The Art of Racing in the Rain – อุ่นไอหัวใจตูบ
— 7/10 —
ไม่ใช่หนังที่ขายความน่ารักของหมา
แต่มันคือหนังที่ถ่ายทอดชีวิตคนผ่านมุมมองของหมา
อบอุ่นกำลังดี ซึ้งพอได้ แต่ยังไม่สุดสักทาง
หนังชื่อโคตรยาวที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับนักแข่งรถคนหนึ่ง Denny ที่สามารถขับรถกลางฝนได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งชายคนนั้นก็ได้เลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่งชื่อ Enzo และเรื่องราวก็ถูกบอกเล่าผ่านตัว Enzo ถึงหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของมัน ทั้งความรัก ครอบครัว และชีวิตที่สุดแสนจะอบอุ่น
ซึ่งแวปแรกเราคิดเลยว่ามันจะเป็นหนังแบบ A Dog’s Purpose หรือ A Dog’s Journey เพราะมันดำเนินเรื่องและบอกเล่าเรื่องด้วยตัวหมาเหมือนกัน แต่หลังจากดูแล้วมันค่อนข้างจะต่างกันพอสมควร เพราะในเรื่องนี้มันไม่ได้เน้นขายความน่ารักหรือความผูกพันของหมากับเจ้าของสักเท่าไหร่ แต่จะโฟกัสที่เรื่องราวชีวิต ประเด็นต่างๆ ของพระเอกที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการแข่งรถผ่านมุมมองของหมาเสียมากกว่า หมาจะเป็นเหมือนผู้บรรยายที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆ และนำมาบอกเล่าให้คนดูฟังอีกที
หากมองผิวเผินและดูจากตัวอย่าง + ชื่อเรื่องแล้ว อาจจะทำให้นึกได้ว่าเป็นหนังแข่งรถที่มีน้องหมาร่วมด้วย (ทำให้นึกถึงหนังแฟรนไชส์ Buddie แต่ก่อน ที่มาเล่นกีฬาต่างๆ) แต่มันไม่ใช่แบบนั้น มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพราะเรื่องราวทั้งหมดมันถูกเปรียบเทียบกับการแข่งขัน มันมีเรื่องราวการแข่งรถเข้ามาครอบโครงเรื่องไว้ แต่การแข่งที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้มันเปรียบกับชีวิตของพระเอกต่างหาก เขาต้องขับรถบนเส้นทางชีวิตเพื่อตัวเองและในฐานะผู้เป็นพ่อ นักแข่งรถที่ดีไม่คิดถึงอดีตหรืออนาคต แต่จะคิดถึงปัจจุบัน และนั่นสะท้อนเหตุการณ์ของพระเอกได้เป็นอย่างดีกับปัญหาที่เขาต้องเจอ ดังคำกล่าวที่เขาพูดไว้ในหนังว่า “ไม่มีการแข่งขันไหนชนะกันที่โค้งแรก แต่มีหลายคันแพ้ที่โค้งนั้น” ต่อให้เขาจะหลุดโค้งหรือเข้าโค้งพลาดสักกี่โค้งก็ตาม แต่เขายังไม่แพ้ เพราะนั่นไม่ใช่โค้งสุดท้ายของชีวิต ชอบประเด็นนี้มาก เป็นหนังดราม่าชีวิตที่เปรียบเทียบกับการแข่งรถได้คมมาก
จุดนึงที่น่าชื่นชมเลยคือคนให้เสียงพากย์ Enzo เนี่ยแหละ เจ้าของเสียงนั่นคือ Kevin Costner เสียงเขาเพราะมากกกกกก นุ่ม น่าฟัง ทำให้หนังอบอุ่นขึ้นมากกกกก และพาร์ทดราม่าก็ดูน่าสงสารจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีฉากน่ารักจ๋าๆ อย่างหนังหมาเรื่องอื่นๆ แต่ก็มีฉากที่ทำให้เรายิ้มได้อยู่หลายช่วงเหมือนกัน ตามมาด้วยนักแสดงในบท Denny กับ Milo Ventimiglia และเขาก็เป็นอีกคนที่ทำให้หนังมันดูอบอุ่นเช่นเดียวกับเสียงพากย์ของ Enzo เลย แถมฉากสื่ออารมณ์ต่างๆ เขาก็ทำออกมาได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียว
ทั้งนี้ทั้งนั้นช่วงแรกของหนังยังรู้สึกเอื่อยๆ และเล่ายาวเกินไปสักหน่อย พึ่งมาเข้มข้น ดราม่าในช่วงท้ายๆ ที่เล่นเอาน้ำตาคลอเหมือนกัน แต่มันก็ยังไม่สุดอยู่ดี ไม่ว่าจะในแง่ไหนของหนังก็ตาม
โดยรวมแล้ว The Art of Racing in the Rain ไม่ใช่หนังที่ขายหมาจ๋าๆ อย่างหนังหมาเรื่องอื่นๆ แต่มันคือหนังที่ถ่ายทอดชีวิตของชายคนนึงผ่านมุมมองของหมา โดยมีหมาเป็นผู้เห็นและบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ แทน เป็นหนังที่ดูแล้วอบอุ่นเล็กๆ อยู่ในใจเหมือนกัน