MINARI
— 8/10 —
ไม่ใช่หนังที่สนุกหรอก แต่เป็นหนังที่ดีและได้ข้อคิดในการใช้ชีวิตเลย
Minari คือผลงานการกำกับและเขียนบทของ Lee Isaac Chung เป็นลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกัน ที่นำเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจมาทำเป็นหนัง โดยตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวชาวเกาหลีที่ได้ตัดสินใจจากบ้านเกิดมาอเมริกาหวังจะลงหลักปักฐาน แต่ด้วยความฝันก็ต้องย้ายจากเมืองนึงไปอีกเมือง เริ่มนับ 0 กันใหม่ กลายเป็นบททดสอบชีวิตของครอบครัวนี้
ถามว่าหนังสนุกมั้ย ตอบตรง ๆ ว่าไม่หรอก แต่ถ้าถามว่าได้อะไรจากหนังมั้ย ต้องตอบเลยว่าเยอะแยะเลย หนังเรื่องนี้มันเปรียบเสมือนหนังสารคดีที่พาเราไปสำรวจเรื่องราวชีวิตของครอบครัวเกาหลีนี้ ผ่านหลากหลายแง่มุมหลากหลายตัวละครในครอบครัวทั้ง พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว คุณยาย เราจะได้เห็นทั้งแง่คิด มุมมองในการใช้ชีวิตของแต่ละคน ที่ทั้งทำให้เราได้แง่คิดในการใช้ชีวิตต่าง ๆ มากมาย
หนังไม่ได้ดูยากเลย เข้าใจง่าย อีกต่างหาก มันแค่เรื่อย ๆ เนิบ ๆ ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ไปทีละเล็กละน้อย แฝงข้อคิดระหว่างทางที่คมคายไม่ใช่เล่น ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ มันก็ยังมีหลายจุดที่ยังคลุมเครือไม่ชัดเจนและเราก็ยังคงต้องการคำตอบถึงหลาย ๆ สิ่งอยู่ ก็ตาม
ทางด้านนักแสดงต้องบอกเลยว่าแสดงดีทุกคนไม่มีที่ติเลย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Steven Yeun และ Yuh-Jung Youn ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์
สรุปแล้ว Minari ไม่ใช่หนังที่สนุก แต่ถือว่าเป็นหนังที่ให้ข้อคิดดี ๆ กับเราเรื่องนึงเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นโดยส่วนตัวก็ยังมองว่ามันไม่กลมกล่อมอยู่ดี หลาย ๆ ซีนยังไม่สามารถส่งอารมณ์มาถึงเราได้ขนาดนั้น คือเข้าใจทุกอย่างที่เกิดขึ้นนะ แต่ยังพาเราไปสัมผัสหรืออินตามได้ไม่มากพอ มันไม่ใช่หนังที่จะบอกให้คุณลุกขึ้นมาเผชิญหน้ายอมรับชะตากรรมต่าง ๆ แต่มันคือหนังที่บอกให้คุณดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย ปรับตัว ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในทุกอย่างที่จะเข้ามาในชีวิต เหมือนดั่งที่ในหนังบอกเอาไว้ถึงต้น มินาริ ว่ามันคือวัชพืชที่ที่ปลูกได้ทุกที่ มันก็สามารถเติบโตและเจริญงอกงามได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะโดนลม ฝน แดดมากสักเท่าไหร่ มันก็ยังคงงอกงามอยู่เสมอ…นี่แหละคือสิ่งที่หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอก