นอกจาก เก้า-จิรายุ ละอองมณี ที่รับบทตุ๊กแกวัยหนุ่มที่เติบโตมาจากวัยเด็กได้ดีมาก บวกกับการกำกับที่ไม่ฟูมฟายทำให้เพียงแค่เก้ายืนนิ่งๆ และส่งความรู้สึกผ่านการสายตาก็ทำให้เข้าถึงตัวตนของตุ๊กแกได้เพียงพอแล้ว แป้ง ที่รับบทโดย เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม ที่เราชอบมากๆ กับลุคผมหยิก น่ารักและเป็นธรรมชาติในสายตาเรา แต่บางครั้งบางมุมเสน่ห์ของเพลงที่เป็นแป้งก็เบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด โขม-ก้องเกียรติ โขมศิริ ที่เข้าขากันได้ดีกับเก้ารวมทั้งลุงที่รับบท เสี่ยปลา นายทุนหนัง แม่ปิงลิงโขง ที่ทำให้นึกถึงเสี่ยเจียงซึ่งเอามาเป็นจุดขายเสียงหัวเราะในเทรลเอลร์ก็เล่นได้เป็นธรรมชาติมากๆ รับรู้ถึงการมีตัวตนของเสี่ยจริงๆ ตั๊ก บริบูรณ์ จันทร์เรือง กับบทบาทผู้กำกับที่แค่มองหน้าก็ตลกแต่ในส่วนที่ต้องจริงจังก็ทำได้ไม่เลว นอกจากนั้นยังมี อังเคิ้ล-อดิเรก วัฏลีลา กับ อุดม ชวนชื่น ที่มาถ่ายทอดตำนานศิลปินโรงหนัง เข็ม กฤตธีรา กับบทรับเชิญเป็นแม่ของแป้ง ซึ่งทุกคนที่กล่าวมาต่างเป็นนักแสดงสมทบที่ช่วยสร้างเสน่ห์ให้หนังน่าจับตาได้ดีมากๆ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ น้อย โพธิ์งาม กับบทบาทยายของตุ๊กแกที่มีพลังมากๆ ในทุกๆ การปรากฏตัว ดีงามเสียจนสามารถเป็นตัวเต็งเข้าชิงรางวัลในปลายปีนี้-ต้นปีหน้าอย่างแน่นอน
ใครที่เกิดในยุคไทยคลาสสิกก็จะได้เพลิดเพลินกับการหวนระลึกอดีตที่มาพร้อมกับเพลงเพราะๆ ของเล่นอย่างปืนแก๊ปและหน้ากากอินทรีแดง ขนมอย่างไข่จิ้งจก และสำหรับคนดูหนังไม่สมควรพลาดไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร เพราะตุ๊กแกจะพาไปเจอกับอดีตด้วยการหวนให้รำลึกถึงแผ่นฟิล์ม โรงหนัง และบุคคลในวงการหนังในตำนานในสายตาที่เคารพรักหนังของผู้กำกับ ด้วยการหยิบยืมมาเล่าล้อและกล่าวถึง แน่นอนว่ายุทธเลิศไม่พลาดการกัดจิกเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นพิธี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนทำหนังต้องไม่พลาดเพราะจะได้ซึมซาบประสบการณ์จริงที่ถ่ายทอดจากผู้กำกับผ่านเรื่องราวของ ตุ๊กแกรักกแป้งมาก ที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและความหวังได้เป็นอย่างดี ไปดูกันเถอะ…หนังไทยดีๆ ที่จะทำให้คนดูยิ้มร่าน้ำตานองในรอบหลายปีที่ไม่ควรพลาด แล้วทุกคนจะไม่เกลียดตุ๊กแกเหมือนคุณยายรักตุ๊กแก ฉากนี้อย่างกับติดสวิตช์เปิดเขื่อนน้ำตา ตุ๊กแกร้องไห้ทีไร น้ำตาไหลตามตลอดเรานี่มันตุ๊กแกจริงๆ T^T